ตอนที่ 800 เริ่มปฏิบัติการ!
ประกายสายฟ้าสีน้ำเงินม่วงปรากฏบนชั้นเมฆราวกับคลุ้มคลั่ง เสียงฟ้าผ่าดังไม่หยุด
เหมือนกำลังจะเกิดพายุฝนกระหน่ำ
เมฆครึ้มนี้ปกคลุมทั่วทั้งเมืองแห่งโลกอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นชั้นหนาทึบ
แต่เนื่องจากเป็นตอนกลางคืนจึงไม่เด่นชัดมากนัก
ทว่าเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ดังสนั่นได้ปลุกชาวเมืองที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาจำนวนไม่น้อย
มีคนชะโงกหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าที่เดิมทีปลอดโปร่งตอนนี้กลับถูกเมฆครึ้มปกคลุมหนาหลายชั้นจนมืดไปหมด
สภาพอากาศแบบนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเมืองแห่งโลก
“ไอ๊หยา! ภัยพิบัติมาแล้ว!”
“คงไม่ใช่ว่าท่านจักรพรรดินีโกรธเพราะเรื่องวันนี้ใช่ไหม!”
“เอ่อ…ขอกระซิบเบาๆ แบบนั้นก็ออกจะใจแคบไปหน่อยนะ”
ศรัทธาที่ชาวเมืองมีต่อผู้วิเศษจักรพรรดินีกับผู้วิเศษนักมายากลเริ่มสั่นคลอนอย่างไม่รู้ตัว
เพียงเพราะการแข่งขันคัดเลือกหัวหน้าตระกูล
“ก่อนถึงพิธีฉลองขึ้นปีใหม่ อากาศเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” หอคอยที่อยู่บนยอดอาคารสูงกำลังดื่มด่ำกับเหตุการณ์ในตอนนี้ “พวกเราออกปฏิบัติการสะดวกดีด้วย”
โจ้วเหยียนลืมตาขึ้นเล็กน้อย ยิ้มพลางพูด “ถ้าซาโรห์รู้ว่าตอนนี้นายสร้างได้แม้กระทั่งสภาพอากาศที่เลวร้าย ซาโรห์จะโกรธหรือเปล่า”
พลังพิเศษของหอคอยทำได้เพียงสร้างภัยพิบัติ
เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นก็จะปรากฏคนบาดเจ็บล้มตาย
แต่สภาพอากาศที่เลวร้ายแบบนี้ไม่ใช่ภัยพิบัติ
หอคอยสร้างขึ้นมาได้ด้วยการลดทอนพลังของตัวเอง
แต่ผู้วิเศษคนอื่นกลับลดทอนพลังของตัวเองไม่ได้
“มีอะไรน่าโกรธ” หอคอยยักไหล่ “ซาโรห์กับหลุยส์ผงาดขึ้นมาได้ก็เพราะเดวิลกับวงล้อแห่งโชคชะตาดับสูญไป กอปรกับจักรพรรดิเปลี่ยนภพถูกพวกเราตามฆ่าต่อเนื่องหลายครั้ง ความสามารถก็ค่อยๆ ถดถอยลง”
“แต่นี่ก็ผ่านไปหลายสิบศตวรรษแล้ว เธอยังจะมองว่าตัวเองเป็นจักรพรรดินีจริงๆ อีก”
ในสายตาของพวกเขา ซาโรห์ไม่มีค่าให้ชายตามอง
อย่างไรเสียพวกเขาก็มีอัลไคด์อยู่
พลังพิเศษของผู้วิเศษจักรพรรดินีคือการควบคุม ก็แค่สิ่งประดับเท่านั้น
“จะว่าไป หาตัวจักรพรรดิในภพล่าสุดเจอหรือยัง” โจ้วเหยียนขมวดคิ้ว “นี่น่าจะเป็นการเปลี่ยนภพครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว ขอแค่กำจัดเขาได้ เขาก็จะดับสูญอย่างสิ้นเชิง”
หลายปีมานี้พวกเขาตามหาผู้วิเศษที่กลับมาเกิดใหม่
ถ้าเจอก็จะกำจัดทิ้งก่อน
ผู้วิเศษพลังกับผู้วิเศษยุติธรรมก็ถูกพวกเขากำจัดไปแบบนี้
ผู้วิเศษที่ความทรงจำกับพลังยังไม่ฟื้นกลับมาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
เล่นงานได้ไม่ยาก
แบบนี้ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ใช้ฆ่าผู้วิเศษได้
“ยังหาไม่เจอ นายก็รู้ว่าภพสุดท้ายตามหายากมาก แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ” หอคอยครุ่นคิดพลางพูด “รอพวกเรากำจัดมนุษย์ธรรมดาสองคนนั้นก่อนค่อยไปตามหาจักรพรรดิ”
โจ้วเหยียนหลับตาลงอีกครั้ง “ฉันยังไงก็ได้ นายวางแผนมาแล้วกัน”
…
อีกด้านหนึ่ง
สำนักผู้วิเศษ
อยู่ๆ สภาพอากาศก็เลวร้าย ซาโรห์ย่อมสังเกตเห็นแล้ว
ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นได้มีคลื่นพลังพุ่งเข้ามา
พลั่ก!
เสียงดังสนั่น ผลักเธอเข้าไปติดกำแพง
คลื่นพลังนี้ไม่เบา ซาโรห์รู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อเธอเห็นคนตรงหน้าชัดเจนก็กัดฟันพูด “พระจันทร์! เธอจะทำอะไรอีก!”
“ทำอะไรน่ะเหรอ” ฉินหลิงอวี๋ยิ้ม “เธอคงไม่ได้โกรธที่วันนี้แพ้ในการคัดเลือกหัวหน้าตระกูล จงใจใช้สภาพอากาศเลวร้ายแบบนี้มาแกล้งพวกเราใช่ไหม”
“เหลวไหล!” ซาโรห์โมโหจนหัวเราะ “ฉันไม่ได้ทำ ฉันยังเตรียมจะออกไปกำจัดสภาพอากาศแบบนี้ด้วยซ้ำ!”
สายตาของฉินหลิงอวี๋จับจ้อง “ไม่ใช่ฝีมือเธอเหรอ”
ซาโรห์ปล่อยพลังทันที เริ่มควบคุมสภาพอากาศเหมือนยามปกติ
แต่กลับไม่เป็นผลแม้แต่น้อย
เป็นครั้งแรกที่ซาโรห์สีหน้าเปลี่ยนไปมาก
เธอเป็นคนควบคุมฤดูกาลกับสภาพอากาศในเมืองแห่งโลก
มีแค่บางครั้งบางคราวที่เธอจะลงโทษชาวเมืองแห่งโลกด้วยการทำให้หิมะตกหนักต่อเนื่องหนึ่งเดือน
ต้องสั่งสอนเสียบ้าง ชาวเมืองถึงจะยิ่งเกรงกลัวเธอ
แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงควบคุมสภาพอากาศที่เลวร้ายไม่ได้
หรือว่าผู้วิเศษจักรพรรดิจะกลับมาแล้ว!
พลังพิเศษของผู้วิเศษจักรพรรดิเหมือนเธอไม่มีผิดเพี้ยน แต่กลับอยู่เหนือเธอ
“ชิ” ฉินหลิงอวี๋ก็มองออกแล้ว ปล่อยจักรพรรดินี สองมือกอดอก “ดูท่าเธอก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ ซาโรห์ เธอเป็นจักรพรรดินีที่ไม่ได้เรื่องเลยนะ”
เธอชูนิ้วโป้งหักหัวลงให้ซาโรห์ “ขยะ”
ไม่มองสีหน้าของซาโรห์ที่บึ้งตึงอีก ฉินหลิงอวี๋เดินออกจากสำนักผู้วิเศษ
อวี้เสวี่ยเซิงกับหลิงเหมียนซีอยู่ด้านนอก
ฉินหลิงอวี๋ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ใช่ฝีมือซาโรห์”
“น่าจะเป็นหอคอย” อวี้เสวี่ยเซิงเงยหน้า “เขาเก็บซ่อนความสามารถไว้”
การลดทอนพลังพิเศษของตัวเองยากยิ่งกว่าการเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยซ้ำ
หลิงเหมียนซีหรี่ตาลง “เขาคิดจะทำอะไร แค่ชอบสภาพอากาศแบบนี้เหรอ”
“หากมองในทางจิตวิทยา พวกเขากำลังจะเริ่มปฏิบัติการแล้ว” อวี้เสวี่ยเซิงยิ้มบาง “เพราะสภาพอากาศแบบนี้ทำให้ลงมือได้ง่าย”
ก็จริง
อากาศแบบนี้ทำให้ผู้วิเศษแบบพวกเขากระวนกระวายใจ แต่ก็หาร่องรอยไม่ได้
ศัตรูแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิด
…
นอนรักษาอยู่บนเตียงถึงห้าวัน กอปรกับได้อิ๋งจื่อจินช่วยบำรุง ลูเอลก็อาการดีขึ้นมาก
เขามองท้องฟ้านอกหน้าต่าง “ตอนนี้มืดแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ” ซู่เวิ่นหยิบแก้วน้ำขึ้นมายื่นให้เขา ขมวดคิ้วพลางพูด “เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว น่าจะเกี่ยวข้องกับสำนักผู้วิเศษ แต่พวกท่านซิวก็ทำอะไรสภาพอากาศแบบนี้ไม่ได้”
อย่างไรเสียทางอิ๋งจื่อจินก็ยังไม่มีผู้วิเศษคนไหนที่มีพลังควบคุมดินฟ้าอากาศได้
ลูเอลสีหน้าเปลี่ยน “งั้นเยาเยาล่ะ ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ลูกเพิ่งเอายามาให้คุณ ตอนนี้อยู่กับคุณชายเจ็ดที่ชั้นล่าง” ซู่เวิ่นลุกขึ้น “ฉันจะไปเรียกลูกขึ้นมา”
ไม่กี่นาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็ตามซู่เวิ่นขึ้นมา
เธอโน้มตัวถามด้วยความเป็นห่วง “คุณพ่อดีขึ้นไหมคะ”
“พ่อดีขึ้นมากแล้ว” ลูเอลตอบ “เยาเยา อากาศแบบนี้?”
“ฝีมือผู้วิเศษหอคอยค่ะ” อิ๋งจื่อจินห่มผ้าให้เขา “คุณพ่อนอนพักรักษาตัวไปนะคะ ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้”
เมื่อก่อนลูเอลปกป้องเธอด้วยชีวิต
เธอก็จะปกป้องเขากับซู่เวิ่นให้ดี
ลูเอลก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องขัดแย้งระหว่างผู้วิเศษทั้งยี่สิบสองคน เขาเข้าไปยุ่งไม่ได้ เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ได้ ลูกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วออกจากห้อง
ลูเอลวางแก้วลง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายหนุ่มรูปงามยืนพิงประตูห้องอยู่ เขาหน้าบึ้งลงทันที
“คุณปั้นหน้าบึ้งให้ใครดูกันน่ะ” ซู่เวิ่นตำหนิ “คุณชายเจ็ดเป็นเด็กดีจะตาย คุณห้ามรังแกเขานะ”
ลูเอลทำเสียงหึเบาๆ “ผมเพิ่งได้เจอเยาเยาไม่กี่วินาทีคุณก็จะให้ลูกแต่งออกไปแล้ว ยังจะไม่ให้ผมเสียใจอีกเหรอ”
“ลูกโตแล้วก็ต้องไปจากอ้อมอกเรา” ซู่เวิ่นหัวเราะ “ลูกที่ฉันคลอดมาเอง ฉันก็เจ็บปวดใจเหมือนกันนะ”
“คุณลุง”
มีเสียงเรียกดังขึ้น
ลูเอลเงยหน้า ไม่ได้ทำหน้าดีๆ ใส่
ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มพลางพูดแบบสบายๆ “ผมคุยกับเยาเยาแล้ว ผมจะแต่งเข้ามา เธอก็ไม่ต้องไปจากคุณลุงคุณป้าด้วยครับ”
ลูเอลอึ้ง
“เธอเป็นแก้วตาดวงใจของคุณลุง และก็เป็นคนที่ผมรักมาก” ฟู่อวิ๋นเซินโค้งตัวให้ลูเอล “ผมขอสาบานด้วยชีวิตอีกครั้ง เธออยู่ ผมก็อยู่ครับ”
“ผมจะไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายเธอ ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ครับ”
ลูเอลอึ้ง “เธอ…”
เขาย่อมมองออกว่าคำสัญญานี้ของฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ
แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้อีก สีหน้าของเขาบึ้งตึงอีกครั้ง
ลูเอลยังไม่ทันพูด ต่อมาเขาก็ถูกซู่เวิ่นเตะเบาๆ หนึ่งที อดตกใจอยู่บ้างไม่ได้ “ซู่ซู่?”
“คุณชายเจ็ด ไม่ต้องสนใจเขา เมื่อก่อนเขาก็ถูกลูกน้องเรียกว่าเทพหน้าดำ วันๆ เอาแต่ปั้นหน้าบึ้ง ไม่รู้ว่าอยากขู่ใคร” ซู่เวิ่นไม่สนใจลูเอล “อยู่ที่นี่ป้าเป็นคนตัดสินใจ เธอกับเยาเยามีอะไรก็ไปทำเถอะ พวกเราไม่ออกไปไหนแน่นอน”
ตระกูลเรนเกลมีจอมยุทธ์สามหมื่นคนประจำการอยู่ ยิ่งปลอดภัยมากกว่าเดิม
ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “ครับ”
เขาลงไปชั้นล่าง อิ๋งจื่อจินเก็บของเสร็จแล้ว
เธอสะพายกระเป๋าเป้ “ทำไมอยู่ข้างบนตั้งนาน”
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี้คุยกับคุณพ่อน่ะ”
“คุยอะไร”
“ความลับ”
“…”
“คุณดีขนาดนี้ ควรค่าให้หลายคนรุมรัก” อิ๋งจื่อจินพูดอย่างใจเย็น เธอให้กำลังใจเขา “ สู้ๆ นะพี่ชาย ฉันเชื่อว่าคุณเอาชนะใจคุณพ่อได้”
“อืม…” ฟู่อวิ๋นเซินลากเสียงยาว “งั้นพี่ชายก็โชคดีอยู่นะ”
“ว่าไงนะ”
“คนอื่นมีพ่อตาแค่คนเดียว แต่พี่ชายมีสองคน”
“…”
อิ๋งจื่อจินไม่อยากสนใจเขา “ฉันไปสำนักวิจัยแล้วนะ”
ฟู่อวิ๋นเซินรู้แผนการของเธอ เขาพยักหน้าเบาๆ “เตรียมพาคณบดีนอร์แมนกับพวกอาจารย์กิตติมศักดิ์ออกจากเมืองเหรอ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินตอบเสียงเบา “เมืองแห่งโลกไม่อนุญาตให้คิดค้นยานอวกาศข้ามจักรวาล แต่ทำที่เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรได้”
เธอหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ไชโลห์พูดถูกอยู่อย่าง ยังไงอาจารย์ก็ต้องถูกสำนักผู้วิเศษกำจัดในไม่ช้าก็เร็ว อยู่ไหนก็ไม่ปลอดภัย ไม่สู้พาออกนอกเมืองไปก่อน”
ช่วงหลายวันมานี้เธอตัวติดกับลูเอลเลยยังไม่ได้ไปสำนักวิจัย
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ว่าอะไร “เดี๋ยวไปส่ง”
เปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไม่ได้ แต่ป้องกันได้
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสองคนก็ไปถึงสำนักวิจัย
อิ๋งจื่อจินกระโดดลงจากรถ ตรงไปที่ห้องทำงานของคณบดีนอร์แมน
เจอกับบรรดาอาจารย์กิตติมศักดิ์ ล้วนเป็นบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิของคณะวิศวกรรมศาสตร์
“คุณอิ๋ง” พอเห็นเธอบรรดาอาจารย์กิตติมศักดิ์ก็หยุด สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
หนึ่งในอาจารย์กิตติมศักดิ์ฝืนยิ้ม “คุณอิ๋งครับ วันนี้คณบดีไม่อยู่สำนักวิจัย เขาอยู่บ้านดูแลลูกเมีย เขาไม่ได้บอกคุณอิ๋งเหรอครับ”
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ผ่านไปสักพักถึงเงยหน้าขึ้น
สีหน้าของเธอเย็นชา พูดเสียงดังฟังชัด “อาจารย์ของฉันล่ะคะ”