ตอนที่ 818 พบกันอีกครั้ง เจอตัวจักรพรรดิ
ชาตินี้รูปลักษณ์ของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว ชื่อแซ่ก็เปลี่ยนไป
สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือจิตวิญญาณและหัวใจของพวกเขา
จากกันไปหลายปี พวกเขาได้มายืนอยู่ตรงหน้ากันและกันอีกครั้ง
อิ๋งจื่อจินมองดวงตาดอกท้อที่อมยิ้มตามธรรมชาติของเขา พูดเสียงเบา “นั่นไม่ใช่คำพูดสุดท้ายที่ฉันอยากทิ้งไว้ให้นาย”
ตอนนั้นเธอเจ็บมาก พูดก็ลำบาก
อีกทั้งไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แค่อยากให้เขาไปพัฒนาฝีมือที่อีกจักรวาลหนึ่งโดยเร็วที่สุด
ฟู่อวิ๋นเซินอึ้งเล็กน้อย “หืม?”
“คำพูดที่ฉันอยากบอกคือ…” อิ๋งจื่อจินยิ้ม “ฉันไม่มีหัวใจ แต่ฉันมีคนที่ฉันรัก บังเอิญมากที่คุณเดก็คือคนคนนั้น”
มือของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก เป็นครั้งแรกที่เขาทำตัวไม่ถูก หูก็ร้อนผ่าว “เยาเยา?”
เธอพิงศีรษะกับอกของเขา ฟังเสียงหัวใจเต้นอย่างมั่นคง
ราวกับว่ามีเพียงการกอดเขาไว้แบบนี้เท่านั้น เธอถึงจะรู้สึกได้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
“คุณเด โง่จริงๆ” อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะแล้วยิ้มพลางพูด “‘ดวงดาวเจิดจรัส บุตรแห่งเกียรติยศ’ ของพวกเรา ที่แท้ก็เป็นคนโง่”
ฟู่อวิ๋นเซินกอดเธอแน่น พอได้ฟังเขาก็แค่ยิ้ม สายตาอ่อนโยน “คุณอิ๋ง ฉันเองก็แค่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อเหมือนกัน”
ดวงตาของอิ๋งจื่อจินวูบไหว “แต่นายลำบากเกินไป”
แลกกับการที่ต้องตกอยู่ในความมืดมิดแบบนั้น มันทุกข์ทรมานยิ่งกว่าการเวียนว่ายตายเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าเสียอีก
เธอไม่รู้ว่าการเปลี่ยนภพของเขาหลายครั้งก่อนหน้านี้ต้องประสบกับอะไรบ้าง
เอาแค่ภพนี้ สิ่งที่เขาต้องเผชิญก็เกินกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้แล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินพูด “ได้เจอเธออีกครั้ง ลำบากหน่อยไม่เป็นไรหรอก”
“นายบอกฉันว่า นับตั้งแต่พวกเรากลายเป็นผู้วิเศษ ชีวิตก็ไม่ใช่ของเราเองแล้ว” อิ๋งจื่อจินถอนหายใจเบาๆ “พวกเราต้องเสียสละเพื่อโลกอยู่เสมอ แต่การทำแบบนี้ของนายมันไม่ฉลาด”
“ตอนนี้ก็เลยไม่เหมือนกันแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินหยิกแก้มเธอ “ชีวิตของฉันเป็นของเธอ ชีวิตของเธอก็เป็นของฉันเหมือนกัน”
“หากคนใดคนหนึ่งไม่อนุญาตก็ห้ามเอาชีวิตไปทิ้งง่ายๆ เป็นอันขาด”
“ได้ แต่ฉันก็ต้องขอบอกข่าวร้ายกับนาย” อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงปลายปี พวกเราอาจต้องพลีชีพทุกเมื่อ”
วิชาที่เธอฝึกในโลกบำเพ็ญเพียรต้องสูญสลายหายไปหมดเพราะช่วยชีวิตคนอื่น ดาวโลกไม่มีพลังจิตวิญญาณ เป็นโลกที่เพิ่งพาเทคโนโลยีล้วนๆ ด้วยเหตุนี้วิชาที่ใช้พลังจิตของเธอจึงไม่สามารถฟื้นกลับมาได้
ตอนนี้สิ่งที่เธอเหลืออยู่ก็มีแค่สุดยอดพลังต่อสู้แบบผู้วิเศษเดวิลที่เหนือกว่าผู้วิเศษคนอื่น
รวมถึงพลังพิเศษอย่างญาณพยากรณ์ขั้นเทพ
ส่วนปี 20XX เกิดอะไรขึ้นกันแน่ คนทรยศที่แท้จริงคือใคร
ตอนนั้นเธอมองไม่เห็น ตอนนี้เธอก็ยังคงไม่เห็นเหมือนเดิม
ยังคงว่างเปล่า
นี่ก็แสดงว่าวันสิ้นโลกยังคงจะมาถึง
หากผนึกกำลังผู้วิเศษยี่สิบสองคนก็จะสามารถต้านทานภัยพิบัติครั้งนี้ได้ แต่มีผู้วิเศษสี่คนที่ดับสูญอย่างสิ้นเชิงไปแล้ว
“ยังไม่ถึงเวลา ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราไม่รู้” ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรื่อยเปื่อย “ถ้าต้องพลีชีพไปด้วยกันก็ยังดีนะ เธอจะได้ไม่ต้องทิ้งฉันไว้คนเดียวบนโลกนี้”
เขาย่อมรู้ว่า ถ้าเป็นเขาที่ไปฝึกฝนอีกจักรวาลหนึ่ง บางทีสถานการณ์อาจไม่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำขนาดนี้
แต่เขาไม่มีเธอไม่ได้
แน่นอนว่าจะทิ้งโลกที่พวกเขาร่วมกันปกป้องมานานขนาดนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ “ฉันโกรธมากจริงๆ นะ”
“ขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินยอมรับผิดอย่างรวดเร็ว พูดคำพูดเดิม “จะอัดยังไงก็ได้แต่เว้นที่หน้าไว้นะ”
อิ๋งจื่อจินถีบเขาหนึ่งที “ชอบทำเป็นเล่น”
“เจ้าชะตาน้อย ตอนนี้เป็นเจ้าชะตาใหญ่จริงๆ แล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม ลูบศีรษะเธอ “ตอนนี้ร่างกายเธอแข็งแรงมาก แถมยังเป็นคนริเริ่มวรยุทธ์กับแพทย์แผนโบราณ มีลูกศิษย์ตั้งมากมาย เธอช่วยคนไว้ได้เยอะ เธอเก่งที่สุดแล้วในบรรดาพวกเรา”
“ตอนนี้เธอไปได้ทั่วทุกสารทิศ ไม่ต้องเอาแต่อ่านหนังสือดูวิวอยู่บนเขาแล้ว เธออยากไปไหน ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอ”
มิน่าตอนที่เขาเจอเธอ เขาถึงได้เกิดความรู้สึกอยากซื้อพวกหนังสือเด็กให้
เขาจดจำสิ่งที่เธอชอบฝังลึกอยู่ในกระดูก
“ฉันนึกออกแล้ว” อิ๋งจื่อจินเท้าศีรษะ เลิกคิ้ว “เมื่อก่อนนายชอบแกล้งฉันเพราะฉันร่างกายอ่อนแอ แถมยังลูบหัวฉันบ่อยๆ มิน่าตอนนั้นฉันถึงตัวไม่สูง”
“คุณอิ๋ง ใส่ร้ายกันแล้วนะ” ฟู่อวิ๋นเซินงอนิ้วเขกหน้าผากเธอเบาๆ “กระดูกเธอมันหยุดขยายแล้ว จะสูงได้ยังไง ดีนะที่ฉันตั้งใจซื้อนมไปให้กิน แถมยังช่วยนวด”
“อ่อ ฉันลืมไปหมดแล้ว”
“…”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลง “จะว่าไป ฉันเป็นรักแรกพบใช่ไหม”
“ใช่ รักแรกพบ” ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิดพลางพูด “แต่ไม่ใช่ครั้งนั้น ก่อนหน้านั้นที่เจอเธอตอนประชุมผู้วิเศษครั้งแรกฉันก็เตรียมอุ้มเธอแล้ว”
ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ อีกทั้งยังเวียนว่ายตายเกิดมาหลายครั้ง เขาก็ยังคงจำครั้งแรกตอนเจอเธอได้
ตอนนั้นวงล้อแห่งโชคชะตาเพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นาน ผู้โง่เขลาเป็นคนพาเธอกลับมา
เขามองเธออยู่ไกลๆ
เธอมีสีหน้าเย็นชา ไม่สนใจใคร กอดหนังสือมาเล่มหนึ่ง
ร้องไห้ยิ้มแย้มไม่เป็น
เหมือนก้อนหินที่ไร้หัวใจ
ตอนนั้นเขารู้ว่าเธอเป็นผู้วิเศษที่อายุน้อยที่สุด แต่พลังกลับน่ากลัวที่สุด
เธอรักษามารยาทมีระยะห่างกับทุกคน ไม่เคยไปมาหาสู่กับใครมากเป็นพิเศษยกเว้นเรื่องภารกิจ
ต่อมาเขาเลยหาข้ออ้างให้ผู้โง่เขลาพาไปพบเธอ
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินอ่อนโยน สายตาออดอ้อน “ยังโกรธอยู่ไหม”
“ไม่โกรธแล้ว” อิ๋งจื่อจินเบือนหน้าหนี “เห็นหน้านี้แล้วโกรธไม่ลง”
“อย่างนั้นเหรอ งั้นมีหนึ่งคำถาม” ฟู่อวิ๋นเซินจับข้อมือเธอ “เยาเยา เธอต้องตั้งใจตอบนะ”
พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของอิ๋งจื่อจินก็เริ่มขรึมลง “ถามอะไร”
“เมื่อก่อนกับตอนนี้ ตอนไหนฉันดูหล่อกว่ากัน”
“…”
อิ๋งจื่อจินถีบเขาไปอีกหนึ่งที มองค้อนใส่ “หุบปากได้แล้วนะ”
“เด็กน้อยของฉันน่ารักขึ้น แต่นิสัยยังไม่เปลี่ยน” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “เอาล่ะ ไม่แกล้งแล้ว ยังมีคนรอเธออยู่ ลงไปไหม”
“ไปสิ” สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “ใกล้วันเข้ามาแล้ว พวกเราต้องสร้างความสามัคคีให้ทุกคน”
ทั้งสองคนลงไปชั้นล่าง
ภายในห้องรับแขก
ผู้วิเศษมารวมตัวกันห้าคน นอร์ตันก็อยู่ด้วย
พอเห็นอิ๋งจื่อจิน ซิวก็เก็บอาการไม่อยู่อีกต่อไป เขาลุกพรวด สีหน้าตื่นเต้น ขอบตาเริ่มแดง
“พอ ยืนตรงนั้น” อิ๋งจื่อจินยกมือห้าม “ไม่ต้องขยับ”
ซิวหยุดนิ่งทันที
เขายังคงกลัวเธอเหมือนเดิม
ซิวลูบผมที่เพิ่งย้อมมาใหม่ เขาพูด “เอ่อคือ น้องสาว พี่…”
“นายเรียกฉันว่าบอสเหมือนเดิมดีกว่า”
“…”
เขาล่ะอยากตบหน้าตัวเอง
ตอนนั้นทำไมนึกไม่ถึงนะว่าอิ๋งจื่อจินคือน้องสาวของเขา!
“เยาเยา นั่งตรงนี้” ฟู่อวิ๋นเซินเลื่อนเก้าอี้ให้เธอ “พวกเราประชุมกัน”
ซิวกลับที่นั่งอย่างเศร้าๆ
ทันใดนั้นเขาก็มีท่าทางเอาเรื่อง ชี้ฟู่อวิ๋นเซินด้วยความโมโห “ว่าแล้ว! ทำไมอยู่ๆ รูปก็หายไปหนึ่งใบ ที่แท้คุณก็เอาไป!”
ตอนนั้นเขาไม่สงสัยฟู่อวิ๋นเซิน ‘คุณชายมาดขรึม’ คนนี้เลยสักนิด
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “น้องสาวคุณเป็นของผม ผมต้องอยากได้รูปด้วยเหรอ”
ซิว “…”
เขาโมโห
ทำไมถึงมีคนหน้าด้านแบบนี้ด้วย
“เขาจะขโมยรูปของนายไปทำไม” อิ๋งจื่อจินเหล่มองซิวแล้วพูดอย่างใจเย็น “ฉันเคยเห็นรูปวาดพวกนั้นแล้ว วาดฉันได้น่าเกลียดมาก ออกไปข้างนอกอย่าไปพูดนะว่าเป็นพี่ชายฉัน”
ซิวฟังถึงตรงนี้ขอบตาก็เริ่มรื้น “ไม่เป็นไร สมัยนี้มีกล้องถ่ายรูปแล้ว”
“อืม เดี๋ยวถ่าย” อิ๋งจื่อจินนั่งลง “ตอนนี้พวกเรามีเรื่องต้องหารือกัน”
บรรดาผู้วิเศษต่างนั่งตัวตรง
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ วงล้อแห่งโชคชะตาก็ยังคงเป็นเสาหลักของเหล่าผู้วิเศษ
“ฉันขอถามทุกคนหน่อย” อิ๋งจื่อจินพูดขึ้น “มีใครเคยเจอเดอะเวิลด์ตัวจริงบ้าง”
ผู้วิเศษลำดับสุดท้ายจากยี่สิบสองคน เดอะเวิลด์
พอได้ยินแบบนี้ทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนไป
ผ่านไปสักพักฉินหลิงอวี๋ก็พูดขึ้น “พอถามขึ้นมาแบบนี้ ฉันก็ไม่เคยเจอเดอะเวิลด์เลยนะ ไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชายด้วยซ้ำ เป็นผู้วิเศษสายต่อสู้หรือสายสนับสนุนก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ไม่เคยเจอเหมือนกัน” ซิวส่ายหน้า “นับตั้งแต่ผมถือกำเนิด เดอะเวิลด์ก็ไม่เคยกลับมาที่สำนักผู้วิเศษ”
“อืม” แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลงเล็กน้อย “ไม่เคยเจอเหมือนกัน”
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ “ดูท่าจะมีแค่ท่านปู่ผู้โง่เขลา พี่เทวทูต กับวันพิพากษาที่เคยเจอ”
ผู้วิเศษที่ถือกำเนิดเริ่มแรกสุดมีสี่คน
ผู้วิเศษผู้โง่เขลา ผู้วิเศษเทวทูต ผู้วิเศษวันพิพากษา และผู้วิเศษเดอะเวิลด์
หลิงเหมียนซีไม่ตอบ เธอกำลังครุ่นคิด
หรือเดอะเวิลด์จะเป็นคนทรยศในบรรดาพวกเขา
เธอจำคำพูดของฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินได้เป็นอย่างดี
ห้ามไว้ใจใครทั้งนั้น ทุกคนอาจเป็นคนทรยศได้หมด
“ฉันจะลองตามหาจักรพรรดิก่อน” อิ๋งจื่อจินหลับตาลง “พวกเราต้องหาเขาให้เจอโดยเร็วที่สุด”
ทุกคนก็เครียดกันมาก
ไม่กี่วินาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววตกใจเล็กน้อย
เธอพยักหน้า “จักรพรรดิอยู่ห่างจากพวกเราไปสามสิบเมตร ออกประตูไปเลี้ยวขวา เขากำลังคุยกับพ่อบ้านอยู่ในสวนหย่อม”