คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 821 ยินดีต้อนรับท่านวงล้อแห่งโชคชะตา!

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 821 ยินดีต้อนรับท่านวงล้อแห่งโชคชะตา!

“…”

สมองของซาโรห์ตื้อไปหมด เหมือนหยุดทำงานไปชั่วขณะ

หูก็ราวกับดับไปชั่วคราว

คำพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบของอิ๋งจื่อจินราวกับขโมยทุกเสียงไปหมด

“ฉันก็อยู่ตรงนี้แล้ว มีอะไรก็พูดมา” อิ๋งจื่อจินพูดพลางบอกให้เฉิงหย่วนที่กำลังอึ้งอยู่พาอาจารย์กับนักศึกษาของคณะวิศวะออกไป “ตอนนี้ฉันก็ไม่มีเวลาจะมาเสียกับเธอด้วย เล่นไปคนเดียวก่อนนะ”

ซาโรห์ตัวสั่นขึ้นมาทันที

เธอเงยหน้าขึ้นอย่างอึ้งๆ เห็นใบหน้าที่งดงามของอิ๋งจื่อจิน ริมฝีปากเริ่มซีดลง จากนั้นหน้าก็ซีดตาม

เนื้อตัวเย็นเฉียบในชั่วพริบตา

ริมฝีปากของซาโรห์สั่นอย่างรุนแรง ร้องเสียงหลง “ไม่! ไม่จริง ม่ายยย…”

ผู้วิเศษลำดับที่สิบเอ็ดจากยี่สิบสองคน ผู้วิเศษวงล้อแห่งโชคชะตา

เหล่าอัศวินที่คุกเข่าอยู่บนพื้นต่างตกใจหวาดกลัว แต่ที่มากกว่าคือความดีใจ

วงล้อแห่งโชคชะตาดับสูญไปเร็วมาก ตอนนั้นเมืองแห่งโลกยังเป็นยุคสมัยศักดินา

บันทึกที่ทิ้งไว้มีเพียงข้อความและภาพวาดฝาผนัง

แม้ตอนนั้นเธอจะเป็นเพียงหญิงสาวที่ร่างกายอ่อนแอ ไม่มีทางปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน

แต่ชาวเมืองต่างรู้ว่า เป็นเพราะวงล้อแห่งโชคชะตาพวกเขาถึงพ้นจากเคราะห์ภัยพิบัติน้อยใหญ่ไปได้มากมาย

หยั่งรู้โชคชะตา กุมวาสนา

ตัดสินอดีต พิพากษาอนาคต

ทำนายทุกข์สุข รู้ความเป็นความตาย

เทพพยากรณ์

ต่อใหนักพยากรณ์คนอื่นจะเก่งขนาดไหนก็ไม่คู่ควรกับฉายานี้

“ดูท่าเธอไม่มีอะไรจะพูด” อิ๋งจื่อจินกดปีกหมวกลง “ไปล่ะ ไปรอฉันที่สำนักผู้วิเศษได้นะ พวกเรายังมีบัญชีที่ต้องคิดกันอีก”

เหล่าอัศวินที่คุกเข่าอยู่เวลานี้ตะโกนออกมาด้วยความจริงใจ “ยินดีต้อนรับท่านวงล้อแห่งโชคชะตา! น้อมส่งท่านวงล้อแห่งโชคชะตา!”

เสียงดังสนั่นฟ้า ยินดีกันถ้วนหน้า

ซาโรห์ยังคงอึ้งอยู่ที่เดิม หูอื้อไปหมด ยังคงรู้สึกเหลือเชื่อ

วงล้อแห่งโชคชะตาร่างกายอ่อนแอมาตลอดไม่ใช่เหรอ

ทำไมถึงมีพลังต่อสู้เทียบเท่าผู้วิเศษสายต่อสู้ได้

และที่สำคัญที่สุดคือ วงล้อแห่งโชคชะตาคนใหม่เป็นอิ๋งจื่อจินไปได้ยังไง!

ซาโรห์ทรุดลงบนพื้น เหงื่อแตกท่วมตัว

เวลานี้อยู่ๆ เธอก็ไม่อยากให้วงล้อแห่งโชคชะตาคนก่อนตาย

วงล้อแห่งโชคชะตาที่สุขภาพอ่อนแอมาตลอด อย่างไรเสียก็เล่นงานได้ง่ายกว่า

ตอนนี้ทำไงดีล่ะ

นอกเมือง

ไอบีไอส่งเครื่องบินทั้งหมดออกมาอีกครั้งเพื่อรับบรรดานักศึกษาและอาจารย์กิตติมศักดิ์เหล่านี้

พวกนักศึกษาดีใจกันมาก

“ฉันว่านอกเมืองก็ดีออก ไม่ได้แย่เหมือนที่จักรพรรดินีพูด”

“นั่นสิ ยัยนั่นจงใจพูดให้เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรดูแย่ ไม่อยากให้พวกเราออกไป”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเทพ…” อยู่ๆ เยี่ยซือชิงก็ชะงัก

เธอลำบากใจ และก็แอบกลัว

ตอนนี้มีผู้วิเศษคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขา พวกเขาควรเรียกยังไงดี

คนอื่นๆ ก็พากันหยุดพูด อดหวาดหวั่นไม่ได้

เพราะพวกเขาเคยเห็นนิสัยของผู้วิเศษจักรพรรดินี

“พวกเราเป็นเพื่อนนักศึกษากันทั้งนั้น เมื่อก่อนใช่ ตอนนี้ก็ใช่” อิ๋งจื่อจินหันไปยิ้มบาง “จุดนี้ไม่มีทางเปลี่ยนไปเพราะสถานะของฉัน”

“ทุกคนไม่ต้องกลัวฉัน และก็วางใจได้ ฉันเกิดมาเพื่อปกป้องทุกคน”

ทุกคนต่างตะลึง

เยี่ยซือชิงขอบตาแดง “เทพอิ๋ง…”

นี่คือสิ่งแตกต่างระหว่างวงล้อแห่งโชคชะตากับจักรพรรดินี

สองชั่วโมงต่อมาเครื่องบินก็ไปถึงมหาวิทยาลัยตี้ตู

“ถึงแล้ว” อิ๋งจื่อจินกระโดดออกไปก่อน “พวกเราไปเถอะ”

ตอนนี้เวลาบ่ายสามโมง เป็นเวลาเข้าเรียนจึงมีคนอยู่ข้างนอกไม่เท่าไร

จั่วหลีกอดหนังสือเดินฮัมเพลงอยู่ด้านนอก

จนกระทั่งได้ยินเสียงคุ้นเคยเรียกเขา “ศาสตราจารย์จั่วคะ”

ศาสตราจารย์จั่วตัวสั่น พอหันไปก็ช็อกมาก “แว้ก!”

เขาไม่สนของที่ถืออยู่ในมือ วิ่งโร่เข้าไปหาอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งจื่อจินพูดขึ้นทันเวลา “หยุดดด”

จั่วหลีเบรกทันที ทำหน้าน้อยใจอยากร้องไห้ “นักศึกษาอิ๋ง เธอไปไหนมา เธอหายไปจากมหาวิทยาลัยตี้ตูหนึ่งปีแล้วนะ! เขียนบทความหรือยัง”

อิ๋งจื่อจิน “…”

กะแล้ว

พวกอาจารย์กิตติมศักดิ์กับนักศึกษาที่อยู่ด้านหลังต่างมองหน้ากัน

ยังมีคนกล้าเร่งให้วงล้อแห่งโชคชะตาเขียนบทความด้วยเหรอ

“มีธุระนิดหน่อยค่ะ” อิ๋งจื่อจินสรุปสั้นๆ “อีกอย่าง หนูลาหยุดแล้วนะคะ”

จั่วหลี “…”

เขาแค้นอธิการบดีมากที่อนุมัติให้อิ๋งจื่อจินหยุดยาว

“นักศึกษาอิ๋ง กลับมาครั้งนี้คงไม่ไปไหนแล้วใช่ไหม” จั่วหลีถามต่อ “อาจารย์หาหัวข้อเขียนบทความดีๆ ไว้ให้เธอได้เยอะแยะแล้วนะ!”

“ไม่ใช่ค่ะ แค่พาอาจารย์กับนักศึกษาเก่งๆ มาฝาก” อิ๋งจื่อจิน “พวกเขาไม่ต้องการทะเบียนนักศึกษา แต่ช่วยทำงานให้มหาวิทยาลัยตี้ตูได้ ศาสตราจารย์จั่วทดสอบตามกฎได้ตามสบาย ไม่ต้องออมมือค่ะ”

จั่วหลีถึงได้สังเกตเห็นคนมากมายที่อยู่ด้านหลังเธอ

เขาเองก็รู้ว่าอิ๋งจื่อจินไปตระเวนตามหาคนเก่งๆ มาร่วมโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาล ครั้นแล้วจึงพยักหน้า “ได้ อาจารย์จะจัดสนามสอบให้พวกเขา”

“งั้นอาจารย์ดูแลไปนะคะ” อิ๋งจื่อจินสองมือล้วงกระเป๋า “หนูขอตัวก่อน”

จั่วหลี “?”

เขาจำต้องไปเตรียมสนามสอบ ขนข้อสอบที่คณะฟิสิกส์เพิ่งออกใหม่ออกมาแจก

พวกนักศึกษาพอได้ข้อสอบมาก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตาทำ

จั่วหลีเดินตรวจจากด้านซ้ายของสนามสอบไปยังด้านขวา พอเห็นความเร็วที่พวกเยี่ยซื่อชิงใช้ทำข้อสอบและเปอร์เซ็นต์ความถูกต้อง

เขาถึงกับช็อกไปชั่วขณะ “…”

นักศึกษาอิ๋งของพวกเขาไปขุดเด็กเทพเหล่านี้มาจากไหน!

เขาเดินออกจากสนามสอบอย่างงงๆ

พวกอาจารย์กิตติมศักดิ์ที่รออยู่ด้านนอกต่างตื่นเต้นกันมาก

“พวกเราเริ่มทำงานได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ”

“ใช่ ทำงานได้ทันทีครับ”

จั่วหลีเองก็ตกใจในความกระตือรือร้นของพวกเขา พูดตอบ “ครับๆๆ ผมจะพาพวกคุณไปหาอธิการบดีเดี๋ยวนี้ครับ ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ”

บรรดาอาจารย์กิตติมศักดิ์ดีใจมาก

ราวกับรู้ทันความคิดของพวกเขา แทบจะในขณะเดียวกับที่กำลังก้าวเท้าออกไป อาจารย์กิตติมศักดิ์ทุกคนต่างได้รับข้อความที่ส่งมาจากอิ๋งจื่อจิน

[สังคมแห่งกฎหมาย ห้ามระเบิดมหาวิทยาลัยนะคะ (ยิ้ม)]

บรรดาอาจารย์กิตติมศักดิ์ “…”

ก็ได้ พวกเขาจะระวัง

อีกด้านหนึ่ง ฟู่อวิ๋นเซินพาซีซาร์ไปถึงบ้านเก่าของตระกูลตี้อู่

ตี้อู่เย่ว์กำลังท่องหนังสืออยู่

พอเธอบังเอิญเงยหน้าขึ้นก็เห็นผมสีทองสว่างไสว

“ว้าย…แค่กๆ!” ตี้อู่เย่ว์สำลักน้ำ รีบจับบ่าตี้อู่เฟิง “พี่! พี่ ช่วยฉันด้วย มีคนมาตามฆ่าฉัน!”

ตี้อู่เฟิงที่กำลังให้อาหารไก่อยู่ข้างๆ ทำข้าวเปลือกตกกระจาย

สามสิบวินาทีต่อมาเขาถึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “ว่าไงนะ”

ซีซาร์กอดอก มองสำรวจรอบๆ ด้วยความรังเกียจ “ยัยเปี๊ยกพิการระดับสาม เธออาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้เหรอ”

ตี้อู่เย่ว์พึมพำ “ฉันไม่ได้มีรสนิยมพิสดารแบบคุณเสียหน่อย”

“อาจารย์เธอให้ค่ายกลมา” ฟู่อวิ๋นเซินเดินขึ้นหน้า หยิบเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง “อุปกรณ์หาได้แค่ที่เธอ”

ตี้อู่เย่ว์ดูจบก็พูดอย่างจริงจัง “ได้ จ่ายเงินมาก่อน!”

ซีซาร์ลูบกระเป๋าเสื้อ ล้วงบัตรสีดำทองระดับเอสของธนาคารลอเรนท์ออกมา

เขากัดฟัน “พอหรือเปล่า”

“พอๆ” ตี้อู่เย่ว์รับไว้ ไปขนอุปกรณ์ออกมาจากห้องเก็บของทันทีแล้วเริ่มจัดวาง

ตี้อู่เฟิงค่อยๆ ไล่ไก่ไปด้านข้าง

“ยัยเปี๊ยกพิการระดับสาม สุดยอด เก่งไม่เบาเลยนะ” ซีซาร์เดินวนรอบเธอแล้วปรบมือให้ “ดูไม่ออกเลยนะว่าเธอเรียนเอาสิ่งดีๆ มาจากบอสได้เยอะขนาดนี้ จัดวางได้ไม่เลว”

ตี้อู่เย่ว์ไม่สนใจเขา สิบนาทีต่อมาเธอก็เงยหน้าขึ้น “เสร็จแล้ว เข้าไปนั่งสิ”

ซีซาร์อาศัยความที่ตัวเองตัวสูง แกล้งมองต่ำใส่เธอ “ฉันไม่นั่ง ฉันจะยืน เธอจะทำอะไรฉันได้”

“ผัวะ!”

ซีซาร์ถูกตบจับกดลงไปนั่ง

เขาเงยหน้าขึ้นอย่างงงๆ

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาถูกผู้หญิงที่เตี้ยกว่าเขาสามสิบเซนติเมตรจับกดลงไปได้

“พูดมาก ที่นี่บ้านฉัน” ตี้อู่เย่ว์ดุ “ถ้ายังว่าฉันเตี้ยอีกเดี๋ยวจะทำให้กลายเป็นคนแคระ”

ซีซาร์ “…”

ดูเหมือนจะทำได้จริงๆ

เขาอดทน

ฟู่อวิ๋นเซินหยิบหนังสือที่ตี้อู่เย่ว์วางไว้บนขั้นบันไดขึ้นมาเปิด “นี่อะไร”

ตี้อู่เย่ว์หันกลับไปตอบ “อ๋อ นั่นเป็นหนังสือที่บรรพบุรุษเซ่าเสียนทิ้งไว้ ฉันเพิ่งไปค้นมาจากที่ปูเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นาน”

“อาจารย์เธอเคยบอกว่าอย่าพยากรณ์เขา” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “เธอต้องจำคำพูดนี้ให้ดี จำให้ขึ้นใจ”

“ฉันรู้” ตี้อู่เย่ว์เก็บของให้เรียบร้อย “ฉันก็แค่ค้นเอามาอ่านดู ฉันยังเด็กขนาดนี้ สวยน่ารักขนาดนี้ ยังไม่เคยมีความรักที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน…”

ซีซาร์ที่อยู่ในค่ายกลหัวเราะเสียงดัง

ตี้อู่เย่ว์มองค้อนใส่เขา

ซีซาร์หยุดหัวเราะ “พูดต่อเถอะ พูดต่อ”

ไว้เขาฟื้นฟูพลังกับความทรงจำเมื่อไร เขาจะแกล้งยัยพิการระดับสามนี่ให้หนำใจเลย

ให้รู้จักเสียบ้างว่าอะไรคือภัยอันตรายบนโลก

อีกด้านหนึ่ง

ซาโรห์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับมาที่สำนักผู้วิเศษได้ยังไง

เธอโกรธมือสั่น แทบกำคฑาไว้ไม่อยู่

ประตูถูกพังออกในเวลานี้ คนที่บุกเข้ามาคือผู้บัญชาการของสี่หน่วยอัศวิน

ซาโรห์มองด้วยสายตาเย็นชา “ทำอะไรกันน่ะ ใครให้พวกคุณเข้ามา คิดก่อกบฏเหรอ!”

“พูดถูกแล้ว” ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินคฑากายสิทธิ์ดึงเข็มกลัดตราบนตัวออกมาก่อนใครแล้วโยนลงพื้น “นับแต่วันนี้เป็นต้นไป สี่หน่วยอัศวินจะไม่จงรักภักดีต่อสำนักผู้วิเศษอีก!”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท