คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 827 ตบหน้า ผู้วิเศษพากันไปอยู่ข้างอิ๋งจื่อจิน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 827 ตบหน้า ผู้วิเศษพากันไปอยู่ข้างอิ๋งจื่อจิน

โดยเฉพาะบนมหาสมุทรแอตแลนติก

ครอบคลุมทุกพื้นที่

เมืองแห่งโลกมีประชากรหนึ่งพันล้านคน พื้นที่มากกว่าแปดล้านตารางกิโลเมตร

เวลานี้เมื่อปรากฏให้เห็นทั้งหมดก็บดบังแสงอาทิตย์ ดูยิ่งใหญ่อลังการ

อิ๋งจื่อจินสายตาดีมาก

เธอเห็นชาวประมงกลางทะเลที่อยู่ไกลออกไปต่างมองเมืองแห่งโลกที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันด้วยความตื่นกลัว

เวลานี้ฟู่อวิ๋นเซินได้รับสายจากสำนักงานใหญ่ไอบีไอ

“ผู้บัญชาการครับ คราวนี้ทำยังไงดีครับ” ลิซิเนียสปวดหัวแทบระเบิดแล้ว “เรื่องกลุ่มดาวเคราะห์น้อยยังไม่คลี่คลาย ทำไมมีเรื่องเมืองแห่งโลกออกมาอีก พวกเราจะบอกว่าเป็นการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกก็ไม่ได้หรือเปล่าครับ”

มีที่ไหนเคลื่อนไปอยู่บนฟ้า

หรือวันสิ้นโลกจะมาถึงแล้วจริงๆ

ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง “คนอื่นๆ ล่ะ”

“ยังอยู่ในที่ประจำการครับ” ลิซิเนียสรีบพูด “การปรากฏของเมืองแห่งโลกทำให้พวกอาชญากรลุกฮือ อาชญากรในทวีปยุโรปกับทวีปอเมริกาเพิ่มมากขึ้นครับ”

“พวกเรากำลังพยายามปราบปราม ตอนนี้ขาดกำลังคนแล้วครับ”

“อืม เมื่อก่อนทำยังไง ตอนนี้ก็ทำแบบนั้นไป” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ไม่ใช่วันสิ้นโลกหรอก มีคำทำนายวันสิ้นโลกตั้งมากมาย มีอันไหนเป็นจริงบ้าง”

ลิซิเนียสอึ้ง “ผู้บัญชาการ? แต่ดาวเคราะห์น้อยพวกนั้น…”

แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ของเมืองแห่งโลกก็ยังจนปัญญากับเรื่องนี้

อีกทั้งเมืองแห่งโลกยังไม่อนุญาตให้สร้างยานอวกาศข้ามจักรวาล

แม้ในสำนักวิจัยจะมียานอวกาศอยู่หลายลำ แต่ก็เอาไว้ไปเที่ยวชม

ไม่สามารถส่งทุกคนไปนอกอวกาศได้ในระยะเวลาอันสั้น

และที่สำคัญที่สุดคือ ยังไม่มีดาวดวงไหนที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยเหมือนดาวโลก

อีกทั้งใครจะอยากไปจากบ้านที่ตัวเองอาศัยอยู่มานานขนาดนี้

“ไม่เป็นไร” ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้าที่มืดสนิท “เชื่อฉัน พอผ่านพ้นวันที่หนึ่งมกราคมปี 20XX เวลาศูนย์นาฬิกาไป ดวงอาทิตย์ยังคงโผล่มาเหมือนเช่นเคย”

พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ลิซิเนียสก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที “ผมเชื่อมั่นในตัวผู้บัญชาการครับ!”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินมีสีหน้าเรียบเฉย “เตรียมสู้รบ”

“ครับ!”

“ปิดบังเรื่องกลุ่มดาวเคราะห์น้อยไว้ก่อนได้ แต่เรื่องนี้ปิดบังไม่ได้ ตอนนี้ห้ามสร้างความหวาดกลัว มิฉะนั้นจะวุ่นวายกันไปใหญ่ เกิดผลเลวร้ายเกินกว่าจะคาดการณ์” อิ๋งจื่อจินพูดเสียงขรึม “ซิว นายใช้พลังซ่อนเมืองแห่งโลกไว้ก่อน”

ซิวอึ้ง ขมวดคิ้ว “แต่ซ่อนไว้มันก็ยังอยู่ตำแหน่งเดิมอยู่ดี เครื่องบินของเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรจะผ่านไปยังไง”

“ติดต่อบริษัทการบินทั้งหมดให้เปลี่ยนเส้นทางการบินทันที ขอแค่บินขึ้นไปเหนือเมืองแห่งโลกก็จะไม่ส่งผลอะไร” อิ๋งจื่อจินหันหน้าไป “พี่ชาย ฝากเรื่องนี้ด้วยนะ”

ฟู่อวิ๋นเซินเอามือลูบศีรษะเธอ “ได้เลย พี่ชายจัดการเอง”

ซิว “…”

ผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ไม่เพียงแต่จะแย่งเจ้าชะตาน้อยของพวกเขาไป

ยังยึดตำแหน่งของเขาด้วย

ถ้าไม่ติดว่าเขาสู้ไม่ได้ คงมีถกแขนเสื้อวางมวยกันแล้ว

ฉินหลิงอวี๋มองแผ่นดินขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือหัวสักพักถึงหันไปถามซิว “ซิว ยังจำได้ไหมว่าสร้างเมืองแห่งโลกขึ้นมายังไง”

ในบรรดาพวกเขา คนที่ถือกำเนิดเร็วสุดก็คือนักพรตซิว

ส่วนช่วงเวลาที่พวกเขาถือกำเนิดช้ากว่าซิวไปหลายศตวรรษ

ซิวเงียบไปชั่วครู่แล้วส่ายหน้า “แม้ผมจะถือกำเนิดเร็ว แต่ก็ไม่ใช่ผู้วิเศษสี่คนแรกสุด ผู้วิเศษสี่คนนั้นถือกำเนิดเร็วกว่าผมหลายสิบศตวรรษ”

มิฉะนั้นคงไม่มีคำว่า ‘แรกสุด’ พ่วงท้าย

ซิวเงียบไปสักพักแล้วพูดต่อ “อาจมีแค่พวกเขาที่รู้ว่าเมืองแห่งโลกถูกสร้างขึ้นมายังไง”

ไม่ว่าอย่างไรเมืองแห่งโลกก็เป็นการมีอยู่ที่พิเศษ

“ในเมื่อวันพิพากษากับเดอะเวิลด์ยังมีชีวิตอยู่ ทำไมถึงยังไม่ปรากฏตัวล่ะ” พอพูดถึงผู้วิเศษที่ถือกำเนิดสี่คนแรกสุด ฉินหลิงอวี๋ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ “โดยเฉพาะวันพิพากษา เธอเป็นอาวุธชั้นดีที่พวกเราจะสู้กับยมทูตได้เลยนะ”

ถึงแม้วันพิพากษาจะไม่ได้ควบคุม ‘การคืนชีพ’ แต่ตัวเธอหมายถึง ‘การคืนชีพ’ ตรงกันข้ามกับยมทูต

อีกทั้งเธอยังเป็นหนึ่งในผู้วิเศษสี่คนแรกที่ถือกำเนิดก่อน พลังก็แข็งแกร่งมาก

“ใครจะรู้ล่ะ อาจเกิดเรื่องขึ้นก็ได้” ซิวตอบพลางเริ่มใช้พลังพิเศษ

แต่วินาทีถัดมาก็เหมือนโดนโจมตี

ซิวกระอักเลือดพุ่ง

ใบหน้าของเขาซีดเซียว หน้ามืด เกือบวูบหมดสติ

อิ๋งจื่อจินสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบเข้าไปประคองเขาไว้ “เกิดอะไรขึ้น”

หลิงเหมียนซียื่นแก้วน้ำให้ “พักก่อน ค่อยๆ”

“ไม่…ไม่ไหว!” ซิวดื่มน้ำเสร็จใบหน้าก็เริ่มกลับมามีเลือดหล่อเลี้ยง เขาจับแขนอิ๋งจื่อจิน “ผมซ่อนเมืองแห่งโลกไม่ได้!”

หลิงเหมียนซีตกใจ “ซ่อนไม่ได้เหรอ ฉันจำได้ว่าคุณซ่อนได้แม้กระทั่งทั้งทวีปยุโรป เมืองแห่งโลกเล็กกว่าทวีปยุโรปเยอะเลยนะ”

ซิวไออย่างรุนแรง “มะ ไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าพลังของผมถูกจำกัดไว้ตอนที่เตรียมจะซ่อนเมืองแห่งโลก ทั้งยังถูกเล่นงานกลับด้วย”

“ดูท่าเมืองแห่งโลกจะเกี่ยวข้องกับที่มาพลังของพวกเรา” อิ๋งจื่อจินประคองเขา สายตาจับจ้อง “ช่วยไม่ได้แล้ว ในเมื่อความหวาดกลัวเกิดขึ้นแล้ว ก็คงต้องปล่อยไป”

เธอหยิบยาออกมาให้ซิวหนึ่งเม็ด “นายต่อสู้ไม่ได้ ตอนนี้ยังมาบาดเจ็บอีก นายปกป้องพลเมืองโลกให้ดี พวกเราจะปกป้องพวกนายเอง”

ซิวกินยาเสร็จก็พยักหน้า “ได้”

เขาก็รู้ว่าตัวเองต่อสู้ไม่ได้ เข้าร่วมสงครามศักดิ์สิทธิ์มีแต่จะไปเพิ่มภาระ

“ฉันจะไปที่ตี้ตูหน่อย” อิ๋งจื่อจินวอร์มข้อมือ หรี่ตาลงเล็กน้อย “ดูว่าสถานการณ์ในประเทศจีนเป็นยังไงบ้าง”

หลิงเหมียนซีก็ลุกขึ้น “อาอิ๋ง ไป จะได้ไปดูที่โลกจอมยุทธ์ด้วย”

ทั้งสองคนกลับถึงประเทศจีนในเวลาไม่นาน

แต่กลับแตกต่างจากพื้นที่ที่ไอบีไอดูแล

เหมือนยามปกติ คนมีหน้าที่ทำงานไปทำงาน คนที่มีหน้าที่เรียนก็ไปเรียน ไม่มีความทุกข์ร้อนอะไร

หลิงเหมียนซีเกาหัว “คือ พวกเขามีจิตใจที่แข็งแกร่งกันเหรอ”

แต่ก็นะ เมืองแห่งโลกลอยอยู่เหนือทวีปยุโรป

ทางประเทศจีนอย่างมากก็เห็นได้แค่ด้านเดียว

อิ๋งจื่อจินหันไปมองมหาวิทยาลัยตี้ตู “น่าจะไม่ใช่”

“มาๆๆ นักศึกษาทุกคน อย่าไปเชื่อข่าวลือ พวกเราเป็นเยาวชนวัตถุนิยม ต้องยึดระบบค่านิยมเป็นหลัก!” จั่วหลีพูดหว่านล้มพลางแจกใบปลิว “นักศึกษาคณะฟิสิกส์ ลองดูหัวข้อบทความในปีนี้นะ”

“เดี๋ยวเลือกมากันคนละหัวข้อแล้วส่งเข้าเมลอาจารย์นะ ต้องเขียน!”

บรรดานักศึกษาคณะฟิสิกส์ต่างตายด้านเหมือนแมวที่ไร้ชีวิต “…”

อีกด้านหนึ่ง ศาสตราจารย์คนหนึ่งของสาขาชีวเคมีกำลังปราศรัยอย่างออกอรรถรส “นี่อาจเป็นดินแดนโบราณที่สูญหายไปหลายปี ตอนนี้ได้ปรากฏอีกครั้งด้วยสาเหตุบางประการ!”

“นักศึกษาทุกคน ทางมหาวิทยาลัยเราได้ติดต่อมหาวิทยาลัยนอร์ตันและมหาวิทยาลัยอื่นๆ แล้ว เตรียมขึ้นไปสำรวจดินแดนนี้ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราก็จะขึ้นไปด้วย ลองสำรวจดูว่ามีองค์ประกอบทางเคมีใหม่ๆ อะไรไหม สำรวจพร้อมทำการทดลองไปด้วย!”

บรรดานักศึกษาสาขาชีวเคมีต่างยกมือด้วยความดีใจ “ได้เลย!”

อิ๋งจื่อจิน “…”

เธอคิดมากไปเอง

อิ๋งจื่อจินละสายตา รีบออกไปก่อนที่จั่วหลีจะสังเกตเห็นเธอ “ไปเถอะ ไปดูที่โลกจอมยุทธ์กัน”

แตกต่างจากเมืองแห่งโลก โลกจอมยุทธ์สุขสงบ และไม่ได้ปรากฏให้คนข้างนอกเห็น

แต่ตรงทางเข้าก็มีคนมารุมอยู่มากพอสมควร

ฝูซีตาไว พอเห็นอิ๋งจื่อจินก็เข้าไปหา “อาจารย์!”

“คุณอิ๋ง!”

“ท่านปรมาจารย์!”

บรรดาจอมยุทธ์และแพทย์แผนโบราณต่างเข้าไปรุมล้อม ความกลัดกลุ้มหายไปหมด

“คุณอิ๋ง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ” ผู้นำตระกูลหลิงชี้ดินแดนที่ลอยอยู่ไกลๆ “ทำไมถึงมีดินแดนปรากฏเหรอครับ”

“นั่นคือเมืองแห่งโลกที่ฉันเคยบอกค่ะ และก็เป็นสถานที่ที่ฉันไปอยู่ในช่วงเกือบครึ่งปีนี้” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ทุกคน ถึงเวลาแล้ว พวกเราต้องเตรียมออกปฏิบัติการแล้ว”

“แต่ทุกคนวางใจได้ ฉันจะอยู่ข้างหน้าทุกคนเอง”

พวกจอมยุทธ์ต่างมีสีหน้าจริงจัง “ครับ คุณอิ๋ง!”

เวลานี้บนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค

ในกระทู้ของพื้นที่ปิดกำลังฮือฮากันอยู่

ยุโรปผ่านเหตุการณ์ล่าแม่มดมา ทำให้นักทำนายที่มีความสามารถอย่างแท้จริงมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

แต่ในเวลานี้ต่างพากันแสดงตัว

มารวมตัวกันแบบที่เห็นได้ยาก

[พูดตามตรง ย่าฉันเป็นนักทำนาย น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้สืบทอดพรสวรรค์ด้านการทำนายมา แต่ฉันเคยลองเปิดอ่านสมุดบันทึกของย่า ย่าเขียนเกี่ยวกับคำทำนายวันสิ้นโลกไว้

วันสิ้นโลกในคำทำนายของย่าไม่ใช่ปี 1998 ไม่ใช่ปี 2012 แต่เป็นวันที่หนึ่งมกราปีหน้า!

ตอนนี้พวกเธอดูแล้วกัน อยู่ๆ ก็มีดินแดนมหึมาปรากฏ ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันเป็นลางบอกว่าวันสิ้นโลกจะมาถึงแล้ว!]

[ฉันเป็นนักทำนาย ฉันรับรองได้ นี่เป็นวันสิ้นโลกแน่นอน]

[ฉันก็เป็นนักทำนาย ถึงแม้ความสามารถจะไม่สูง ระบุไม่ได้ว่าวันไหน แต่แน่ใจได้ว่าเป็นปี 20XX]

[ผมทำงานอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน ไม่ขอพูดในมุมนักทำนายแบบพวกคุณ ขอมองแค่ในมุมของวิทยาศาสตร์ วันที่หนึ่งมกรา เวลาศูนย์นาฬิกา กำลังจะมีกลุ่มดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก ทางมหาวิทยาลัยยังไม่มีมาตรการในการหลีกเลี่ยงครั้งนี้]

[โอ้โห ดาวเคราะห์น้อยดวงเดียวก็หนักแล้วนะ นี่มาเป็นฝูง ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มาเที่ยวคนเดียวไม่พอต้องพาครอบครัวมาด้วยเหรอ!]

[ในเมื่อเป็นวันสิ้นโลก งั้นฉันขอออกไปซื้อชุดผู้หญิง ทำตามความฝันก่อนตายแล้วค่อยว่ากัน!]

ในขณะที่พวกบอสติงต๊องกำลังถกเถียงกันอย่างออกอรรถรส พวกเขาได้สังเกตเห็นว่ากระทู้ที่เกี่ยวข้องกับคำทำนายวันสิ้นโลกได้ถูกบล็อกหมด

กระทู้อื่นๆ ตอบกลับได้ แต่มีแค่กระทู้พวกนี้ที่ไม่ได้

ไม่นานก็มีประกาศตัวแดงปักหมุด

[ผู้ดูแล 004 : โปรดอย่าปลุกปั่น ไม่มีวันสิ้นโลกอะไรทั้งนั้น]

คราวนี้เรียกกระแสได้ยิ่งกว่าเดิม

[ไม่มีวันสิ้นโลกแล้วบล็อกกระทู้ทำไม]

[ให้ตายเถอะ ผู้ดูแล 004 อีกแล้ว หมอนี่อยู่ที่ไหนกันแน่ พวกเรา ไปรุมเลยดีไหม]

ผู้ดูแลศูนย์ศูนย์สี่ปาดเหงื่อ ถอนหายใจยาว

ยังดีที่เขาอยู่เมืองแห่งโลก คนพวกนี้ตามมารุมไม่ได้

กระทู้ในหน้าหลักกลายเป็นรุมด่าผู้ดูแลศูนย์ศูนย์สี่

จนกระทั่งมีกระทู้ใหม่ปรากฏขึ้น

[เทพพยากรณ์ : ไม่ใช่วันสิ้นโลก ทุกคนวางใจได้]

[!!! เทพมาแล้ว]

[ปู่ค้าบ เทพพยากรณ์ที่ปู่รอปรากฏตัวแล้ว!]

[เยี่ยม ในเมื่อท่านเทพบอกไม่ใช่ งั้นก็ไม่ใช่]

[ฉันไม่เชื่อใครทั้งนั้น เชื่อแค่เทพพยากรณ์]

อิ๋งจื่อจินพิมพ์มาแค่สั้นๆ แต่กลับทำให้สถานการณ์สงบลงได้

ผู้ดูแลศูนย์ศูนย์สี่ก็โล่งอก ปาดเหงื่ออีกรอบ

ตามคาด มีแค่เทพพยากรณ์ที่ปราบคนเพี้ยนพวกนี้อยู่

ในเวลาเดียวกันทางด้านเมืองแห่งโลก

สำนักผู้วิเศษ

หลังจากที่สำนักผู้วิเศษถูกปิดไปก็ไม่ได้ถูกทำลายสถานที่

อย่างไรเสียก็เป็นที่ที่ผู้วิเศษทั้งยี่สิบสองคนร่วมกันสร้างมา

“อัลไคด์ เธอไป” ยมทูตเงยหน้ามอง ลูบแขนเสื้อ “พานักบวชหญิงกับหลุยส์มา พวกเขาต้องการอะไร มีความปรารถนาอะไร เธอมองเห็นหมด”

“แน่นอน” อัลไคด์ทำเสียงจึ๊ “โดยเฉพาะหลุยส์ รับมือง่ายมาก”

เธอไม่ได้ใช้อุปกรณ์ใดๆ ขึ้นไปอย่างสบายๆ

เวลานี้หลุยส์กำลังอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องของตัวเอง

นับตั้งแต่พิธีฉลองขึ้นปีใหม่วันที่หนึ่งธันวาคม หลุยส์ก็ไม่ได้ออกจากที่นี่อีกเลย

เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟู่อวิ๋นเซิน จึงเก็บเนื้อเก็บตัวดีกว่า

“อัลไคด์เหรอ” ตอนนี้อัลไคด์มาปรากฏตัว หลุยส์ขมวดคิ้ว “มีธุระอะไรเหรอ”

“ท่านสังฆราช สบายจริงนะ” อัลไคด์ตบมือ “วันสิ้นโลกจะมาถึงแล้ว แต่นายยังมาหลบอยู่ที่นี่อีก จะบอกว่าโง่หรือจิตใจเข้มแข็งดีล่ะ”

หลุยส์ไม่ปฏิเสธ “ก็แค่วันสิ้นโลกไม่ใช่เหรอ เรื่องใหญ่ตรงไหน ใช่ว่าจะขวางไม่อยู่”

ในหลายสิบศตวรรษที่ผ่านมามีวันสิ้นโลกปรากฏหลายครั้ง

แต่ก็ถูกพวกผู้วิเศษขวางไว้ได้ โลกยังคงหมุนตามเดิม

หลุยส์จึงไม่เก็บเอาวันสิ้นโลกมาใส่ใจ

“น่าเสียดายนะที่เป็นวันสิ้นโลกที่ขัดขวางไม่ได้” อัลไคด์ยักไหล่ “อ่อ แน่นอนว่าถ้าพลังกับยุติธรรมยังอยู่ รวมพลังของผู้วิเศษยี่สิบสองคนก็ยังพอจะขัดขวางได้อยู่หรอก”

หลุยส์สีหน้าเปลี่ยน “เธอว่าไงนะ!”

ยุติธรรมกับพลังดับสูญไปตั้งแต่เมื่อไร

“หลุยส์ นายชอบวงล้อแห่งโชคชะตาไม่ใช่เหรอ” อัลไคด์ไม่ตอบ แค่ยิ้มพลางพูด “พลังของนายเป็นรองมาตลอด แต่ถ้าเปิดการกลับหัวก็ไม่เหมือนกันแล้ว พลังของนายจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า”

“เมื่อถึงตอนนั้นนายยังจะกลัวไม่ได้ครอบครองฉายา ‘ดวงดาวเจิดจรัส บุตรแห่งเกียรติยศ’ อีกเหรอ”

หลุยส์ฟังแล้วก็เหงื่อแตกบนหน้าผาก “ไม่ต้องพูดแล้ว…เธอคิดจะทำอะไรกันแน่!”

“ไม่ทำอะไร แค่จะช่วยนายเพิ่มพลัง” อัลไคด์ยังคงยิ้ม “นายก็อยากมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งใช่ไหมล่ะ แบบนั้นก็จะสู้กับเดวิลได้แล้ว ไม่ดีเหรอ”

“…”

สามสิบนาทีต่อมา

“เรียบร้อย” อัลไคด์กระโดดลงมาจากด้านบนของสำนักผู้วิเศษ ทำมือโอเคให้ยมทูต “สบายมาก”

ด้านหลังของเธอตามมาด้วยนักบวชหญิงกับหลุยส์ ถูกครอบงำมาอย่างสิ้นเชิง

“อืม ทำได้ดี” ยมทูตยิ้มพลางยกมือขึ้น “พอพวกเขาเปิดการกลับหัวแล้ว อย่างน้อยก็ช่วยรับมือกับพระอาทิตย์พระจันทร์ได้”

“นายท่าน”

หอคอยกับโจ้วเหยียนหายแล้ว

พวกเขาคุกเข่าบนพื้นด้วยความนอบน้อม

ซาโรห์ก็ฟื้นแล้ว

แม้เธอจะไม่ยินยอมเท่าไร แต่ก็ไม่มีทางเลือก จำต้องคุกเข่า

เธอกำมือแน่นจนเลือดไหล

ถ้าไม่ใช่เพราะอิ๋งจื่อจิน มีเหรอที่เธอจะเป็นแบบนี้!

“เอาล่ะ ก่อนวันสิ้นโลกจะมาถึง พวกนายจัดการพวกวงล้อแห่งโชคชะตาก่อน” ยมทูตพูด “ห้ามให้พวกเขาค้นพบวิธีเลี่ยงดาวเคราะห์น้อยพวกนี้”

อัลไคด์หรี่ตา “ท่านไม่ไปอีกแล้วเหรอ”

ยมทูตสวมชุดคลุมตัวยาวที่มีสัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำ ปกปิดใบหน้าทั้งหมด ส่ายหน้าพลางพูด “ยังไม่ถึงเวลาที่จะเจอพวกเขา ฉันก็มีพลังบางส่วนที่ยังไม่ฟื้นกลับมา”

“แม้แต่ฉันก็เห็นไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้”

“เอาเถอะๆ” อัลไคด์ขมวดคิ้วเล็กน้อยแบบที่สังเกตไม่เห็น “พวกเราไปล่ะ กำจัดพลังพวกเขาก่อน”

“ไม่ พวกเขามาแล้ว” ยมทูตหรี่ตา “ฉันไปก่อนล่ะ”

ซาโรห์ตะลึง “มาแล้วงั้นเหรอ”

เธอเงยหน้า พบว่าเป็นไปตามคาด มีหลายเงากำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา

คนที่นำมาคืออิ๋งจื่อจินที่เธอแค้นเข้ากระดูก

แม้แต่เดวิลที่พลังต่อสู้อันดับหนึ่งก็ยังอยู่หลังอิ๋งจื่อจินครึ่งก้าว

ใครเป็นเสาหลักไม่ต้องบอกก็รู้

“ซาโรห์ ทำไมเมื่อกี้คุกเข่าล่ะ” หลิงเหมียนซีกวาดตามอง “โชคดีจริงๆ เลยนะ เธอยังมีชีวิตรอดมายืนตรงหน้าพวกเราได้”

“แน่นอน” ซาโรห์แสยะยิ้ม “ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ แต่ผู้วิเศษฝั่งพวกเธอที่ต่อสู้ได้ยังน้อยกว่าพวกฉัน ขาดไปสองคนจะสู้ยังไง”

“อย่าลืมนะ คู่รัก เธอไม่มีความสามารถเข้าร่วมสงครามได้ สงครามศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้นเธอก็ได้แค่อยู่เบื้องหลัง”

คู่รักเหมือนกับนักพรต เป็นผู้วิเศษสายสนับสนุน

เข้าร่วมการต่อสู้ระดับนี้ไม่ได้

“ขาดไปสองเหรอ” หลิงเหมียนซีมองซาโรห์เหมือนมองคนโง่ “ล้อเล่นหรือเปล่า”

ซาโรห์ตอบอย่างไม่ลังเล “ทางพวกเรายังมีอัศวินรถม้าอีกคน!”

รวมเธอด้วยก็มีผู้วิเศษทั้งหมดเจ็ดคน

ทางด้านอิ๋งจื่อจิน ผู้วิเศษที่ต่อสู้ได้มีแค่ห้าคน

“อ๊ะ โทษที” ซาโรห์เพิ่งพูดจบก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้น เจือด้วยความเหนื่อยหน่าย

นอร์ตันเดินมาจากอีกทางหนึ่ง เขากอดอก ยิ้ม เชิดคาง “นี่ลูกพี่ผม”

“…”

ซาโรห์ทั้งตะลึงทั้งโกรธ “นาย!”

เธอรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า เจ็บปวดแสบปวดร้อน

อัศวินรถม้าเรียกอิ๋งจื่อจินว่าอะไรนะ

ทำไมผู้วิเศษเก่งๆ ถึงไปอยู่ฝั่งอิ๋งจื่อจินหมด!

“ยัยนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่า” ซีซาร์ชี้ซาโรห์ “เธอคิดว่ารสนิยมของพวกเราแย่หรือไง ที่พวกเราช่วยบอสไม่ช่วยเธอ”

นอร์ตันพูดเสียงเย็นชา “มีปัญหาทุกจุดนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะหวังล้วงข่าว ฉันก็ไม่อยากคุยกับเธอหรอก”

ซาโรห์โกรธตัวสั่น

เธอนึกถึงทุกการกระทำของนอร์ตันในช่วงเวลาเกือบปีที่เขากลับมา ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ลงมือเถอะ” อัลไคด์กลับไม่แปลกใจอะไร “รีบๆ จัดการให้เสร็จ”

หอคอยยิ้ม “ใช่ ครั้งนี้พวกเราไม่มีทางออมมือให้แล้ว”

“ครืนนน”

ลมกระโชกแรง เสียงฟ้าผ่าดังสนั่น เมฆครึ้มลอยมา

ฝั่งหนึ่งเป็นท้องฟ้าสีดำ

อีกฝั่งเป็นกลางวันที่สว่างเจิดจ้า

ชวนสะพรึง

ผู้วิเศษฝ่ายดีหกคนสู้กับผู้วิเศษทรยศหกคน!

สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่สองเริ่มแล้ว!

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท