ตอนที่ 828 ผู้วิเศษวันพิพากษา!
ภัยพิบัติก็มาเยือนในชั่วพริบตา
พายุทอร์นาโด!
สึนามิ!
แผ่นดินไหวรุนแรง!
ผู้วิเศษหอคอยอยู่ฝั่งผู้วิเศษหกคนที่เปิดการกลับหัวแล้ว มีหน้าที่ควบคุมสถานการณ์โดยรวม
ภัยพิบัติเหล่านี้ที่เขาสร้างทำให้ฝั่งพวกเขามีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นอยู่ไม่น้อย
ในที่สุดเวลานี้ซาโรห์ก็เข้าใจแล้วว่าตอนนั้นใครเป็นคนควบคุมสภาพอากาศข้ามหน้าข้ามตาเธอ
เธอตกใจแต่ขณะเดียวกันก็โล่งอก
ยังดีที่เธอฉลาดพอที่จะไม่เป็นศัตรูกับพวกหอคอย
พลังแห่งการเปิดการกลับหัวมันน่ากลัวเหลือเกิน
แต่ทว่า…
อิ๋งจื่อจินหันหน้าไป แค่มองปราดเดียว
เธอยกมือปล่อยกำลังภายใน
กำลังภายในอันหนักหน่วงได้สยบคลื่นทะเลที่กำลังปั่นป่วนอยู่โดยรอบสำนักผู้วิเศษ
หอคอยสีหน้าเปลี่ยน สายตาขรึมลง “วงล้อแห่งโชคชะตา!”
เรียกได้ว่าในบรรดาคนมากมายเหล่านี้ วงล้อแห่งโชคชะตามีความพิเศษเพียงหนึ่งเดียว
เดวิลกลับมาไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่วงล้อแห่งโชคชะตาก็กลับมาด้วย แถมพลังต่อสู้ยังถึงขั้นเทียบเท่าผู้วิเศษเดวิล
นี่มันน่ากลัวกว่าพวกเขาที่เปิดการกลับหัวเสียอีก
เป็นผู้วิเศษเพียงคนเดียวในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคนที่เก่งรอบด้าน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีคนบอกเขาว่าผู้วิเศษก็เก่งรอบด้านได้ เขาจะต้องหัวเราะเยาะแน่นอน
แต่ตอนนี้ ความจริงประจักษ์อยู่ตรงหน้า
อิ๋งจื่อจินกำมือ ปล่อยกำลังภายในอีกครั้ง พร้อมหวดหมัดใส่หอคอยหนึ่งหมัด
คำนวณได้แม่นยำแม้แต่ท่วงท่าที่หอคอยใช้หลบ
แต่ก็หลบไม่พ้น
พลั่ก!
หอคอยถูกหมัดของอิ๋งจื่อจินซัดตกจากกลางอากาศ กระแทกพื้นเหมือนมีลูกระเบิดตกลง
พื้นที่แข็งมากของเมืองแห่งโลกยุบลึกสิบเมตร
แต่หอคอยก็ปีนขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ร่างกายไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆ
แววตาของเขาดุดัน “วงล้อแห่งโชคชะตา พลังโจมตีแค่นี้ ฉันแค่คันๆ เท่านั้นแหละ”
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเขา ดวงตาหงส์หรี่ลง “ผู้บัญชาการ ถอยไป”
ฟู่อวิ๋นเซินหันข้างพร้อมยื่นมือออกไป
เปร๊าะ!
โจ้วเหยียนโจมตีวืด
แต่กลับเป็นฝ่ายถูกหักแขน ลอยกระเด็นออกไป
ฟูอวิ๋นเซินก็โดนแรงสะเทือนถอยไปหนึ่งก้าว แขนชาเล็กน้อย
ดวงตาของเขาขรึมลง “ตามคาด พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก”
ตอนนั้นที่สู้กันนอกเมือง หนึ่งต่อสอง
แต่ตอนนี้พลังต่อสู้ของโจ้วเหยียนเทียบเท่าเขาแล้ว
พลังของการกลับหัวยังพัฒนาได้อีกครั้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะมีอิ๋งจื่อจินอยู่ สงครามครั้งนี้ก็สู้ยาก
“เมื่อก่อนท่านปู่ผู้โง่เขลาก็ให้หนังสือฉันมาหลายเล่ม” แววตาของอิ๋งจื่อจินขรึมลง “แต่ฉันไม่เคยอ่านเจอบันทึกที่เกี่ยวกับ ‘การกลับหัว’ ในหนังสือพวกนี้”
ผู้วิเศษยมทูตรู้วิธีเปิดการกลับหัวให้ผู้วิเศษได้อย่างไร
การกลับหัวช่วยเพิ่งพลังให้ผู้วิเศษได้ แต่ก็เปลี่ยนจิตใจของพวกเขาด้วย
นี่จึงเป็นสิ่งที่ถูกห้ามไว้
“เมื่อกี้เขาปรากฏตัว แต่ก็หายไปอีก” ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า “เขารู้จักพวกเราแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ”
“ฉันก็คิดแบบนั้น” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “แต่ก็ไม่ได้แค่ต้องการหลบ แค่อยากเห็นพวกเราสู้กันจนเจ็บทั้งคู่ พอถึงตอนนั้นค่อยออกมานั่งรอรับผลประโยชน์”
ผู้วิเศษที่เปิดการกลับหัวแต่ละคนเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น
ผู้วิเศษฝ่ายดีที่เข้าร่วมสงคราม นอกจากอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินแล้วยังมีนอร์ตันผู้วิเศษอัศวินรถม้า ซีซาร์ผู้วิเศษจักรพรรดิ อวี้เสวี่ยเซิงผู้วิเศษพระอาทิตย์ และฉินหลิงอวี๋ผู้วิเศษพระจันทร์
เนื่องจากหลิงเหมียนซีมีพลังต่อสู้ไม่พอจึงต้องถอยไปอยู่ด้านข้าง
อิ๋งจื่อจินสุขุมเยือกเย็นอยู่ตลอด
เธอโจมตีพลางออกคำสั่ง
“ซีซาร์ เตะเข้าที่ด้านซ้าย”
“หลิงอวี๋ ขึ้นหน้าสามก้าวเลี้ยวขวา”
“นอร์ตัน ด้านหลังทิศทางสามนาฬิกา หลับตา!”
นอร์ตันตกใจ หลับตาลงทันที
พลังครอบงำของอัลไคด์ผู้วิเศษดวงดาวไม่เป็นผล
แต่พลังควบคุมความรู้สึกของเธอส่งผลต่อฝ่ายของอิ๋งจื่อจินอยู่ไม่น้อย
รวมถึงอิ๋งจื่อจินด้วย
เมื่ออารมณ์ถูกพาไป ถึงขั้นที่สิ้นหวังฆ่าตัวตายได้
เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่แผ่ซ่านปกคลุม
อิ๋งจื่อจินพยายามข่มอารมณ์ที่แปรปรวน เธอหลับตาแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก หันกลับไป สีหน้าตกใจ “เหมียนซี ระวังด้านซ้ายของเธอ!”
หลิงเหมียนซียกมือบัง ร่างกายถูกพลังโจมตีมหาศาลกระแทก
ซาโรห์แสยะยิ้ม “คู่รัก วันนี้เธอตายก่อนคนแรก!”
พลั่ก!
ขณะเดียวกันซีซาร์ก็ออกโรง รับพลังโจมตีที่ซาโรห์ปล่อยมา
สายตาของเขาเอาเรื่อง แต่กลับยิ้ม “จักรพรรดินีก็สู้กับจักรพรรดิสิ รังแกคนอื่นทำไม”
ซาโรห์ถูกขวางก็โมโหหายใจแรง
อีกแค่นิดเดียวเธอก็กำจัดผู้วิเศษคู่รักได้แล้วเชียว
ยังไม่ทันที่เธอจะตอบ ซีซาร์ก็พูดพึมพำ “โทษที รสนิยมแย่ ชอบคิดเข้าข้างตัวเอง เธอไม่คู่ควรเป็นจักรพรรดินี”
“ฉันไม่สนหรอกว่าชาตินี้แกจะชื่ออะไร” ซาโรห์พูด “ตอนนี้ฉันเปิดการกลับหัวแล้ว อย่าคิดว่าจะข่มฉันได้!”
“เออๆๆ เธอกลับหัวแล้ว” ซีซาร์ไม่คิดแบบนั้น “แต่ฉันมีบอส เธอมีหรือเปล่าล่ะ”
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงของอิ๋งจื่อจินลอยมาอย่างชัดเจน
“ซีซาร์ อีกหนึ่งวินาทีใช้ขาซ้ายโจมตีที่ท้องเธอ”
ซาโรห์ถูกถีบกระเด็นโดยไม่ทันตั้งตัว
ซีซาร์ปัดมือ “เธอไม่มี”
“ให้ตายเถอะ!” ทางด้านหอคอยก็ถูกอิ๋งจื่อจินซัดหมอบอีกครั้ง
เขาเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก กระเด็นถอยหลัง ชักโมโห “ยังจะสู้ยังไงอีก!”
แม้จะมีหลายเรื่องที่พวกนักทำนายมองไม่เห็นแล้วเพราะวันสิ้นโลกที่ใกล้มาถึง
แต่อิ๋งจื่อจินไม่ใช่
เธอคือเทพพยากรณ์
ต่อให้เธอพยากรณ์ไม่ได้ว่าใครบงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ แต่เธอก็ยังคงหยั่งรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้จะออกท่าอะไรต่อในระหว่างต่อสู้
วงล้อแห่งโชคชะตาคือผู้วิเศษที่ติดบัคหนักสุดแล้ว!
แม้แต่ผู้วิเศษที่ถือกำเนิดก่อนสี่คนแรกก็ยังไม่มีความสามารถที่พิสดารแบบนี้
ไม่ต่างจากเห็นผี!
“นายท่านบอกแล้วว่ามีวงล้อแห่งโชคชะตาอยู่จะใช้ไม้แข็งกับพวกเขาไม่ได้” โจ้วเหยียนก็กระอักเลือดออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “หาจุดอ่อนของพวกเขา ย้ายสนามรบไปยังเขตพักอาศัย”
นี่ไม่ใช่สนามรบที่พวกเขาเลือกไว้
เดิมทีพวกเขาคิดจะไปเริ่มสงครามที่เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร
แบบนั้นก็จะมีพลเมืองโลกอยู่รอบๆ จำนวนไม่น้อย
วงล้อแห่งโชคชะตากับเดวิลก็จะต้องระมัดระวังเพื่อปกป้องพลเมืองโลก
พวกเขาก็จะลงมือได้สะดวก
หอคอยพยักหน้า “ได้”
เขาไม่สู้กับอิ๋งจื่อจินอีก กลับถอยหลังไป
สายตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชาลง “ขวางพวกเขาไว้!”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรมาก “ไป”
อีกด้านหนึ่ง
ฉินหลิงอวี๋จ้องอัลไคด์เขม็ง กำมือแน่น “อัลไคด์ บอกฉันมา ทำไมเธอต้องทำแบบนี้!”
“อยากทำก็เลยทำ” อัลไคด์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจะทำอะไรไม่เคยหาเหตุผล เธอไม่รู้เหรอ”
“ฉันรู้ว่าเธอทำอะไรตามใจตัวเองมาตลอด และก็รู้ว่าเธอชอบยมทูต” ฉินหลิงอวี๋สูดลมหายใจเข้าลึก “แต่เขาเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนเป็นมีสภาพแบบตอนนี้!”
“แต่เรื่องแรกที่เธอทำคือไม่ได้ขวางเขา กลับช่วยสนับสนุนคนเลวด้วยซ้ำ!”
จนถึงตอนนี้ แม้แต่ฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้วิเศษยมทูต
เมื่อนานมาแล้ว หลังจากที่ผู้โง่เขลากับเทวทูตดับสูญ ต่อมาก็เกิดภัยพิบัติอยู่ไม่น้อย
นอกจากผู้วิเศษวันพิพากษาแล้ว ยมทูตกับเดวิลที่เป็นผู้วิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขาก็รับหน้าที่ปกป้องโลกมาตลอด
“สนับสนุนคนเลวอะไรกัน ก็แค่จุดยืนไม่เหมือนกัน” อัลไคด์เลิกคิ้ว “พวกเธอรู้ได้ยังไงว่าหลังจากภัยพิบัติครั้งนี้ผ่านพ้นโลกจะไม่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”
“ตอนนั้นที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ก็แค่ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดนี้แล้ว ดูสิ โลกก็ยังดีๆ อยู่”
“หลายปีต่อมายังมีสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ ถือกำเนิดขึ้น แล้วเธอดูโลกในตอนนี้สิ มีแต่มลพิษ ถูกมนุษย์ทำสกปรกไว้ตั้งหลายที่ ทำลายทิ้งซะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร”
ฉินหลิงอวี๋กัดฟันกรอด “ตรรกะบ้าบออะไร!”
“ตรรกะบ้าบอเหรอ” อัลไคด์ยักไหล่ “เธอจะคิดยังไงก็เรื่องของเธอแล้วกัน”
อวี้เสวี่ยเซิงจับบ่าฉินหลิงอวี๋ ส่ายหน้าให้เธอเล็กน้อย “อย่าเสียเวลาพูดเลย”
ฉินหลิงอวี๋ขยี้ตา ขอบตาแดงนิดหน่อย “นั่นสินะ อย่าเสียเวลาเลย”
พี่น้องที่เมื่อก่อนคุยกันได้ทุกเรื่อง เวลานี้กลายเป็นศัตรูอย่างสิ้นเชิง
อานุภาพของสงครามศักดิ์สิทธิ์มหาศาลมาก ใช่ว่ามนุษย์ทั่วไปจะรับไหว
ด้วยเหตุนี้ในรัศมีร้อยลี้จากสำนักผู้วิเศษจึงไม่มีใครอยู่เลย
ส่วนเนี่ยอี้ เจียงหราน ฉินหลิงเยี่ยน และคนอื่นๆ ต่างก็อยู่ในคฤหาสน์ที่อยู่นอกรัศมี รับหน้าที่จับตาดูการต่อสู้ครั้งนี้
เฉิงหย่วนกับพวกจอมยุทธ์คอยคุ้มกันอยู่ด้านข้าง ระแวดระวังกันมาก
แต่ผู้วิเศษยมทูตที่เป็นคนสั่งการทั้งหมดนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว
ทำให้หลายคนรู้สึกกระวนกระวายใจ
“โห พ่อฉันสุดยอด!” เจียงหรานตบโต๊ะ “พลังของพ่อฉันเหมือนตอนฉันเล่นเกมแล้วแอบเปิดแผนที่เห็นทุกการกระทำของอีกฝ่ายเลย!”
ฉินหลิงเยี่ยน “…นายโกงเกมยังจะมีหน้ามาพูด”
“ก็แค่เปรียบเทียบให้ดู” เจียงหรานยืดอก “คอยดูนะ พ่อฉันต้องปราบพวกโง่นี่ให้ตายเรียบได้แน่นอน”
…
ช่วงสองวันมานี้ การปรากฏของเมืองแห่งโลกได้สร้างความวุ่นวายในแต่ละพื้นที่ของยุโรปและอาณาเขตของมหาสมุทรแอตแลนติก
แต่เนื่องจากมีไอบีไอดูแลก็พอจะสงบลงบ้าง
ประเทศจีนยังคงสงบปกติดี ไร้ความเปลี่ยนแปลง
กลับเป็นทางด้านโลกจอมยุทธ์ที่มีจอมยุทธ์หลายคนออกปฏิบัติการอย่างเงียบๆ คุ้มครองชาวเมืองโดยรอบ
ยังมีจอมยุทธ์อีกส่วนหนึ่งที่เฝ้าอยู่ในโลกจอมยุทธ์
ไม่ว่าจะเป็นซู่เวิ่น ลูเอล หรือพวกคนตระกูลจี้อย่างเวินเฟิงเหมียน ต่างก็ย้ายเข้าไปอยู่ในโลกจอมยุทธ์แล้ว
“เมื่อวานซืนคุณอิ๋งกลับมาบอกว่า นี่ไม่ใช่แค่ภัยพิบัติธรรมชาติ ยังมีฝีมือมนุษย์ด้วย” ผู้นำตระกูลหลิงพูด “ภัยพิบัติธรรมชาติเลี่ยงไม่ได้ พวกเราต้องปล่อยไป แต่ห้ามปล่อยให้ภัยจากฝีมือมนุษย์เกิดขึ้นเด็ดขาด”
“ถูกต้อง!” ฮู่ฝ่าฝ่ายขวาของศาลสถิตยุติธรรมพูดขึ้น “ต้องคุ้มครองความปลอดภัยของทุกคนให้ดี”
“พลังของพวกเรามีจำกัด ปกป้องประเทศจีนให้ดี ปกป้องแผ่นดินที่พวกเรายืนอยู่ให้ดี ห้ามให้ใครมารุกรานเป็นอันขาด!”
ด้านนอกมีพวกจอมยุทธ์มารวมตัวกันแล้ว
เวลาแบบนี้ไม่มีใครคิดแย่งชิงอำนาจกับทรัพย์สมบัติอีก
เมื่อวันสิ้นโลกมาถึง สิ่งเหล่านี้จะไม่มีความหมายอะไรเลย
ศาลสถิตยุติธรรมกำลังรวบรวมคนที่พอจะออกไปสู้ได้
“ตระกูลเย่ว์ แปดร้อยเก้าสิบเอ็ดคน”
“ตระกูลหลิน ห้าร้อยเจ็ดสิบหกคน”
“ตระกูลหลิง สามร้อยยี่สิบสี่คน”
“สหพันธ์จอมยุทธ์ สามพันสี่ร้อยเก้าสิบห้าคน!”
เวลานี้มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น
เป็นพ่อบ้านตระกูลเย่ว์
“คุณหนูฝูอี!” เขาร้อนใจมาก รีบจับพวกคนคุ้มกันของศาลสถิตยุติธรรมมาถาม “มีใครเห็นคุณหนูฝูอีบ้างไหม”
พอได้ยินแบบนี้พวกคนคุ้มกันของศาลสถิตยุติธรรมก็มองหน้ากัน “คุณฝูอีเหรอ คุณฝูอีเก็บตัวฝึกอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอครับ”
เย่ว์ฝูอีรักความสงบ เก็บตัวแทบทุกวัน
สั้นๆ ก็หนึ่งเดือน นานหน่อยก็หนึ่งปี น้อยครั้งที่จะออกมา
แต่ชื่อเสียงของเธอยังคงเป็นที่รู้จัก
“ไม่ๆๆ คุณหนูฝูอีออกมาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว” พ่อบ้านเย่ว์รีบพูด “ตั้งแต่ก่อนที่คุณอิ๋งจะมาไม่กี่วัน เดิมทีตกลงกันว่าเธอจะพากลุ่มคนไปช่วยที่เมืองแห่งโลก อีกไม่กี่วันให้หลังจะออกเดินทาง”
“แต่วันนี้เช้าตอนที่ผมไปหาคุณหนูฝูอีในที่พักของเธอ เธอกลับไม่อยู่ ผมเลยกังวลใจครับ”
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เย่ว์ฝูอีหายตัวไปอย่างกะทันหัน ทำให้ตระกูลเย่ว์เหมือนเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ
หากเกิดอะไรขึ้นกับเย่ว์ฝูอี เขามีกี่ชีวิตก็ไม่พอชดใช้
“คุณฝูอีไม่ได้ทิ้งข้อความอะไรไว้เหรอครับ” คนคุ้มกันของศาลสถิตยุติธรรมสีหน้าเคร่งเครียด “พวกเราจะช่วยหาอีกแรง”
“ไม่มีเลยครับ” พ่อบ้านเย่ว์ร้อนใจกระทืบเท้า “ผมจะไปรายงานท่านผู้นำตระกูลก่อน รบกวนทุกท่านช่วยบอกผู้อาวุโสเฟิงซิวด้วย ขอให้เขาช่วยตามหาหน่อย”
พวกคนคุ้มกันออกทำงานทันที “ได้ครับ”
…
เวลานี้ที่เมืองแห่งโลก
สงครามกำลังระอุได้ที่
สนามรบถูกย้ายไปที่เขตพักอาศัย
สองฝ่ายมีผู้วิเศษหกคนเท่ากัน แต่ทางด้านอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินกลับมีข้อจำกัดมากกว่า
เพราะในระหว่างที่สู้กันต้องคอยระวังไม่ให้หอคอยกับโจ้วเหยียนทำร้ายชาวเมืองที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย
“เดวิล ฉายานายคือปีศาจ เดิมทีควรมาอยู่ฝั่งพวกเรานะ” หอคอยทำเสียงจึ๊ “นายสนิทกับนายท่านของพวกเราไม่ใช่เหรอ สนิทกันทำไมไม่ช่วยเหลือกันและกันล่ะ”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ แต่สายตากลับเย็นชาลง
“พลังสูงขึ้น คำพูดยังจะมากขึ้นอีก” อิ๋งจื่อจินขวางโจ้วเหยียนไว้ พูดเสียงแข็ง “ซ่อนหัวหางโผล่ นึกว่าจะสักแค่ไหน”
รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของหอคอย “พวกแกมันไม่รู้จักรับน้ำใจ!”
เกิดการโจมตีขึ้นอีกครั้ง!
อีกด้านหนึ่ง นอร์ตันที่กำลังสู้กับผู้วิเศษสังฆราชก็ค่อยๆ ตกเป็นรอง
“เจ้าทึ่ม อดทนไว้!” ซีซาร์ตกใจ “ฉันมาช่วยนายแล้ว!”
เขารีบเข้าไปช่วยนอร์ตันขวางหลุยส์ไว้
พลังของการกลับหัวทำให้หลุยส์ผู้วิเศษสังฆราชมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
กอปรกับพลังพิเศษของเขาที่แผ่ซ่านข่มเหงได้ ถึงขั้นที่สู้กับสองคนก็ยังได้
หลุยส์ไม่เคยรู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งแบบนี้มาก่อน
ตราบใดที่นึกถึงว่าอีกไม่นานเขาจะได้อิ๋งจื่อจินมาครอบครอง เขายิ่งสู้ก็ยิ่งมีความกล้า ดวงตาแดงก่ำแล้ว
พอซีซาร์ออกไปแบบนี้ ซาโรห์ก็หาโอกาสอีกครั้ง เข้าไปขวางหน้าหลิงเหมียนซี
“หลิงเหมียนซีใช่ไหม” ซาโรห์มองต่ำ แสยะยิ้ม “ได้ยินว่านี่เป็นชื่อในภพนี้ของเธอ น่าเสียดายจริงนะ ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนภพหรือไม่ เธอก็ไม่มีพลังต่อสู้อยู่ดี”
ซาโรห์ยกมือขึ้น “แต่ฉันไม่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้พลังของฉันก็เทียบเท่าจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์สามร้อยปีในโลกจอมยุทธ์ของพวกเธออยู่แล้ว”
“ตอนนี้เปิดการกลับหัวแล้ว เธอยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน!”
หลังจากเปิดการกลับหัว พลังควบคุมของเธอก็แตกต่างจากจักรพรรดิ พลังต่อสู้ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
เดิมทีผู้วิเศษคู่รักก็ไม่ได้มีพลังต่อสู้อะไร อาศัยวรยุทธ์ร้อยกว่าปีมีเหรอจะสู้เธอได้
“ใช่ ฉันไม่เหมือนกับเธอจริงๆ” หลิงเหมียนซีมองซาโรห์อย่างใจเย็น “ฉันไม่มีทางเปิดการกลับหัวหรอก และก็ไม่มีทางทำร้ายคนกันเอง ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางฆ่าพลเมืองโลก”
“เธอลืมหน้าที่ของผู้วิเศษตั้งแต่ก่อนเปิดการกลับหัว พอเปิดการกลับหัวแล้วยิ่งขยะเข้าไปใหญ่
แววตาของซาโรห์ขรึมลง “คู่รัก อยากตายสินะ!”
เธอไม่ออมมืออีกต่อไป ตรงเข้าไปโจมตีใส่หลิงเหมียนซีโดยเล็งเข้าที่หัวใจ
ภาพเหตุการณ์นี้ถ่ายทอดขึ้นจอสามมิติเห็นอย่างชัดเจน
เนี่ยอี้สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “เสี่ยวเหมียน!”
เขาพุ่งออกไปโดยไม่สนว่าตัวเองไม่มีพลังแบบผู้วิเศษ
เจียงหรานก็หน้าซีด “พี่!”
ตอนนั้นหลิงเหมียนซีเอาชีวิตแลกชีวิตเพื่อช่วยเขาจากน้ำมือของเซี่ยเนี่ยน
ภาพเหตุการณ์นองเลือดนั้นยังติดตาเขาอยู่ไม่มีวันลืม
เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งเหรอ
ผู้วิเศษคนอื่นต่างถูกรั้งไว้ ปลีกตัวออกไปไม่ได้
ดวงตาของซาโรห์ฉายแววพอใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน “ตายซะเถอะ!”
ไว้เธอกำจัดตัวเกะกะอย่างหลิงเหมียนซีเสร็จเมื่อไร เธอค่อยไปฆ่าอิ๋งจื่อจิน!
แต่ทันใดนั้นเอง!
ชิ้ง!
ประกายเฉียบคมฟาดผ่าลงมา สะท้อนเข้าตา
สะท้อนแทบจะในเวลาเดียวกับแสงอาทิตย์ เสียดแทงลูกตาของซาโรห์
เนื่องจากเธอเปิดการกลับหัวถึงได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง แต่เวลานี้โลกมืดไปอีกครั้ง
ตาบอดอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เจียงหรานที่อยู่ตรงหน้าจอมองท้องฟ้าอย่างอึ้งๆ
มีดาบสีเงินขนาดใหญ่
ตัวดาบเป็นลวดลายแบบโบราณดูมีมนต์ขลัง แต่ละเส้นแต่ละด้านล้วนงดงามน่าเกรงขาม
อัลไคด์เงยหน้า ดวงตาเบิกโพลง
เมื่อเห็นดาบชัดเจนเธอก็พูดขึ้น “แย่แล้ว!”
อัลไคด์ยื่นมือออกไปลากหอคอยถอยหลังได้ทันเวลา
ในขณะที่พวกเขาออกจากตรงนั้น แทบจะจังหวะเดียวกัน!
ฉับ!
ดาบสีเงินเล่มนี้ฟาดลงมาอย่างกะทันหัน แยกพายุทอร์นาโดที่หอคอยเรียกออกมา
เดิมทีหอคอยก็ได้รับบาดเจ็บจากฟู่อวิ๋นเซินอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งเหมือนเป็นการซ้ำเติม กระอักเลือดออกมา
ซาโรห์ทรุดอยู่บนพื้น แขนขาชาเหมือนถูกไฟช็อต
ดาบเล่มนั้นไม่ได้ฟาดลงมาที่เธอ แต่ทำให้เธอพลาดโอกาสที่ดีที่สุดที่จะโจมตีหลิงเหมียนซี
ทั้งยังทำให้เธอตาบอดอีกแล้ว
ซาโรห์ตวาดเสียงอย่างควบคุมไม่ได้ “ใคร!”
หลังจากที่เธอรู้ว่าหลิงเหมียนซียังได้ผูกชะตาให้ฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจิน เธอก็แค้นผู้วิเศษคู่รักเข้ากระดูกดำ
ใครกันแน่ที่ขัดขวางเธอ!
เงาที่สง่างามค่อยๆ เดินมาจากขอบฟ้า
ร่างนั้นอยู่ในชุดตัวยาวสีขาว มีกลิ่นอายของยุคโบราณ
พร้อมพิพากษาในทุกสิ่ง
สามารถตัดสินความเป็นความตายได้ภายในอาณาบริเวณนี้
พลังแบบนี้มีแค่ในตัวผู้วิเศษสี่คนแรกที่ถือกำเนิดก่อนเท่านั้น
ถ้าอย่างนั้นดาบเล่มนี้ก็เป็นของ…
ผู้วิเศษวันพิพากษา…
ดาบพิพากษา!