วันรุ่งขึ้น
ในที่สุดหลินเยวียนซึ่งเผยโฉมหน้าในรายการก็กลับมายังบริษัท ปรากฏว่าทันทีที่เข้ามา เขาก็ได้รับความสนใจจากผู้คน และแน่นอนว่านั่นยังรวมไปถึงการพูดคุยกันเล็กน้อย แต่หลินเยวียนไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนผิดปกติ เพราะไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือว่าในอนาคต ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ไหน ก็หนีไม่พ้นความสนใจจากคนอื่น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับว่าเขามีชื่อเสียงมากพอหรือไม่ ดังนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าการถอดหน้ากากในรายการราชาหน้ากากนักร้องไม่ได้มีผลกระทบต่อชีวิตของหลินเยวียนมากนัก
เขาไม่ได้สนใจ
เข้าไปในห้องทำงานได้ไม่ทันไร อี้เฉิงกงและคนอื่นๆ ก็มาหาหลินเยวียนถึงห้องทำงาน ทุกคนแสดงความยินดีที่เสียงของเขาฟื้นตัวและเรื่องการคว้าแชมป์ราชาหน้ากากนักร้อง หลังจากบรรยากาศครึกครื้นอยู่สักพักจึงเอ่ยถึงจุดประสงค์ของพวกเขา “สไปเดอร์แมนผลิตเสร็จแล้ว ต่อจากนี้ถึงเวลาคิดเรื่องตารางเข้าฉายแล้วครับ”
“ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
นี่คือภาพยนตร์เรื่องที่สี่ซึ่งเขามีส่วนร่วมในฐานะนักเขียนบทแกนหลัก และจัดว่าเป็นภาพยนตร์ซึ่งมีความเป็นเชิงพาณิชย์เข้มข้นที่สุดของเขาจนถึงปัจจุบัน เหมาะสำหรับสร้างยอดบ็อกซ์ออฟฟิศเป็นอย่างยิ่ง หลินเยวียนเองก็มีความคาดหวังเช่นกัน
หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ
หลังจากนั้นไม่นานกู้ตงก็เดินเข้ามาอย่างมีความสุข เธอเริ่มจากชงชาให้หลินเยวียนอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นจึงเอ่ยถึงเรื่องงาน “เนื่องจากตอนนี้คุณเปิดเผยหน้าตาอย่างเป็นทางการ จึงมีบริษัทหลายแห่งต้องการเชิญคุณไปเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า นอกจากนั้นค่าตัวที่เสนอมาก็สูงกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้าคุณสนใจ ฉันจะนำข้อมูลของทางนั้นมาให้คุณดูค่ะ ที่กล่าวไปข้างต้นหมายความว่าถ้าคุณยินดีรับก็รับ ถ้าไม่ยินดีรับก็จะไม่มีใครบังคับให้คุณรับ”
“ไว้ค่อยว่ากัน”
หลินเยวียนไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการเป็นพรีเซนเตอร์ ในเมื่อตอนนี้เขาเปิดเผยหน้าตาแล้ว ไม่ได้ต่อต้านกล้องและไม่ต่อต้านการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนแล้ว แต่เรื่องเหล่านี้ต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ “นอกจากพรีเซนเตอร์แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกไหมครับ?”
“มีแน่นอนค่ะ”
กู้ตงได้รับการติดต่อมากมายตั้งแต่เมื่อคืน จนกระทั่งวันนี้โทรศัพท์ของเธอยังคงดังขึ้นเป็นครั้งคราว ทุกคนล้วนต้องการร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋ “ยังมีรายการวาไรตี แล้วก็พวกรายการประกวดที่ค่อนข้างดังอีกหลายสิบรายการ ต้องการเชิญคุณค่ะ และเนื่องจากเรื่องราวในอดีตของคุณถูกเปิดเผย หนังสือพิมพ์และสื่ออีกหลายแห่งเลยต้องการเชิญคุณไปสัมภาษณ์”
“ปฏิเสธ”
หลินเยวียนไม่ได้สนใจ
เขาไม่ได้ถามถึงค่าตัวด้วยซ้ำไป เพราะเขารู้ว่าจำนวนเงินที่กู้ตงจะพูดนั้นต้องน่าดึงดูดใจมากทีเดียว และแต่ไหนแต่ไรมาหลินเยวียนเป็นคนที่ไม่ค่อยมีภูมิต้านทานต่อเงินสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องถามเลยดีกว่า ส่วนเรื่องอดีตของตนนั้น มีคนพูดคุยกันบนโลกออนไลน์มากมาย ตอนนี้ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นบนปู้ลั่วของหลินเยวียนเต็มไปด้วยข้อความปลอบประโลมและให้กำลังใจจากแฟนคลับ…
“ได้ค่ะ”
กู้ตงไม่แปลกใจ
ตัวแทนหลินเข้าร่วมรายการราชาหน้ากากนักร้องเพราะใจรักในการร้องเพลง คนอื่นแสวงหาชื่อเสียงและความสนใจ แต่ตัวแทนหลินกลับไม่ได้รู้สึกขาดแคลนสองสิ่งนี้ บางทีงานในอนาคตของตัวแทนหลินอาจจะยังคงเป็นงานเบื้องหลังเป็นหลัก
“จริงสิ!”
กู้ตงพูด “เพลงทุกเพลงที่ตัวแทนหลินร้องในรายการมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นหลังจากที่คุณเปิดเผยตัวตน คาดว่าคุณจะกลายเป็นนักร้องแถวหน้าได้ในไม่ช้า ถึงแม้เป้าหมายประเภทนี้จะไม่ได้มีความหมายอะไรกับคุณก็ตาม”
ก็ไม่มีความหมายจริงๆ นั่นแหละ
หลินเยวียนไม่จำเป็นต้องแตะถึงระดับนักร้องแถวหน้าในแง่สถิต เขานับว่าเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใด ทุกคนล้วนยอมรับว่าเขามีความสามารถระดับราชานักร้อง เช่นเดียวกับที่หลินเยวียนไม่เคยได้รับมงกุฎพ่อเพลง แต่ใครๆ ต่างก็มองว่าหลินเยวียนคือพ่อเพลง เมื่ออิทธิพลของเขาแตะถึงขั้นนั้น สิ่งที่เรียกว่ากฎเกณฑ์ก็สามารถถูกทำลายได้จริง
ยกตัวอย่างจากในโลกเดิม
มุราคามิ ฮารุกิก็ไม่…
ช่างเถอะ
ไม่เอ่ยถึงเรื่องโนเบลก็แล้วกัน
ขอเปลี่ยนเป็นลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ[1]
ต่อให้ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ[2] จะไม่ได้รับรางวัลออสการ์ ก็ไม่กระทบสถานะของเขาในดวงใจของแฟนหนังแต่อย่างใด แน่นอนว่าคงจะดีกว่าถ้าเขาสามารถคว้ารางวัลหรืออะไรสักอย่างได้ เพราะบางคนยังคงให้ความสำคัญกับการยอมรับรางวัลในรูปแบบวัตถุเสมอ นี่คือเหตุผลที่มีการถกเถียงมากมายหลังจากที่ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอคว้ารางวัลออสการ์
“มีอีกเรื่องหนึ่ง”
กู้ตงยิ้มบาง “หน้ากากหลานหลิงอ๋องที่คุณวาด มีบริษัทซื้อลิขสิทธิ์ไปลงทุนผลิต ตอนนี้ยอดขายสูงมาก เห็นบอกว่าหน้ากากรูปแบบเดียวกันของบริษัทหลายแห่งขายจนของขาด นอกจากนั้น ระยะนี้ในวิดีโอสั้นจำนวนมากฮิตใส่หน้ากากของคุณ ที่น่าสนใจก็คือ วันนี้มีโพสต์หนึ่งบนเว็บบอร์ด บอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งขอให้สามีเธอสวมหน้ากากหลานหลิงอ๋องทำเรื่องอย่างนั้นกับเธอ…”
“อย่างไหนครับ”
หลินเยวียนมีสีหน้างุนงง
กู้ตงกระแอมอย่างประหม่า “ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องระหว่างสามีภรรยา ผู้หญิงคนนั้นก็ทำเกินไป ขอให้สามีตัวเองสวมหน้ากากของหลานหลิงอ๋องยังไม่พอ ตอนทำอะไรกันยังใช้โทรศัพท์มือถือเปิดเพลงที่คุณร้องในการแข่งขันอีก”
หลินเยวียน “?”
คนเหล่านี้แปลกๆ นะ
หลังจากคุยเรื่องที่น่าสนใจกับหลินเยวียนอยู่สักพัก กู้ตงก็ออกไป หลินเยวียนดื่มน้ำชาอีกอึก ปรากฏว่าหลังจากดื่มน้ำชาคำแรก หลินเยวียนก็รู้สึกว่ารสชาตินั้นผิดปกติ
เมื่อก้มหน้ามอง นอกจากใบชาสีเขียวแล้ว ในถ้วยชายังมีเม็ดสีแดงๆ ขนาดใหญ่อีกเจ็ดแปดเม็ด…
เก๋ากี้?
เกิดอะไรขึ้นกัน
ทำไมในชาของฉันถึงมีเม็ดเก๋ากี้?
เอาเถอะ
เก๋ากี้นี้มาจากซุนเย่าหั่ว
กู้ตงย่อมรู้เรื่องเหล่านี้
เธอได้รับมอบหมายจากผู้คนมากมายให้บำรุงร่างกายของหลินเยวียน…
หลินเยวียนไม่ได้คิดมากเรื่องเก๋ากี้
เขาคลิกเปิดปู้ลั่ว โพสต์ภาพโปสเตอร์เรื่องสไปเดอร์แมน
‘ภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนเตรียมผลิตเสร็จแล้ว โปรดติดตามเร็วๆ นี้’
นี่คือคำโฆษณาอันแสนเรียบง่าย
ปรากฏว่าเพิ่งโพสต์ไปได้ไม่นาน พื้นที่แสดงความคิดเห็นก็แทบระเบิด นี่คือโพสต์แรกของเซี่ยนอวี๋หลังจากถอดหน้ากากในรายการราชาหน้ากากนักร้อง!
บนพื้นที่แสดงความคิดเห็นเต็มไปด้วยคอมเมนต์สารพัดรูปแบบ
บ้างก็บอกให้เขารักษาสุขภาพ บ้างก็บอกให้เขาปล่อยเพลงบ่อยๆ
มีความคิดเห็นต่างๆ นานา ถึงขั้นที่มากกว่าการถกเถียงเกี่ยวกับภาพยนตร์ด้วยซ้ำไป
โชคดีที่ยังมีคนสังเกตเห็นภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่
‘หนังเรื่องใหม่ของพ่อเพลงอวี๋จะออกมาแล้ว’
‘หนังใหม่เป็นแนวซูเปอร์ฮีโร่?’
‘เอ๊ะ?’
‘ถ้าฉันจำไม่ผิด ช่วงนี้ไม่ได้มีแค่เซี่ยนอวี๋ที่ทำหนังซูเปอร์ฮีโร่นะ’
‘พ่อเพลงอวี๋ก็เริ่มทำหนังเชิงพาณิชย์แล้วเหรอ?’
‘หนังซูเปอร์ฮีโร่ผมดูจนเอียนแล้ว เซี่ยนอวี๋ทำหนังตลกดีกว่า แบบถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศอะ’
‘ถังปั๋วหู่นี่คลาสสิก!’
‘หลังจากหนังเรื่องนี้ แมลงสาบทุกตัวมีชื่อว่าเสี่ยวเฉียงเหมือนกันหมด’
‘แค่นั้นที่ไหน หลังจากหนังเรื่องนี้ ทั้งประเทศมีหมาที่ชื่อว่าวั่งไฉเพิ่มขึ้นมามหาศาล’
‘…’
ความคิดเห็นเหล่านี้ทำให้เห็นได้ว่า ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่นั้นไม่ใช่สิ่งที่แปลกใหม่สำหรับผู้ชมชาวบลูสตาร์
นอกจากนั้น…
ดูเหมือนว่าหลังจากนี้จะไม่ได้มีภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่เพียงเรื่องเดียวที่เข้าฉาย?