ตอนที่ 3 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (3)
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองโอคาซีที่เดินเข้ามาใกล้ แม้หญิงสาวจะรู้ดีว่าเขามีใบหน้างดงามเพียงใดจากความทรงจำของเธอ แต่เมื่อชายหนุ่มรูปงามเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับเปล่งเสียงไพเราะที่น่าดึงดูดราวกับแม่เหล็ก ขาของเธอก็แทบจะอ่อนระทวย
เขาหล่อมาก!
เขาหล่อกว่าพลโทที่ฉันแปะรูปไว้ที่หัวเตียงถึงสามคะแนน! ช่างเป็นนักฆ่าที่เพียบพร้อมเสียจริง!
รูปงามเกินกว่าจะพูดว่าสมบูรณ์แบบ! เพราะมันยิ่งกว่า!
ผมสีเงินนุ่มสลวยปลิวไสวตามลม แม้ในสภาพแวดล้อมที่สกปรก เขาก็ยังคงดูสะอาดสะอ้าน นิ้วของเขาเรียวยาว คิ้วและดวงตาของเขาเปรียบเสมือนดวงดาวที่กำลังส่องแสงประกาย ราวกับเป็นรูปปั้นจากสรวงสวรรค์จนผู้คนเต็มใจที่จะปรนเปรอ และหลงระเริงไปกับเขา
“ได้ ได้สิ!” สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มเยาะ “ฮ่า ๆ”
ก่อนจะเขยิบเข้าไปหาหม้อของตนเองด้วยความงุนงง หยิบส่วนปลาหมึกชิ้นโตออกมาด้วยมือของเธอ “มันอร่อยนะ! เคี้ยวหนึบมาก!”
โอคาซีกล่าวขอบคุณขณะเอื้อมมือไปรับเนื้อปลาหมึก แต่สวี่หลิงอวิ๋นกลับปฏิเสธ
เธอหยิบจานขนาดใหญ่ออกมา เฉือนหนวดปลาหมึกด้วยดาบดวงดาว แล้วใช้ส้อมจิ้ม “กินนี่สิ ระวังมือจะสกปรกล่ะ!”
โอคาซีพยักหน้า และจิ้มเนื้อปลาหมึกด้วยส้อมขนาดเล็ก เขากำลังเอาเนื้อปลาหมึกเข้าปาก ทว่าทหารคนสนิทกลับหยุดเขาไว้
“ท่านพลเอก! ระวัง! มันมีพิษ! ให้ผมลองชิมก่อนเถอะครับ!” ในฐานะลูกน้องที่ซื่อสัตย์ ชาร์ลไม่ต้องการให้พลเอกได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว…ไม่มีวัน!
โอคาซีเหลือบมองชาร์ลแล้วค่อย ๆ ตักเนื้อปลาหมึกเข้าปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “องค์หญิงสามลิ้มรสของมันด้วยตัวเธอเองแล้ว พวกเราที่เป็นทหารของจักรวรรดิจะลิ้มลองมันบ้างไม่ได้หรือไง?”
เมื่อชาร์ลได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาก็ระลึกได้ว่าองค์หญิงสามได้ลิ้มลองเนื้อปลาหมึกนี้มาก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้นการกินเจ้าเนื้อปลาหมึกนี้น่าจะไม่เป็นอันตรายอะไรมากนัก…
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มพร้อมกับมองดูชายรูปงามก้มหน้าก้มตากินอาหารที่เธอปรุง เธอรู้สึกพึงพอใจกับท่าทางของเขา อนิจจัง! เครื่องปรุงมีน้อยเกินไป ไม่อย่างนั้นเธอคงสามารถจัดงานเลี้ยงอาหารทะเลมื้อใหญ่ได้!
อย่างไรก็ตาม รสชาติของมันหอมหวานกว่าปลาหมึกในชาติที่แล้ว แม้จะไม่ได้ปรุงรสอะไรมากนัก…มันอร่อยมาก!
โอคาซีจดจ่ออยู่กับการกินปลาหมึก แต่ดวงตาของเขากลับเหลือบมององค์หญิงสามบ้างเป็นครั้งคราว
องค์หญิงสามเอาชนะปลาหมึกตัวนี้และยัดมันลงไปในหม้อได้อย่างไร?
เขาจับจ้องไปที่เอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์บนจาน แล้วคิดว่าต่อจากนี้ไปปัญหาเรื่องอาหารของพวกเขาคงคลี่คลายลง…
เขาเหลือบมองพลทหารที่ทยอยออกมาจากเครื่องจักรกล “อยากลองชิมสักหน่อยไหม? เจ้านี่อร่อยมากนะ!”
รสชาติของเจ้าปลาหมึกตัวนี้แตกต่างจากสัตว์ที่ถูกเลี้ยงในปศุสัตว์ทั่วไป เคี้ยวหนึบ หวาน หอม รสชาติของมันกำลังตราตรึงอยู่ในต่อมรับรสของเขา จนแทบจะหยุดกินไม่ได้
เมื่อมองเห็นว่าพลเอกกำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พลทหารก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวราวกับกำลังอยู่ในสนามรบ ก่อนจะพูดกับองค์หญิงสามว่า “องค์หญิงสามครับ ขอสักชิ้นให้ผมได้ไหมครับ?”
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองพลทหารที่ไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลา ก่อนจะพูดขึ้นเพื่อไม่ให้เขารู้สึกอับอายว่า “เอาสิ ฉันปรุงอาหารหม้อใหญ่เลย ถ้าอยากกินก็ตักเอาเลย!”
นี่คิดว่าเธอจะเป็นแม่แล้วคอยป้อนอาหารให้เหรอ? ฝันไปซะเถอะ!
สวี่หลิงอวิ๋นหันศีรษะของเธอไปอีกทางอย่างเย่อหยิ่งและนั่งยอง ๆ ถัดจากพลเอก ขณะเคี้ยวหนวดปลาหมึกที่มีขนาดหนากว่าต้นขาของเธอ
พลทหารคลานเข้าไปใกล้หม้อและตักส่วนของตนเอง เขาหยิบหนวดปลาหมึกขึ้นมากัดไว้เหมือนองค์หญิงสาม เพราะไม่มีจานเพียงพอ
อะไรกัน! ช่างวิเศษเหลือเกิน! รสชาติของมันอร่อยมาก!
พลทหารอีกคนดันแว่นขึ้นเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร เขาหยิบเนื้อปลาหมึกขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วกินมันเข้าไป จากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นจนไม่สามารถหยุดกินมันได้
พลทหารและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เห็นว่าคนบางส่วนกินเนื้อปลาหมึกอย่างเอร็ดอร่อยจนทำให้พวกเขาแทบทนรอไม่ไหว เพราะทุกคนเองก็หิวโหยกันมานานมากแล้ว…
เริ่มแรกพวกเขารู้สึกขยะแขยงจนไม่อยากจะกลืนมันลงไปในท้อง แต่เมื่อได้ลิ้มรสมัน ทุกคนต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียงออกมาเสียงดังว่า “อ๊ะ!”
มันอร่อยมาก!
อร่อยจนไม่สามารถหยุดกินได้!
เหล่าทหารเงยหน้าขึ้นขณะกำลังแทะเนื้อปลาหมึกบ้าคลั่ง เมื่อได้เห็นว่าใครบางคนกำลังปีนป่ายขึ้นไปตักเนื้อปลาหมึกเพิ่ม พวกเขาก็รู้สึกตกใจและรีบกินส่วนของตนเองให้หมด จากนั้นจึงรีบวิ่งไปตักเนื้อปลาหมึกอีกครั้งขณะที่ปากของพวกเขายังเต็มไปด้วยเนื้อของพวกมัน
บางคนที่ฉลาดเป็นกรดถึงขนาดซ่อนตัวอยู่ในเครื่องจักรกลที่แปลงร่างเป็นหม้อ เพราะเกรงกลัวว่าตนเองจะไม่ได้กินอาหาร!
เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นตั้งใจจะไปตักเนื้อปลาหมึกเพิ่ม แต่เนื้อปลาหมึกหายไปไหน? เหลือเพียงแต่น้ำซุปใสเดือดปุด ๆ อยู่ในหม้อ เธอจึงทำได้เพียงหัวเราะเยาะกับความเชื่องช้าของตนเอง
พลทหารชาร์ลเองเป็นอีกหนึ่งคนที่ปีนขึ้นมาบนหม้อพร้อมกับเธอ เขายิ้มอย่างเขินอายเมื่อเห็นแววตาอาฆาตขององค์หญิงสาม ทว่าเนื้อที่ติดในซอกฟันของเขากลับดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
สวี่หลิงอวิ๋นสัมผัสท้องของตนเอง เธอยังหิวมาก!
แค่นี้ยังไม่พอ!
ถ้ามีอีกก็คงดีไม่ใช่น้อย!
พลเอกโอคาซีกินหนวดปลาหมึกจนหมด และเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อค้นพบว่าระดับดาวของเขาเพิ่มขึ้น!
ใช่แล้ว! ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หม้อต้ม
ปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ส่งผลให้เป็นเช่นนี้หรือ? ผู้เชี่ยวชาญเคยรับรู้มาก่อนหรือไม่? มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?
ไม่เพียงแต่โอคาซีเท่านั้นที่พบว่าระดับดาวของตนเองเพิ่มมากขึ้น แต่พลทหารคนอื่น ๆ ก็รู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน
ยิ่งทหารผู้มีระดับดาวต่ำมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เปรียบจากสิ่งนี้มากเท่านั้น!
ผู้ที่มีพลังดาวอยู่ในระดับ 2 จะได้เลื่อนดาวเป็นระดับ 3 หรือระดับ 4 ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในระดับ 3 หรือระดับ 4 ตั้งแต่ต้นจะได้เลื่อนขึ้นมาอีกหนึ่งดวง และผู้ที่อยู่ในระดับ 5 หรือมากกว่านั้นจะได้เลื่อนขึ้นมาเพียงครึ่งดวงเท่านั้น
ส่วนผู้ที่อยู่ในระดับ 6 ก็จะได้รับระดับพลังงานที่แตกต่างกันออกไป
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอได้กินเพียงนิดเดียวสินะ!
“องค์หญิงยังไม่อิ่มเหรอครับ?” โอคาซีจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋นที่ขมวดคิ้วขณะลูบท้องของเธอเอง
สวี่หลิงอวิ๋นมองไปที่ชายหนุ่มรูปงามและโบกมือให้เขาอย่างรวดเร็ว “ฉันอิ่มแล้ว ฉันอิ่มแล้ว! กระเพาะอาหารของฉันกักเก็บอาหารได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นแหละ โครกคราก…” ยังไม่ทันกล่าวจบ เสียงท้องของเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
ไหนใครบอกว่าอิ่มกัน? เธอยังหิวอยู่ต่างหาก!
ใบหน้าของสวี่หลิงอวิ๋นแดงก่ำ…
อ๊า! เธอทำเรื่องขายขี้หน้าแบบนี้ต่อหน้าชายหนุ่มรูปงามได้อย่างไร! น่าอายจริง ๆ!
แน่นอนว่าพลเอกโอคาซีหัวเราะลั่นทันทีที่ได้ยินเสียงร้องหิวโหยจากท้องขององค์หญิงสาม
เสียงหัวเราะที่น่าทึ่งของเขา ช่างให้ความรู้สึกเหมือนกับฤดูหนาวที่เย็นยะเยือกที่ได้แปรผันเปลี่ยนมาเป็นฤดูร้อนอันแสนอบอุ่น อีกทั้งเหมือนราวกับเป็นหยาดฝนในพื้นที่แห้งแล้ง!
สวี่หลิงอวิ๋นยังคงจ้องมองรอยยิ้มนั้นอย่างไม่ลดละ คงน่าเสียดายหากต้องละสายตาจากมัน!
โอคาซียืนขึ้น “ฉันจะออกไปล่าปลาหมึกยักษ์อีกสักตัว เพื่อที่พวกเราจะได้ใช้มันประทังความหิวโหย” ไม่เพียงแต่ทหารเหล่านี้เท่านั้น แต่คนมากมายในค่ายต่างก็ยังหิวโซเช่นกัน
“รับทราบครับ!” พลทหารตอบรับอย่างกระตือรือร้นขณะรีบก้าวเข้าไปในเครื่องจักรกล “ท่านพลเอกครับ ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้จะช่วยท่านเอง!”
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูหนุ่มรูปงามเข้าไปในเครื่องจักรกลโดยไม่กะพริบตา จากนั้นเครื่องจักรกลก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อย่างสง่างาม
เหล่าทหารทั้งหลายเริ่มทยอยเข้าไปในเครื่องจักรกลและติดตามโอคาซีไป
และแล้วสวี่หลิงอวิ๋นก็ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังอีกครั้ง
“ตายแล้ว! เขาดูหล่อมากจริง ๆ เลยนะ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของร่างเดิมจะลืมเขาไม่ลงและอยากแต่งงานกับเขา” สวี่หลิงอวิ๋นจิ๊ปากของเธอขณะครุ่นคิด
แต่หญิงสาวรู้ดีว่าหนุ่มรูปงามโอคาซีคนนี้ไม่ได้ชอบเจ้าของร่างเดิมมากนัก เพราะใครจะมาชอบผู้หญิงที่โง่เขลา เอาแต่ใจตัวเอง และหยิ่งทะนงเช่นนี้กัน?