ตอนที่ 23 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (23)
ไม่ว่าผู้ชมจะรู้สึกเสียดายมากแค่ไหน แต่โอคาซีก็ยังยืนยันจะปิดการถ่ายทอดสด
หลังจากนั้นไม่นานกลิ่นหอมก็โชยมาจากห้องครัว โชคดีที่พวกเขาจัดการกับช่องระบายอากาศในค่ายแล้ว จึงทำให้กลิ่นอาหารไม่ได้ส่งผลรบกวนมากนัก
สวี่หลิงอวิ๋นที่ผล็อยหลับไปก็ ‘กระตุก’ ตาเล็กน้อยก่อนจะลืมตากว้าง สติของเธอยังไม่กลับมามากนัก ทว่าท้องของเธอกลับตื่นขึ้นมาเสียแล้ว
หญิงสาวเดินออกจากเต็นท์ของตนเองโดยอัตโนมัติ และแน่นอนว่าเธอตรงไปหาหม้อทันที จากนั้นจึงหยิบกล่องข้าวขนาดเท่าอ่างล้างหน้าออกมาจากปุ่มมิติกักเก็บ รอคอยเวลาเพื่อตักข้าว
พ่อครัวรู้สึกโกรธจัด ไอ้คนสารเลวคนไหนแอบเข้ามากินอาหารอย่างไร้มารยาท? ช่างขวางหูขวางตาเสียจริง!
กลายเป็นว่าคนคนนั้นคือองค์หญิงสาม!
ดวงตาของเธอยังดูสับสนเล็กน้อย และไม่มีท่าทีว่าจะตอบสนอง!
อุ๊บ ทันทีที่พ่อครัวรู้ว่าคนคนนั้นคือองค์หญิงสาม เขาถึงกับหัวเราะออกมา!
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ก่อนจะยื่นมือออกไปหาคนตรงหน้าทว่าโอคาซีที่เดินเข้ามากลับดึงเธอไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ กันเสียก่อน พร้อมกับเหลือบมองพ่อครัว “อาหารเสร็จหรือยัง? ทหารหิวกันแล้ว”
“เอ๊ะ? อ๋อ! ใกล้เสร็จแล้วครับ!” พ่อครัวมองดูมือที่ว่างเปล่าของเขาแล้วจึงถอนมือกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับไปตรวจสอบความเรียบร้อยของอาหารอีกครั้ง
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอครับ?” ท่านพลเอกโอคาซียกมือโบกไปมาข้างหน้าเธออย่างขบขัน แต่องค์หญิงสามกลับไร้ซึ่งการตอบสนอง! เห็นได้ชัดว่าสติของเธอยังไม่กลับมา ทว่าร่างกายของเธอกลับกำลังทำงาน!
ต้องเป็นนักชิมที่ยอดเยี่ยมขนาดไหนถึงตระหนักรู้ได้ตลอดเวลาแบบนี้?
พ่อครัวสั่นกระดิ่งเรียกทุกคนให้เข้ามารับประทานอาหาร เหล่าทหารต่างเดินเข้ามาในโรงอาหารเป็นคู่ ๆ และในตอนนั้นเองที่สวี่หลิงอวิ๋นตื่นเต็มที่แล้ว
และทันทีที่เธอลืมตา เธอก็พบเข้ากับใบหน้าอันอ่อนโยนและหล่อเหลาตรงหน้าเธอ
“เชี่ย!” ช่างเป็นภาพที่น่าจดจำนัก!
สวี่หลิงอวิ๋นตกตะลึงอยู่เป็นเวลานานและไม่สามารถดึงสติของตนเองกลับมาได้!
โอคาซีมองดูเธอด้วยท่าทีงุ่มง่าม และใช้เรียวนิ้วยาวเคาะหน้าผากเธออย่างขบขัน “ตื่นแล้วเหรอครับ?”
“ฮิฮิฮิ…ตื่นแล้ว!” สวี่หลิงอวิ๋นยกยิ้มอย่างเขินอาย ยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายและตอบออกมาอย่างเด๋อด๋า
เหล่าทหารส่ายหัวอย่างเห็นอกเห็นใจ หรือว่าองค์หญิงสามจะมึนงงไปแล้วจริง ๆ? ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะใครกันจะสามารถต้านทานความงามที่น่าหลงใหลของชายผู้นี้ได้?
ไม่ต้องพูดถึงองค์หญิงสาม แต่เหล่าทหารเองก็ดูมึนงงไม่ต่างจากกันมากนักเมื่อพบกับท่านพลเอกในครั้งแรก ต้องใช้เวลาเสียหน่อยจนกว่าจะชิน!
โอคาซีหยิบกล่องข้าวในมือเธอออกมา “วันนี้ท่านเหนื่อยมามากพอแล้ว ผมจะไปเอาอาหารให้ท่านเอง!”
“ก็ได้ ก็ได้…” คนหล่อจะว่าอย่างไรก็เอาตามนั้นเลย! สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่ใช้สายตามองตามคนคนนั้นเดินออกไป
หลังจากที่โอคาซีจากไป สวี่หลิงอวิ๋นก็ตระหนักได้ว่า “พระเจ้า! กล่องข้าวของฉัน!” มันมีขนาดใหญ่มาก! ชายรูปงามผู้นั้นจะต้องหัวเราะเยาะเป็นแน่!
แล้วพวกคุณมองดูขนาดกล่องข้าวของเหล่าทหารสิ!
สวี่หลิงอวิ๋นปิดใบหน้าของเธอ โธ่เอ๊ย! ช่างมันเถอะช่างมัน! ไหน ๆ ก็อับอายไปแล้ว ยังดีที่ตอนนี้ไม่ต้องเห็นหน้าเขา!
ไม่มีใครกล้าคัดค้านเมื่อองค์หญิงสามเริ่มกินข้าวชามแรก!
ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะองค์หญิงสาม ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องกินอะไรเข้าไป! ค่ายทหารเป็นสถานที่ที่ผู้คนจะนับถือผู้แข็งแกร่งเท่านั้น พวกคุณไม่เห็นหรือว่าแม้แต่ท่านพลเอกยังรับใช้องค์หญิงสามด้วยตนเอง?
หึหึหึ! แม้ว่าภายนอกของสวี่หลิงอวิ๋นคนนี้จะดูเหมือนเป็นคนดี ทว่าข้างในกลับร้ายกาจนัก เธอเปิดกล้องถ่ายทอดสดและแพนกล้องไปที่ท่านพลเอกโดยตรง
“ว่าไง! เพื่อน ๆ ที่รักทุกคน สบายดีกันไหม? คิดถึงฉันหรือเปล่า?”
ผู้ชมต่างรอคอยวิดีโอการถ่ายทอดสดขององค์หญิงสามมาตลอดและแน่นอนว่าทุกคนคิดถึงเธอ แม้ว่าพวกเขาจะปากไม่ตรงกับใจและไม่ยอมรับมันก็ตาม!
“ฮึ่ม! ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพลเอกที่รักของฉัน ฉันคงไม่เข้าชมการถ่ายทอดสดของท่านหรอก!”
“องค์หญิงสาม ท่านตื่นแล้วเหรอ? ได้เวลาอาหารเย็นแล้วใช่ไหม?” เหล่าสาวกนักชิมยังคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี!
“ฉันเตรียมอาหารไว้แล้ว เพื่อมารอองค์หญิงสามกินข้าว!”
……..
ความคิดเห็นหลากหลายปรากฏขึ้นบนหน้าจอถ่ายทอดสด แต่สวี่หลิงอวิ๋นกลับเล็งกล้องไปที่ท่านพลเอกผู้ซึ่งกำลังตักอาหารให้เธอ “อ๊ะ ตามจริงฉันก็ไม่ได้อยากโชว์วิดีโอนี้ให้พวกคุณดูนักหรอกนะ แต่ถ้าฉันไม่ให้พวกคุณดู ฉันเกรงว่าข้าวจานนั้นจะไม่อร่อยน่ะ!”
ผู้ชมรู้สึกสงสัยว่าคำพูดของเธอหมายความว่าอะไร?
แต่ไม่นานนักพวกเขาก็เข้าใจความหมาย!
ท่านพลเอกถือกล่องข้าวขนาดเท่าอ่างล้างหน้าซึ่งเต็มไปด้วยเนื้อปลาหมึกกลับมา และวางมันลงข้างหน้าสวี่หลิงอวิ๋น ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “รีบกินตอนมันกำลังร้อนนะครับ!”
“บัดซบ! นี่คือภัยวิกฤตอันตรายระดับหมื่นริกเตอร์! ท่านพลเอกของฉัน! แงแงแง!”
“วางกล่องข้าวนั้นลงซะ! ฉันจะกิน!”
“ฮือ ๆ ท่านคือผู้หญิงที่ชั่วร้าย! ส่งท่านพลเอกของฉันคืนมานะ!”
“อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกว่าข้าวในชามของฉันไม่น่ากินเลย ทำไมฉันต้องทำร้ายตัวเองด้วยการดูรายการถ่ายทอดสดขององค์หญิงสามด้วยนะ? ฉันควรรู้ตั้งนานแล้วว่าเธอเป็นคนแบบไหน!”
“อ๊ะ! ท่านพลเอก! มองมาที่ฉันมองมาที่ฉันมองมาที่ฉัน! ฉันสวยมากนะคะ ทำได้ทั้งงานนอกบ้านและในบ้าน ให้ความอบอุ่นบนเตียงและสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ได้ ให้ฉันเป็นแม่บ้านของท่านได้ไหมคะ?!”
“ไสหัวไป! ท่านพลเอกเป็นของฉัน!”
………
ผู้ชมบางส่วนเริ่มทำสงครามประสาทกับองค์หญิงสาม และบางส่วนถึงกับพูดนำเสนอตัวเอง ทว่าความคิดเห็นของพวกเขากลับเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ องค์หญิงสามเป็นคนที่ร้ายกาจมาก!
ไร้ซึ่งศีลธรรม!
พวกเขามองดูองค์หญิงสามนั่งกินอาหารที่ท่านพลเอกเอามาให้ สิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุดนั่นคือองค์หญิงสามไม่ยินยอมแบ่งปันรสชาติอาหารให้แก่พวกเขา! ช่างน่ารังเกียจเสียจริง!
“ฉันเองก็อยากชิมรสชาติอาหารที่ท่านพลเอกเอามาให้เหมือนกัน!” ผู้ชมทั้งหมดต่างรู้สึกอิจฉาริษยา!
น่าเสียดายที่สวี่หลิงอวิ๋นไม่ยอมแบ่งปันพวกเขา! แน่นอนว่าการได้รับอาหารจากหนุ่มสุดหล่ออาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมแบ่งปันมันให้กับพวกที่รอใส่ใจอยู่!
ตามจริงการรับประทานเนื้อราชาปลาหมึกระดับแปดดาวนั้นก็เพียงพอต่อการเพิ่มพลังแล้ว ทว่าคราวนี้ยังควบคู่ไปกับการปรุงรสของสวี่หลิงอวิ๋น ทำให้พวกเขาสามารถกระตุ้นพลังจากเนื้อออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และดูดซับได้เป็นอย่างดี จนทหารหลายคนได้รับพลังดวงดาวเพิ่มมากขึ้น
“ฉันไม่คิดเลยว่าระดับดาวของฉันจะเพิ่มขึ้นถึงสองดวงในเวลาเพียงไม่กี่วัน! ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับห้าแล้ว! ฮ่า ๆๆๆ!”
เหล่าทหารตรวจสอบระดับดาวของพวกเขาทีละคน และพวกเขาก็มีความสุขกันอย่างมาก!
ระดับพลังของโอคาซีอยู่คั่นกลางระหว่างระดับแปดและระดับเก้า ซึ่งพลังที่ได้จากเนื้อปลาหมึกนี้เป็นเพียงพลังเล็กน้อยสำหรับเขา
ดังนั้นชายหนุ่มจึงกินมันเพียงเล็กน้อย และเหลือไว้ให้สำหรับเหล่าทหาร เพื่อพัฒนาระดับพลังของพวกเขาเอง
สวี่หลิงอวิ๋นเหงื่อออกมากหลังจากกินมันเข้าไป และพลังดวงดาวของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
ตามจริงหญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระดับดวงดาวของเธออยู่ในระดับที่เท่าไหร่ มันเป็นเหมือนหลุมที่ไม่มีวันเติมได้เต็ม แต่เมื่อมองดูปฏิกิริยาของผู้ชมทั้งหลายแล้ว เธอน่าจะอยู่ในระดับเจ็ด และดูเหมือนเธอจะไม่ธรรมดาเสียเลย!
ดูเหมือนว่าพลังดวงดาวของเธอจะดูดซึมได้ง่ายกว่าของคนอื่น โดยขึ้นอยู่กับส่วนผสมของอาหาร เธอสามารถดูดซับได้แม้แต่พลังงานที่อยู่คนละโลก มันเป็นความรู้สึกที่ลึกลับและยากเกินจะบรรยาย แต่สวี่หลิงอวิ๋นก็รู้ดีว่า เธอควรเก็บมันไว้เป็นความลับ