เอริก้าแทบอยากจะอาเจียนออกมาทันทีที่เธอได้ยินคำว่าอาหาร ‘พิเศษ’ ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็ซีดเผือด
เธออยากจะเอ่ยปากเตือนแลนเซล็อต แต่สุดท้ายกลับกลั้นคำพูดนั้นไว้
เฮอะ! สวี่หลิงอวิ๋นคนนี้กำกับเป้าหมายไว้ก็ดี ถ้าเธอกล้าที่จะตั้งเป้าไปที่แลนเซล็อต เธอจะได้พบเจอกับปัญหาครั้งใหญ่หลวงแน่!
เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทที่มีอิทธิพลแข็งแกร่งเทียบเท่ากับชิงเหย้า ถ้าเธอกล้าทำให้เขาอับอาย เขาจะไม่ตบหน้าเธอต่อหน้าคนทั้งจักรวรรดิเลยเหรอ?!
เอริก้าเพียงรอคอยเวลาให้สวี่หลิงอวิ๋นสร้างปัญหา
ถึงแม้ว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะไม่ได้มองดูเอริก้า แต่เธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ฮึ่ม! น่าเสียดายที่เธอจะไม่มีวันปล่อยให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จตามความคิดในหัวของอีกฝ่าย
ซอสที่หมักเอาไว้ ส่งกลิ่นเผ็ดเย้ายวนชวนน่าหลงใหล
ซอสพริกถั่วปากอ้าจวนจะแช่เสร็จแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเห็ดอยู่นานาชนิด ดาวเคราะห์ภูเขาไฟแห่งนี้น่าสนใจมาก ตามหลักเหตุผลแล้ว มันไม่ควรมีเห็ดอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่น่าแปลกประหลาดก็คือ ที่นี่มีเห็ดอยู่เต็มไปหมด
ทว่าเห็ดเหล่านี้กลับมีลักษณะที่ค่อนข้างแข็งเล็กน้อย และนั่นทำให้เธอต้องเอาเห็ดแช่น้ำไว้นานกว่าหนึ่งวัน เห็ดที่ถูกแช่ในน้ำจะช่วยเพิ่มรสชาติที่หนึบหนับและชุ่มคอ รวมทั้งกรอบเล็กน้อย
นำผักป่าทุกชนิดออกมา และหั่นเนื้อของอสุรกายหุ้มเกราะเป็นแผ่นบาง เทซีอิ๊วขาว แป้งมันเทศหวาน เนื้อแผ่นบาง แล้วเทไวน์สำหรับปรุงอาหารลงไป ใส่ไข่ขาวของนกป่า เติมเกลือลงไปในปริมาณพอเหมาะ และเริ่มหมัก
พอน้ำมันเดือดได้ที่ ก็ใส่หัวหอม ขิง กระเทียม พริกไทยเสฉวนลงไป จากนั้นจึงเริ่มผัดซอสพริกถั่วปากอ้า หลังจากผัดจนน้ำมันแดงแล้ว เธอก็ใส่น้ำลงไปอีกครั้ง และเมื่อน้ำเดือดได้ที่ เธอก็ลงมือหมักมันทิ้งไว้โดยการใส่เนื้อแผ่นบางอย่างดีลงไป
สำหรับผักป่า องค์หญิงสามได้เตรียมมันจนเสร็จสิ้นแล้วเหมือนกัน!
เนื่องจากหม้อมีขนาดใหญ่เกินไป สวี่หลิงอวิ๋นจึงขี้เกียจที่จะเอาวัตถุดิบออกมาจากหม้อ เธอเพียงแค่วางผักป่าทั้งหลายไว้บนเนื้ออย่างเรียบง่าย จากนั้นจึงโรยผงพริกไทยเสฉวนอีกครั้ง บดพริกที่ถูกตากจนแห้งลงไปและใส่กระเทียมสับ ก่อนจะราดด้วยน้ำมันร้อน ๆ เพียงเท่านี้เนื้อแผ่นบางในหม้อก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว
รสชาติแบบนี้!
เพียงได้กลิ่นก็น้ำลายไหลแล้ว! และยิ่งไปกว่านั้นคือจะได้กินมันเข้าไปในปากจริง ๆ!
ทหารทั้งหลายไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป แขนกลตักชิ้นเนื้อแผ่นบางในหม้อต้มขนาดใหญ่ให้กับทหารแต่ละคน และทุกคนกินมันอย่างเอร็ดอร่อยจนไม่เงยหน้าขึ้นมา
แลนเซล็อตเองก็ได้อาหารถ้วยใหญ่เช่นกัน
เอริก้ามองดูอาหารในถ้วย ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาเงียบ ๆ
คราวนี้เธอดูการทำอาหารขององค์หญิงกับตาของเธอเอง และครั้งนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย นั่นหมายความว่าองค์หญิงสามตั้งเป้ามาที่เธอใช่ไหม?
ทุกคนกินกันอย่างรีบร้อนมาก
หลังจากที่สวี่หลิงอวิ๋นกินเสร็จแล้ว เธอกลับรู้สึกว่าตนเองยังไม่อิ่ม แต่น่าเสียดายที่อาหารในหม้อไม่เหลือแล้ว! เหล่าทหารกินอิ่มกันจนกางเกงแน่น แต่พวกเขากลับยังไม่ยอมจากไป
เพราะพวกเขากลัวว่าตนเองจะอดกิน ถ้าองค์หญิงสามจะเอาอาหารอะไรอร่อย ๆ ออกมาอีก
หลังจากสวี่หลิงอวิ๋นคิดเช่นนั้น เธอก็หยิบถังขนาดใหญ่ออกมาจากที่กักเก็บขนาดเล็กของเธอ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าสิ่งของนั้นคืออะไร
เธอเปิดเกลียวฝา และพบว่ามีไข่อยู่ข้างในนั้น!
ไข่ใบนี้ขนาดเท่ากับฝ่ามือของผู้ใหญ่ “นี่คือไข่พะโล้ที่ฉันชอบ หึหึ มันถูกหมักเป็นเวลาสองสามวันแล้ว และย่อมเยาสำหรับพวกนาย”
เหล่าทหารส่งเสียงเชียร์ ก่อนที่คนทั้งสี่จะจับกลุ่มรวมกันกินไข่หนึ่งฟอง
สวี่หลิงอวิ๋นและพวกเขา รวมเป็นสี่คนกำลังนั่งกินไข่หนึ่งฟอง
แลนเซล็อตหยิบไข่พะโล้เข้าไปในปาก รสชาติของมันค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์มาก ส่วนผสมประกอบไปด้วยเครื่องเทศนานาชนิด มีความสดและเค็มเล็กน้อย ทุกรสสัมผัสของมันกระตุ้นต่อมรับรสชาติของเขาได้เป็นอย่างดี จนองค์ชายรัชทายาทหนุ่มไม่สามารถหยุดกินได้และกินต่อไปเรื่อย ๆ!
ทั้งสี่กินไข่พะโล้หนึ่งฟองอย่างรวดเร็ว
เอริก้ายังคงนั่งกินด้วยท่าทีนิ่งสงบ
องค์หญิงสามคนนี้ไม่ธรรมดา แค่ทักษะการทำอาหารเท่านี้ก็เพียงพอที่จะดึงดูดใจของผู้คนได้แล้ว!
ทหารทั้งหลายต่างพึงพอใจ และเริ่มมีเรี่ยวแรงในการทำงานต่อไป
ตกกลางคืน…
มีเพียงแสงไฟที่สว่างไสวออกจากปากปล่องภูเขาไฟเท่านั้น แลนเซล็อตมองดูสวี่หลิงอวิ๋นที่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมเครื่องปรุงที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาอยากจะติดตามเธอไปด้วย
แต่ผู้ช่วยของโอคาซีกลับมาดักเขาเอาไว้ ก่อนจะยกยิ้ม “องค์ชายรัชทายาท ผมอยากรู้ว่าผมพอจะขอคำปรึกษาเกี่ยวกับพลังดวงดาวจากท่านได้ไหมครับ?”
แลนเซล็อตชำเลืองมองเขา “นายกำลังเข้าจะสู่ระดับ 7 ดาว ไม่เลวนี่”
“ท่านชมกันเกินไปแล้วครับ แต่ระดับนี้ยังอีกยาวไกล ผู้ติดตามส่วนใหญ่ขององค์หญิงสามก็เลื่อนขั้นมาถึงระดับนี้กันแล้ว!” ผู้ช่วยชาร์ลรู้สึกเสียใจ
มีคนอัจฉริยะอยู่มากเกินไป เมื่อเทียบกับกลุ่มคนปกติอย่างเขา แน่นอนว่าถ้าเทียบกับคนที่อยู่ตรงข้าม เขาอ่อนแอกว่าด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเทียบกับพลเอกของเขานั้น เขาก็แค่แย่กว่านิดหน่อย ฮ่า ๆๆ!
แลนเซล็อตมองดูความร่วมมือและเข้าใจกันได้ดีระหว่างโอคาซีและสวี่หลิงอวิ๋น และถ้าหากกำจัดชายคนนี้ไม่ได้ เขาก็ไม่มีวันจะได้เข้าใกล้สวี่หลิงอวิ๋น
“พร้อมหรือยัง?” แลนเซล็อตยกยิ้มเพียงวินาทีเดียวเท่านั้น ทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้า ดาบเลเซอร์ของแลนเซล็อตก็จี้อยู่ที่ต้นคอของชาร์ลในชั่วพริบตา
“เอาไง? จะยอมแพ้ได้หรือยัง?” ชาร์ลมองดูดาบเลเซอร์ในมือที่เขาเพิ่งจะควบแน่นเสร็จ ถึงแม้ว่าเขาจะเคยถูกผู้เชี่ยวชาญแบบนี้โจมตีมาก่อน แต่ครั้งนี้เขากลับไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้นัก!
“ไม่ยอมแพ้หรอกครับ!” ชาร์ลไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเองอีกต่อไป! เขาจะต้องทำให้มั่นใจว่าพลเอกจะจับองค์หญิงสามให้อยู่หมัดให้ได้!
น่าเสียดายที่ชาร์ลไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของอีกฝ่าย และในไม่ช้าก็ล้มลงไปกองกับพื้น
แลนเซล็อตถอนหายใจ “ฉันรู้ว่านายทำไปเพื่อพลเอกของนาย แต่ฉันก็มีสิทธิ์ตามจีบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
ชาร์ลล้มลงกับพื้นอย่างแรงจนน้ำตานองหน้า ราวกับตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนห่วยแตกที่น่าเวทนานัก ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าเขาดูน่าอนาถขนาดไหน!
เขามองดูอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ยอมหยุดไล่ล่า ดังนั้นเขาจึงตะโกนร้องเสียงดังก้อง!
“องค์หญิงสาม! ผมถูกองค์ชายจากจักรวรรดิเอเดนรังแก! ฮือ ๆ! ท่านต้องล้างแค้นให้ผมนะ!”
น้ำเสียงฟังดูเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้
ทันทีที่สวี่หลิงอวิ๋นหันกลับมา เธอพบแลนเซล็อตที่ยืนเก้กังอยู่โดยไม่รู้ว่าจะเอาเท้าของตนเองไปวางไว้ที่ไหน ขณะที่ชาร์ลยังคงจับขาของแลนเซล็อตไว้แน่น
“ฮ่า ๆๆๆๆ!” สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะออกมาไม่หยุด!
จนเธอต้องกุมท้องของตนเองไว้ โอคาซีพยุงเธอไว้เมื่อเห็นว่าเธอหัวเราะออกมาไม่หยุดจนแทบจะทรงตัวไม่ได้ แม้แต่คิ้วของเธอก็ย่นจนกลายเป็นรูปรอยยิ้ม
“นี่พวกนายกำลังแสดงละครอะไรกันอยู่? เป็นซีนหนังฟอร์มยักษ์ที่ตัวโกงกำลังต่อสู้กันหรือเปล่า?” สวี่หลิงอวิ๋นเดินเข้าไปหาพวกเขาขณะป้องปากหัวเราะ “ชาร์ล ฉันบอกนายแล้วไงว่าให้นายดูต้นทางเฉย ๆ ไม่ต้องถึงกับลงไม้ลงมือแบบนี้!”
ชาร์ลคิดกับตนเองในใจ ว่าเขาเป็นคนคิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้น! เขาไม่ชอบผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ผู้ชายคนนี้ทำตัวเด่น!
เฮอะ!
“องค์หญิงสาม ท่านเลิกพูดไปเรื่อยเปื่อยเถอะครับ” แลนเซล็อตพูดออกมาอย่างเหลืออด “พวกเราเพียงแต่เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้เท่านั้น และไม่มีอะไรที่ไม่ถูกต้องทั้งนั้นครับ”
“ฉันรู้ค่ะ ท่านมีสมบัติความเป็นผู้ดี ไม่ใช่คนประเภทเดียวกับตุ๊ดน้อยชาร์ลของเราหรอกค่ะ!” เธอจ้องมองแลนเซล็อตอย่างโศกเศร้า “อันที่จริง ท่านกับโอคาซีน่าจะเข้ากันได้ดีนะคะ!”
“คนหนึ่งร้อนคนหนึ่งเย็น น่าจะเหมาะสมกันดี!”
“เพ้อเจ้อ!”
ใบหน้าของทั้งโอคาซีและแลนเซล็อตเปลี่ยนเป็นอึมครึมทันทีขณะจ้องมองกันและกัน ผู้ชายเฮงซวย พวกเขาไม่ต้องการกันและกันหรอก!