ตอนที่ 162 ฉันคือเถ้าแก่เนี้ยที่อารยธรรมพื้นเมือง 17
“พวกคุณฟังนะ ถ้าพวกมันตั้งใจจะมาอย่างเป็นมิตร ก็แล้วทำไมพวกมันไม่ส่งสัญญาณว่าเป็นมิตรออกมาโดยตรงล่ะครับ? คอยจับตาดูพวกเราอยู่เงียบ ๆ ทำไม? พวกมันคงมาคอยสังเกตการณ์ความแข็งแกร่งของพวกเราแน่นอน และหลังจากได้ค่าตัวเลขที่แน่นอนแล้ว พวกเราคงโดนกวาดเรียบจนไม่เหลือ”
“ผมไม่เห็นด้วย!” คณบดีอีกคนยืนขึ้นและกล่าวต่อว่า “ถ้าพวกมันอยากจะประกาศสงครามกับพวกเราจริง ๆ อย่างงั้นลองคิดตามผมดูสิครับว่าระดับเทคโนโลยีของพวกมันจะล้ำหน้าขนาดไหน จะมามัวจับตาดูอยู่ทำไม? คอยสังเกตการณ์ความแข็งแกร่งงั้นเหรอ? พวกคุณก็รู้กันดีว่าคืนนั้นพวกเราใช้อาวุธที่ล้ำสมัยที่สุดแล้ว แต่ยังจับตัวนักวิจัยมนุษย์ต่างดาวไม่ได้เลย”
ต่างคนต่างบอกกันและกันว่าตนเองมีเหตุผล ทุกคนต่างโต้เถียง และไม่มีใครยอมใคร
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราทุกคนก็ควรกลับไปแจ้งเตือนให้ระมัดระวังตัวกันไว้ ถ้าอีกฝ่ายมาอย่างเป็นมิตรจริง ๆ พวกเราก็จะไม่ตอบโต้อะไรทั้งนั้น แต่ถ้าพวกมันประกาศสงคราม พวกเราค่อยมาร่วมมือกันต่อสู้อีกครั้ง”
หลังจากที่ทุกคนออกไป คณบดีจากฮั่วเลี่ยและคณบดีจากไป่เซียนก็มาพบปะกัน
“ทำไมพวกเราไม่ร่วมมือกันล่ะครับ?” คณบดีฮั่วเลี่ยจ้องมองคณบดีไป่เซียน ก่อนจะอมยิ้ม “คุณไม่อยากให้พวกเราช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสถาบันไป่เซียนของคุณเหรอครับ?”
“ว่าแล้วก็ถูกใจผมมากเลยครับ”
สำหรับการทดสอบยีนกรรมพันธุ์จากครอบครัวของสวี่หลิงอวิ๋น ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างดี ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่แอบย่องเข้าไปในบ้านของพวกเขา โดยคิดว่าจะเอาเนื้อเยื่อผิวหนังที่ตายแล้ว เส้นผม และอย่างอื่นออกมา ทว่าความจริงแล้ว ของพวกนั้นเป็นของพนักงานผู้ช่วย
นักวิจัยทั้งหลายได้ทดสอบยีนกรรมพันธุ์ด้วยกระบวนการทางธรรมชาติ แต่ปรากฏว่าไม่พบอะไรผิดปกติเลย…
วิกฤตการณ์หลบซ่อนตัวได้จบลงอย่างชั่วคราว
นอกจากนี้ การแสดงออกของครอบครัวสวี่หลิงอวิ๋นยังมีการเปิดเผยตัวอย่างเต็มที่ จนดูไม่เหมือนกับมนุษย์ต่างดาวที่พยายามหลบซ่อนตัว!
และพวกเขายังเปิดธุรกิจเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวอย่างโจ่งแจ้ง! จนธุรกิจของพวกเขาเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก! ชนชั้นสูงจำนวนมากเข้ามาสอบถามกับเธอว่าเธอมีความต้องการจะเปิดสาขาอื่นในเมืองของพวกเขาบ้างไหม?
และนั่นนับเป็นข่าวดี!
สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้กล่าวอะไรออกไป แต่กลับฝึกฝนชนชั้นสูงทั้งหลายที่เข้ามาเรียนรู้หลักการ แน่นอนว่าคนเหล่านั้นจะต้องลงนามในสัญญาว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่สูตรอาหารออกไป ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะต้องชดเชยค่าเสียหายที่มีราคาสูงกว่าสูตรถึงห้าสิบเท่า!
สวี่หลิงอวิ๋นร่ำรวยภายในชั่วข้ามคืน
เห็นได้ชัดว่าเมืองหวางเจียไม่เพียงพอต่อความทุ่มเทที่ร้อนแรงของเธออีกต่อไป เธอพาพ่อผู้แก่ชราและอ่อนปวกเปียกกับแฟนหนุ่มที่เงียบขรึมและไร้ความสามารถย้ายไปยังเมืองที่ดีกว่าและเปิดร้านค้าอีกครั้ง
หากคุณถามว่าคนจากชนชั้นล่างจะเปิดร้านค้าในเมืองของชนชั้นสูงได้อย่างไร?
คำตอบคือง่ายมาก เพราะสวี่หลิงอวิ๋นได้รับคำเชิญชวนจากแลนซ์ โดยเขาได้เชิญชวนให้พวกเขามาที่เมืองแห่งนี้ นอกจากนี้พวกเขายังได้รับคำชมเชยพิเศษจากนายกเทศมนตรีอีกด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง สวี่หลิงอวิ๋นและคนอื่นที่เหลือได้รับใบรับรองในการระบุตัวตนว่าเป็นชนชั้นสูง
หญิงสาวที่สวมใส่เครื่องเพชรรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก! ตอนแรกหล่อนไม่ชอบเธอเลย แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องมาประจบประแจงคนที่ไม่คู่ควร!
ฮึ่ม! น่าเสียดายที่ฉิงจ้วน ลูกชายของเธอทั้งหล่อเหลา แต่กลับหาหญิงสาวที่เหมาะสมไม่ได้
ชาวเมืองทั้งหลายในเมืองหวางเจียไม่เต็มใจที่จะบอกลาครอบครัวของสาวน้อยสวี่มากนัก
ในขณะเดียวกัน ข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เกมตัวล่าสุดที่มาแรงที่สุดของโอคาซีได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหวางเจีย!
“ไม่แปลกใจเลยที่หนูสวี่จะดึงดูดคนอื่นได้ดี และชายหนุ่มคนนั้นก็กลายไปเป็นช่างเทคนิค!”
“พวกเขาต้องหนีตามกันมาแน่เลยว่าไหม?” ชาวเมืองกลุ่มเล็กเริ่มจินตนาการถึงละครรักน้ำเน่าสุดโรแมนติก “ชายหนุ่มจากชนชั้นสูงตกหลุมรักสาวน้อยสวี่ แต่พ่อแม่ผู้เป็นชนชั้นสูงกลับไม่ปลาบปลื้ม พวกเขาจึงไม่ยินยอมให้ทั้งสองที่มีฐานะต่างระดับแต่งงานกัน ทั้งคู่เลยหนีตามกันมา!”
“สาวน้อยสวี่ทำเค้ก ส่วนเสี่ยวเอ๋อเหอเป็นคนพัฒนาเกม ทั้งสองคนสาบานที่จะทำให้พ่อแม่ของพวกเขาเห็นว่าพวกเขาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคบนโลกใบนี้ไปด้วยกันได้!”
“ว้าว! โรแมนติกจัง! ตอนนี้สาวน้อยสวี่จะได้ก้าวไปเป็นชนชั้นที่หนึ่งแล้ว เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันอย่างเหมาะสมสักที?”
ขณะเดียวกัน วิกเตอร์ก็ได้รับผลรายงานการทดสอบ และทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติ เป็นไปได้ไหมที่มนุษย์ต่างดาวจะอยากกินเค้กอย่างที่สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวไว้?
การคาดเดาทั้งหมดไม่สามารถรับรู้ได้
หลังจากมาถึงเมืองของชนชั้นสูง สวี่หลิงอวิ๋นก็เปิดสาขาย่อยอีกมากมาย จนผู้คนทั่วทั้งทวีปเดินทางมาเรียนหลักสูตร และเข้าร่วมร้านเค้กของเธอ
ตอนนี้สวี่หลิงอวิ๋นได้กลายเป็นเศรษฐีนีที่อยู่บนจุดสูงสุดของทั่วทั้งทวีป!
เกมของโอคาซีก็ทำเงินกำไรได้จำนวนมหาศาลเช่นกัน ในทุก ๆ วันเงินก็ไหลเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ
เถียนอู่ได้ปรับแต่งท่าทางการเต้นรำบนลานกว้างอีกครั้ง เดิมทีชายหญิงชราผู้อยู่ท่ามกลางชนชั้นสูงรู้สึกอับอายเมื่อตระหนักได้ว่าเถียนอู่เคยเป็นชนชั้นล่างมาก่อน พวกเขาจึงไม่ต้องการเสียเงินเพื่อสนทนากับเขา
แต่กลับกลายเป็นว่าคนพวกนั้นโดนตบหน้า ไม่เป็นไร เพราะชายชราคนนี้มีเงิน!
เถียนอู่เอาเงินของเขาออกมาใช้สำหรับสร้างทีมเต้นรำบนล้านกว้างโดยตรง พวกเขาเต้นรำกันอย่างสนุกสนานทุกวัน เดิมทีสมาชิกที่เขาใช้เงินซื้อตัวมาไม่ได้รู้สึกมีความสุขมากนัก แต่เมื่อพวกเขาได้พูดคุยกัน พวกเขาจึงค้นพบว่าชายชราผู้นี้มีการศึกษา เขาเป็นคนสนุกสนานและสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวธรรมดาทั่วไปจะทำได้
ครั้งนี้เถียนอู่สามารถยืนหยัดกิจกรรมของเขาบนเมืองแห่งนี้ได้ จนผู้คนจำนวนมากเข้ามาเต้นรำ
สำหรับทีมแพทย์ เมื่อค้นพบว่าพวกเขาอยู่ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองชั้นสูง จากนั้นพวกเขาทุกคนก็รีบออกมาจากโรงพยาบาลแห่งนี้ที่อยู่คนละเมืองกับที่สวี่หลิงอวิ๋นอาศัยอยู่
สมาชิกที่เหลืออยู่มาถึงเมืองที่อยู่อาศัยของสวี่หลิงอวิ๋นทีละคน
แลนซ์พบเข้ากับนักวิจัยผู้โดดเดี่ยว ชายผู้น่าสงสารคนนี้ต้องคอยหลบซ่อนตัวจากการตรวจตราเข้าเมืองที่เข้มงวด พยายามเอาตัวรอดในป่ามาเป็นเวลานานจนแทบจะกินขนดื่มเลือด!
หลังจากรอดชีวิตออกมาได้ เขาถึงกับปล่อยโฮออกมาเสียงดัง ‘ฮือ’!
เพียงคิดว่ามันจบสิ้นแล้ว พวกเขาก็สามารถรอคอยความช่วยเหลือได้อย่างสันติสุข ทว่าปัญหาอื่นกลับตามมา!
ลูกเรือคนหนึ่งถูกส่งตัวไปอย่างโรงพยาบาล หลังจากเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนจนหมดสติ
แต่ก่อนที่เขาจะหนีออกมาได้ เขากลับถูกเคลื่อนย้ายไปยังฐานทัพอื่นอย่างลับ ๆ และขาดการติดต่อ
“ต้องตามหาเขาให้เจอ!” สวี่หลิงอวิ๋นใช้ค้อนทุบลงกับโต๊ะ และในวินาทีต่อมา โต๊ะเหล็กก็ถูกทุบจนพังทลายลงไป
ใบหน้าของทุกคนตึงเครียด พวกเขาไม่สามารถละทิ้งเพื่อนร่วมทีมได้!
“อย่างแรกเลยจะต้องใช้พลังจิตควบคุมคนในโรงพยาบาล พวกคุณห้ามเอาร่างกายไปที่นั่นด้วยเด็ดขาด เพราะพวกคุณอาจจะติดเข้าไปในกับดักของศัตรูได้”
สวี่หลิงอวิ๋นกล่าว “ฉันจะใช้พลังจิตบุกรุกเข้าไป แต่จะต้องมีใครสักคนหนึ่งในหมู่ของพวกคุณอยู่เฝ้าร้านให้กับฉัน”
มันค่อนข้างง่ายที่จะลงมือทำ
สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีเดินทางไปถึงเมืองที่ไม่คุ้นเคยภายในชั่วข้ามคืน ระหว่างการเดินทาง พวกเขาต้องเปลี่ยนใบหน้านับครั้งไม่ถ้วน เพื่อที่ตัวตนของพวกเขาทั้งสองจะไม่ถูกเปิดเผย
สำหรับร้านค้าขนาดเล็กของสวี่หลิงอวิ๋น จะมีสาวน้อยสวี่อีกคนมาแทนที่เธอ
เมื่อทั้งสองมาถึงโรงพยาบาล พวกเขาไม่ต้องตรวจสอบเลยด้วยซ้ำ อันเนื่องมาจากประสบการณ์อันโชกโชนหลายปีในสนามรบ พวกเขาจึงสัมผัสได้ว่าการเฝ้าระวังในบริเวณนี้เข้มงวดมากแค่ไหน
“ไปดูที่บ้านของหยวนซิวกันก่อนเถอะค่ะ” ลูกเรือคนที่โดนจับตัวไปมีชื่อว่าหยวนซิว
ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะทำการตรวจสอบความทรงจำเกี่ยวกับผู้คนที่อยู่รอบตัวหยวนซิวบ้างไหม ถ้าเกิดเขาโดนตรวจสอบความทรงจำจริง ๆ พวกเขาทั้งหมดจะตกอยู่ในอันตราย