สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际 – ตอนที่ 167 ปฏิบัติการช่วยชีวิต 4

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际

ตอนที่ 167 ปฏิบัติการช่วยชีวิต 4

ที่นี่สามารถเห็นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์สวมเสื้อคลุมสีขาวอยู่ทั่วทุกที่ พวกเขาสวมใส่หน้ากากขนาดหนาทึบซึ่งปกปิดทุกอย่างให้เหลือเพียงแต่ดวงตาของพวกเขาเท่านั้น…

พวกเขาจะไม่เรียกกันและกันด้วยชื่อจริง แต่จะเรียกเป็นรหัสหมายเลขแทน

เมื่อวิกเตอร์เข้ามาถึงด้านใน ก็ต้องใส่ชุดป้องกันอย่างหนาแน่นเช่นกัน ขณะที่นักวิจัยทั้งหลายต่างก้มศีรษะลงเมื่อเห็นการปรากฏตัวของเขา แต่กลับไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

วิกเตอร์เองก็รู้สึกแปลกประหลาดจนเคยชิน ทุกครั้งที่ต้องก้าวผ่านประตู เขาจะต้องสแกนรูม่านตาเพื่อระบุตัวตนของเขา หลังจากสแกนผ่านแล้วจึงจะสามารถเข้าไปได้

สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจ นี่มันรัดกุมมากเกินไป มันคงจะดีกว่านี้หากใช้มนุษย์ที่มีชีวิตมาคอยตรวจสอบตัวตน แต่พวกเขากลับใช้เครื่องจักรกล ซึ่งการจะตบตาคนเหล่านั้นทำไม่ได้ง่าย ๆ เลย

เมื่อมองผ่านหุ่นยนต์นาโน สวี่หลิงอวิ๋นก็เห็นว่าวิกเตอร์กำลังเดินเข้าไปในห้องขนาดเล็ก เธอเห็นชายที่ดูอายุเยอะกว่าเล็กน้อยอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชา

ไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนนี้มีความคล้ายคลึงกันตรงไหน

“วิกเตอร์ นายเพิ่งนึกได้ว่าต้องกลับมาหรือไง?” บ๊อบเย้ยหยัน “ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพ่อถึงยอมยกตำแหน่งสำคัญแบบนั้นให้นาย”

“ก็ไม่มีอะไรหรอก บางทีฉันอาจจะแค่มีสมองมากกว่าหรือเปล่า?” วิกเตอร์คิดว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องสุภาพกับอีกฝ่าย และกล่าวต่อว่า “เอาล่ะ บ๊อบ ถ้านายไม่มีอะไรทำแล้วล่ะก็ช่วยไปชงกาแฟให้ฉันสักแก้วทีสิ”

“ฝันไปเถอะ! กล้าดียังไงถึงมาใช้ฉันให้ไปชงกาแฟให้แก?!” บ๊อบจ้องเขม็งครู่หนึ่ง และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “นายจะไม่ไปดูมนุษย์ต่างดาวตัวนั้นหน่อยเหรอ?”

“ดูสิ!” วิกเตอร์พยักหน้า “พาเขาขึ้นมาที”

บ๊อบขบฟันของเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงก้าวเท้าตึงตังออกไปด้านนอกเพื่อสั่งให้คนพาตัวมนุษย์ต่างดาวเข้ามา

หยวนซิวดูดีกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก เพราะวิกเตอร์สั่งไม่ให้ใครลงโทษเขา ดังนั้นจึงไม่มีอะไรผิดปกติไป เพียงแต่เขาจะต้องเจาะเลือดทุกวัน

“สวัสดี เราเจอกันอีกแล้วนะ” วิกเตอร์กล่าวทักทายหยวนซิว “เป็นยังไง ยังสบายดีอยู่ไหม?”

“ถ้าเป็นเพราะคุณ ก็ไม่เลวนักหรอก” หยวนซิวกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา

วิกเตอร์พยักหน้า

สวี่หลิงอวิ๋นสั่งให้หุ่นยนต์นาโนปีนขึ้นไปบนศีรษะของหยวนซิว

หยวนซิวมีพลังจิตที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เขาจึงสังเกตได้ทันทีที่หุ่นยนต์นาโนเคลื่อนตัวเข้ามาหาเขา เพียงแต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป

“ดูเหมือนว่าเพื่อนของคุณจะยังหาคุณไม่เจอใช่ไหม?” วิกเตอร์ค่อย ๆ กล่าวออกมา “ผมส่งคนไปตรวจสอบที่ขั้วโลกใต้แล้ว ผมเดาว่ายานอวกาศของคุณก็ยังอยู่ที่ขั้วโลกใต้ใช่ไหม?”

หยวนซิวหลับตาและไม่ตอบอะไร

ผู้คนบนดาวเคราะห์ชนพื้นเมืองฉลาดหลักแหลมเป็นอย่างมาก ยิ่งพูดก็ยิ่งถูกจับได้ เพราะฉะนั้นไม่พูดเสียดีกว่า

“ควรตอบว่าใช่ไม่ใช่เหรอ? ดูเหมือนว่าการคาดเดาของผมจะถูกต้องนะ” วิกเตอร์ยกยิ้มเล็กน้อย “แล้วผมยังได้ตรวจสอบคลังเสบียงอาหารบนเรือมาก่อนหน้านี้ด้วย พบว่าการบริโภคอาหารภายในระยะเวลาสามวันมีเพิ่มขึ้นเพียงแค่ห้าเปอร์เซ็นต์จากของเดิมเท่านั้น”

“ผมคิดว่าพวกคุณคงมีกันไม่เยอะอย่างที่คุณเคยพูดไว้ใช่ไหม?”

หยวนซิวไม่ตอบ

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า เมื่อคิดดูแล้ว วิกเตอร์คนนี้ดูค่อนข้างฉลาดทีเดียว บางทีเธออาจจะสามารถร่วมมือกับคนคนนี้ได้?

“อีกอย่าง ผมคิดว่าการที่พวกคุณสามารถเดินทางขึ้นเรือมาถึงแผ่นดินใหญ่ได้โดยที่ไม่มีคนรู้ บางทีพวกคุณอาจจะทำบางอย่างที่ทำให้ผู้คนสับสน หรือเปลี่ยนแปลงวิธีการตรวจสอบทางเทคโนโลยี?”

หยวนซิวยังคงปิดปากเงียบ

“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว คุณตั้งใจที่จะไม่พูดอะไรออกมาใช่ไหม?” วิกเตอร์ส่ายศีรษะ “ผมคิดว่าพวกเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้นะ คุณอยากจะพูดถึงบ้านเกิดของคุณหน่อยไหม?”

หยวนซิวลืมตาขึ้นและจ้องมองไปที่เขา “ไม่จำเป็น”

“ก็ได้ ก็ได้! ดูเหมือนว่าคุณจะโกรธเคืองและยังเข้าใจผมผิดอยู่นะ” วิกเตอร์ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคือง “ผมแค่หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันนะ”

“คุณไม่อยากอยู่กับเพื่อนฝูงทั้งหลายของคุณเหรอ? ตอนนี้คุณตกอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว ผมคิดว่าการช่วยเหลือคุณด้วยวิธีการของพวกเขามันไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงขนาดนั้นใช่ไหม? คุณกำลังรอพวกเขาอยู่หรือเปล่า?”

“ผมคิดว่า หรือบางทีพวกเขาอาจจะทอดทิ้งคุณไปแล้ว?” วิกเตอร์พยายามสร้างความร้าวฉาน

หยวนซิวอยากจะเปิดปากเพื่อกล่าวปฏิเสธ แต่เขาต้องกลั้นเอาไว้

ผู้ชายคนนี้เก่งเรื่องการเชื่อมโยง เพราะฉะนั้นไม่ควรจะพูดอะไรออกไป

วิกเตอร์เห็นว่าหยวนซิวอิดออดและไม่เต็มใจจะให้ความร่วมมือหลังจากพูดคุยมาเป็นเวลานาน ทว่าเขาได้รับเบาะแสตามที่เขาต้องการแล้ว ดังนั้นจึงลุกและจากไป

บ๊อบมองดูวิกเตอร์ที่ปล่อยตัวหยวนซิวไป แล้วจึงเอ่ยถามขึ้น “อะไรน่ะ นายถามอะไรไปบ้าง? น้องรัก น้องวิกเตอร์ผู้มากความสามารถ”

“แน่นอน” วิกเตอร์พยักหน้า “แต่ฉันจะไม่บอกนายหรอกว่าฉันได้รับข้อมูลอะไรมาบ้าง”

บ๊อบรู้สึกโกรธจัด ทว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมองดูคนหยิ่งยโสเดินจากไป

หลังจากที่สวี่หลิงอวิ๋นสั่งการให้หุ่นยนต์นาโนติดตามหยวนซิวเข้าไปในห้องพักแล้ว จึงให้หุ่นยนต์นาโนไต่ขึ้นไปในช่องรูหูของเขาและส่งเสียงกระซิบว่า “หยวนซิว ฉันเอง สวี่หลิงอวิ๋น”

องค์หญิงสาม!

ดวงตาของหยวนซิวเบิกกว้างขึ้นในทันที! ทว่าเขายังต้องเก็บซ่อนความรู้สึกของเขาเอาไว้ เพราะที่นี่มีกล้องวงจรปิดคอยตรวจจับทุกการเคลื่อนไหวของเขา หากดูผิดปกติไปแม้แต่น้อย ชนพื้นเมืองทั้งหลายก็จะทำการตรวจสอบเขาอย่างยาวนาน

อึดอัดจะตายอยู่แล้ว! ชนพื้นเมืองพวกนี้จับตัวเขามาเพื่ออะไร?!

เพื่อเป็นหนูทดลองเหรอ?

หยวนซิวทำอะไรไม่ถูก นอกจากยอมรับชะตากรรม

เขานึกว่าสหายทั้งหลายของเขาไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัวมา แต่ไม่คาดคิดว่าองค์หญิงสามจะหาตัวเขาเจอได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้!

รู้สึกตื่นเต้นมาก! ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกยกภูเขาออกจากอกเสียที

“ฉันอยากจะถามอะไรหน่อย ที่นี่ปิดกั้นพลังจิตของนายหรือเปล่า?”

พลังจิตเหรอ? หยวนซิวตกตะลึง เขาพยายามจะใช้พลังจิตทะลุผ่านกำแพงเข้าไป แต่กลับถูกปิดกั้นไว้

เอาล่ะ สวี่หลิงอวิ๋นเข้าใจแล้ว

ถ้าเกิดผนังถูกปิดกั้น อย่างนั้นลองมองดูที่ประตูทางเข้า

น่าเสียดายที่หยวนซิวถูกขังเอาไว้จนไม่สามารถออกไปตรวจสอบได้

สวี่หลิงอวิ๋นเองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน และเมื่อมองดูหยวนซิว จึงรับรู้ได้ว่าขณะนี้อีกฝ่ายไม่ได้รับอันตรายร้ายแรงอะไร

“นายไม่ต้องกลัว พวกฉันจะไปหาวิธีมาช่วยนายเอง” สวี่หลิงอวิ๋นปลอบใจเขา “ฉันออกคำสั่งให้หุ่นยนต์นาโนออกไปตรวจสอบสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ แล้วมันจะกลับมาหานายทันทีที่ตรวจสอบเสร็จ”

หยวนซิวเพียงส่งเสียง ‘อืม’ ออกมาอย่างไร้ร่องรอย

หุ่นยนต์นาโนมีขนาดเล็ก แต่สามารถบินได้อย่างรวดเร็วในอากาศ ราวกับผงฝุ่นที่กำลังตรวจสอบโครงสร้างโดยรวมทั้งหมด

คุกใต้ดินแห่งนี้ช่างยิ่งใหญ่เหมือนกับชื่อของมัน

แม้ตำแหน่งของหยวนซิวจะถูกซ่อนเอาไว้ แต่ข้อดีคือตอนนี้มันได้รับการแก้ไขแล้ว และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร

โอคาซีออกคำสั่งให้หุ่นยนต์นาโนตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องมือที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงไปตรวจสอบประตูสำหรับสแกนรูม่านตา หุ่นยนต์นาโนสามารถสร้างความเสียหายชั่วคราวให้แก่ประตูบานนี้ได้ และทำให้คนผ่านเข้าไปได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้

เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

วิกเตอร์ออกมาจากฐานทัพ และทันทีที่ขึ้นไปบนรถยนต์ เขาก็รู้สึกได้ถึงหมอกที่ล่องลอยอยู่ในหัว และไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก

สวี่หลิงอวิ๋นผนึกพลังจิตของเธอเข้ากับร่างกายของวิกเตอร์ ขณะที่โอคาซีนั่งอยู่บนรถยนต์ คอยคุ้มกันให้กับสวี่หลิงอวิ๋น

หุ่นยนต์นาโนกำลังรออยู่ที่ประตูตั้งแต่ก่อนหน้านี้

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际

Status: Ongoing
เมื่อมาเกิดใหม่ในที่ที่เต็มไปด้วยของอร่อย เรื่องอะไรจะต้องอยู่เฉยกันล่ะ อย่างนี้มันต้องจับหั่น ยัดลงหม้อไฟร้อนๆ แล้วก็ถ่ายทอดสดออกอากาศสิถึงจะถูก!สวี่หลิงอวิ๋น หญิงสาวที่อยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้มาหลายปีแล้ว แถมยังมีนิสัยชอบกินอีกตังหากก็ต้องมีชีวิตที่ถึงคราวจากไปก่อนวัยอันควร เพราะดันไปกินเนื้อแกะที่ติดเชื้อซอมบี้เข้าให้!จากนั้นเธอก็พบว่าตัวเองได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในร่างของเจ้าหญิงองค์ที่สาม แห่งจักรวรรดิชิงเหย้า ในโลกยุคอวกาศ ซึ่งดูท่าทางไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนสักเท่าไหร่ แต่ใครสนกันล่ะ! ตอนนี้เธอสนแต่เรื่อง กิน กิน และกินเท่านั้น แถมเอเลี่ยนดาวดวงนี้ยังมีแต่ของอร่อยเต็มไปหมด! เธอจะอยู่เฉยได้อย่างไร ต้องจับพวกมันมาหั่น มาต้ม มาย่าง แล้วก็อะไรอีกดีนะ? อ้อ…สตีมเมอร์ออกอากาศด้วยเลย!ทั้งหมดนี้จะถือเป็นสงครามอวกาศที่จะชวนให้คุณน้ำลายสอไปด้วยอาหารแบบต่าง ๆ ที่สวี่หลิงหยุนไปพิชิตและสรรค์สร้างมาได้ สวี่หลิงอวิ๋นหรือองค์หญิงสามนี้จะสามารถล่าเอเลี่ยนและคิดเมนูอะไรออกสตรีมเมอร์บ้าง ไปตามลุ้นเอาใจช่วยกันได้ที่ สตีมเมอร์สาวกินพิชิตอวกาศ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท