ตอนที่ 194 ศึกใหญ่ในสถาบัน 2
“นอกจากนี้จักรวรรดิชิงเหย้าของเราไม่ได้กำหนดสถานะตามความแข็งแกร่งหรอกเหรอ? เมื่อไหร่กันที่ความสูงต่ำขึ้นอยู่กับระดับชั้น?” สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราเยาะ “พวกนายเอาชนะไม่ได้ก็เลยยึดสถานะตามระดับชั้นปีงั้นสินะ พวกชั้นปีที่สองนี่มันน่าขยะแขยงจริงเลย!”
“นี่ท่าน!” โทนี่ ฮีทเธอร์กำหมัดและจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋นอย่างโกรธเคือง “ท่านอยากจะต่อสู้กับพี่ปีสองงั้นสินะครับ?!”
สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว “พี่ปีสอง? นายล้อเล่นหรือไง?! ควรถามว่านายมั่นใจแล้วเหรอที่จะเป็นตัวแทนปีสองต่อสู้กับปีหนึ่งน่ะ?!”
โทนี่กล่าวออกไปอย่างโง่เขลา แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเป็นตัวแทนได้ เพราะเขาไม่ใช่หัวหน้า
“ในเมื่อเขาเป็นตัวแทนไม่ได้ แล้วผมล่ะครับ? ผมเป็นตัวแทนให้พวกปีสองได้ไหมครับ?” ขณะเดียวกัน กลุ่มคนที่ถูกรายล้อมไปด้วยเด็กหนุ่มเดินเข้ามาด้านหลังสนาม
นักเรียนชั้นปีที่สองก้มศีรษะลง และทำความเคารพ
“ทำความเคารพท่านหัวหน้า!” นักเรียนชั้นปีที่สองกล่าวทักทาย
“องค์หญิงสาม ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” เยล ออสมอนด์เดินเข้ามาและก้มศีรษะเล็กน้อยให้กับสวี่หลิงอวิ๋น ก่อนจะกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “ขออนุญาตแนะนำตัวนะครับ ผมเยล ออสมอนด์ หัวหน้าชั้นปีที่สอง”
ผู้มาใหม่คือเยล ออสมอนด์ที่ค่อนข้างแข็งแรงกำยำ ท่าทางดูธรรมดา แต่กลับสื่ออารมณ์ออกมาได้ดีเยี่ยม เขาจะต้องเติบโตขึ้นในตระกูลชนชั้นสูงอย่างแน่นอน
“ได้ยินมาว่าคนของผมกระทบกระทั่งกับคนของท่าน ผมต้องขออภัยท่านแทนเขาด้วย” เยล ออสมอนด์โค้งคำนับสวี่หลิงอวิ๋นและกล่าวออกมาอย่างสงวนท่าที
สวี่หลิงอวิ๋นนิ่งเงียบ และจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
เยลคนนี้ไม่ได้เจียมตัวเหมือนกับที่เห็นภายนอกนัก ความเย่อหยิ่งในดวงตาของเขาไม่น้อยไปกว่าคนก่อนหน้า กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือการเสแสร้ง
“แต่ว่าองค์หญิงสาม ธรรมเนียมปฏิบัติของสถาบันเรามีมาแต่ยาวนานแล้วนะครับ ชั้นปีที่ต่ำกว่าจะต้องเคารพชั้นปีที่สูงกว่า การที่ท่านเข้ามาแทรกแซงแบบนี้มันเห็นสมควรแล้วหรือครับ?”
เยล ออสมอนด์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ธรรมเนียม? มีธรรมเนียมแบบนี้ในกฎสถาบันของเราหรือเปล่า?” สวี่หลิงอวิ๋นกางมือออก และเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
แน่นอนว่าเธอไม่ได้อ่านกฎข้อระเบียบหรอกใช่ไหม?
“ก็ใช่ ถึงธรรมเนียมบางข้อของสถาบันจะไม่มีอยู่จริง แต่ธรรมเนียมนี้ทุกคนก็รู้จักกันมานานหลายปีแล้วนะครับ” เยล ออสมอนด์กล่าว “บางครั้งธรรมเนียมที่ทุกคนคนรู้จักก็จดจำง่ายกว่ากฎพวกนั้น ท่านว่าไหมล่ะครับ?”
“โทษทีนะ ความจำฉันไม่ค่อยดีอ่ะ แค่กฎข้อปฏิบัติที่มีอยู่ก็แทบจำไม่ได้แล้ว นับประสาอะไรกับธรรมเนียมที่ไม่ได้อยู่ในกฎ” สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะเยาะเย้ย ‘ฮ่า ๆ’
“พวกนายเคยได้ยินธรรมเนียมที่เล่าขานต่อกันมาไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นถามผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังเธอ
“ไม่ครับ ไม่เคยได้ยิน”
“พวกเขาตั้งขึ้นมากันเอง ผมเคยได้ยินแค่เคารพคนที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น”
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งติดสอยห้อยตามหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา
นักเรียนชั้นปีสองพวกนี้น่ารังเกียจชะมัด! เลวร้ายกว่านักเรียนชั้นปีสี่เสียอีก!
“ได้ยินแล้วหรือยัง? เพื่อนร่วมชั้นของฉันไม่เคยได้ยินธรรมเนียมที่เล่าขานต่อกันมาเลย” สวี่หลิงอวิ๋นกอดอกและจ้องมองเขา “ไม่รู้ว่าธรรมเนียมที่พวกนายหมายถึงมันมาจากที่ไหนกัน?”
สวี่หลิงอวิ๋นกอดอก จ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม และกล่าวล้อเล่นอย่างดูถูก “โอ้ อย่าทำให้บรรยากาศตึงเครียดนักสิ เพราะงั้นฉันจะให้บททดสอบฝึกสมองกับนายเอาไหม?!”
“อะไรนะ?” เยลตกตะลึง องค์หญิงสามจะทำอะไร?
“ถ้าเอเลี่ยนต๋าหลู่กับตั๊กแตนแข่งขันกัน และพวกมันขอให้เอเลี่ยนลำไส้มาเป็นผู้ตัดสิน นายคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ?”
เยลไม่ได้คิดอะไรมากนัก “ก็ต้องเป็นตั๊กแตนอยู่แล้ว! ไม่เห็นต้องคิดเลย”
สวี่หลิงอวิ๋นมองมาที่เขา และปรบมือ “สมกับที่เป็นเอเลี่ยนลำไส้จังเลยนะ ทั้งยุติธรรมและฉลาด”
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งที่อยู่ด้านหลังเธอหัวเราะคิกคัก ขณะเอามือปิดปากของพวกเขา
หัวหน้าของพวกเขาร้ายกาจมากที่กล้าด่าทออีกฝ่ายว่าเป็นเหมือนเอเลี่ยนลำไส้ที่ท้องเต็มไปด้วยอุจจาระ!
เยล แอลมอนด์ได้ยินคำพูดดังกล่าว และไม่สามารถรู้ได้เลยว่าทำไมเขาจึงถูกหลอก?! ใบหน้าของเขาซีดเผือดและเปลี่ยนไปเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะกลับมามีท่าทีนิ่งเฉยเหมือนเดิม “องค์หญิงสาม ท่านกำลังทำเกินกว่าเหตุหรือเปล่าครับ?!”
“เกินกว่าเหตุ?” สวี่หลิงอวิ๋นกางมือออก “เทียบกับสิ่งที่ผู้ติดตามของนายทำ ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง นี่มันเกินกว่าเหตุเหรอ? หรือว่าพวกเราควรจะสู้กันจริง ๆ?”
เยลจะกล้าต่อสู้กับเธอได้อย่างไร? เพราะว่ากันว่าความแข็งแกร่งของสวี่หลิงอวิ๋นหาที่เปรียบไม่ได้ในสถาบัน การต่อสู้กับเธอก็เหมือนการรนหาที่ตาย
เขากัดฟันพูดว่า “กลับมาที่ประเด็นหลักของพวกเรากันเถอะครับ วันนี้ช่างมัน พวกเราปีสองจะไม่ถือสาเรื่องที่ผ่านมาแล้ว แต่หวังว่าหลังจากนี้ไปชั้นปีที่หนึ่งจะเคารพรุ่นพี่ชายหญิงมากกว่านี้ และอย่าจองหองกันนัก”
“ฮ่า ๆๆๆ! ตลกเป็นบ้า!” สวี่หลิงอวิ๋นเชิดหน้าขึ้นและถอนหายใจ “อย่าจองหองงั้นเหรอ? เคารพรุ่นพี่ชายหญิง? หึหึ! นี่นายกำลังล้อฉันเล่นอยู่หรือเปล่า?!”
เยลจ้องมองเธออย่างเย็นชา “ท่านกำลังทำลายธรรมเนียม โดยการเป็นศัตรูกับพวกรุ่นพี่ใช่ไหมครับ?”
“ศัตรู? อยากฟังคำสรรเสริญสินะ! นายคิดว่าฉัน สวี่หลิงอวิ๋นคนนี้จะกลัวหรือไง?!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกไปอย่างเย้ยหยัน “ถ้าธรรมเนียมที่เล่าขานต่อกันมาทำให้คนของฉันต้องก้มหัวให้กับคนที่ไม่สมควรเป็นรุ่นพี่อย่างพวกนายแล้วปล่อยให้พวกนายมาข่มเหงพวกเขา งั้นฉันจะประกาศตรงนี้เลยนะว่าชั้นปีที่หนึ่งจะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของพวกนาย”
“ท่านกำลังประกาศสงครามกับพวกเราเหรอครับ? ประกาศศึกเพราะธรรมเนียมสินะ?” แสงบางอย่างเปล่งประกายในดวงตาของเยล ออสมอนด์ ขณะที่หัวไหล่ของเขาผ่อนคลายขึ้น และพยักหน้าเล็กน้อย “ตามที่ท่านต้องการ”
“เอาล่ะ ทุกคนกลับไปได้ ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว!” เยล ออสมอนด์พยักหน้าให้กับคนรอบข้าง ก่อนที่นักเรียนชั้นปีสองทั้งหมดจะเดินออกไปอย่างเป็นระเบียบ
เยล ออสมอนด์โค้งคำนับสวี่หลิงอวิ๋นก่อนที่จะเดินออกไป “ขอตัวก่อนนะครับ องค์หญิงสาม”
ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นร่องรอยของความยั่วยุ มันเป็นการบอกสวี่หลิงอวิ๋นให้รอคอยการบดขยี้ให้วันข้างหน้า!
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งรายล้อมสวี่หลิงอวิ๋น ศีรษะของแต่ละคนลดลงต่ำ ขณะที่ตระหนักได้ว่าพวกเขาเป็นต้นเหตุของหายนะครั้งใหญ่ที่ก่อให้กับหัวหน้าของพวกเขา
“ทำไมถึงเอาแต่ก้มหน้าล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นเคาะศีรษะคนที่อยู่ใกล้สุดเบา ๆ และกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เอาล่ะ ตั้งสติไว้ วันที่ดีของพวกเราใกล้จะมาถึงแล้ว!”
“ห๊ะ?!” อะไรคือวันที่ดี? ทุกคนกำลังตกตะลึง!
“ทำไมจะไม่ใช่วันที่ดีล่ะ? ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกนายเห็นรุ่นพี่ที่ไม่เข้าตา พวกนายอยากจะเข้าไปตบตีพวกนั้นไหมล่ะ? พวกนายไม่รู้สึกขยะแขยงที่จ้องมองใบหน้าพวกนั้นมั่งหรือไง?!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างสมเหตุสมผล “ต่อจากนี้พวกนายออกไปสู้ได้แล้ว!”
“ไม่ต้องรู้สึกเสียใจหรือรู้สึกผิดไปหรอก ในเมื่อพวกเราประกาศสงครามไปแล้ว เราก็ต้องยืนหยัดอย่างมั่นคง และจะต้องไม่ก้มหัวยอมรับความพ่ายแพ้เด็ดขาด!” สวี่หลิงอวิ๋นกำหมัดแน่น “ฉันคิดว่าหลังจากนี้พวกปีสองคงหาวิธีมาจัดการกับพวกเรา เพราะงั้นพวกเราอย่านิ่งนอนใจไป เราจะต้องโจมตีพวกนั้นก่อน!”
“เข้าใจไหม?!”
“เข้าใจ!” นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งก็ได้รับความโกรธเคืองไปไม่น้อยจากนักเรียนชั้นปีที่สองหรือไม่? ฮึ่ม! พวกเขาเอาชนะได้แม้กระทั่งนักเรียนชั้นปีที่สี่ กับนักเรียนชั้นปีที่สองก็จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน!