ตอนที่ 196 ศึกใหญ่ในสถาบัน 4
องค์หญิงสามพยายามจะสอนเด็กคนอื่นให้ดื้อรั้น! และตัดธรรมเนียมอันดีงามออกจากความสัมพันธ์ของพวกเขาใช่ไหม?!
ทุกสายตาจับจ้องไปที่สงครามปลอดควัน
ชาวเน็ตทั้งหลายกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น แม้แต่ช่างเทคนิคประจำจักรวรรดิก็เข้ามาตรวจสอบข้อมูลในกระทู้ล่าสุดของสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิ และส่งกระทู้ยอดนิยมให้กับทุกคน
จักรพรรดิเองก็รู้สึกกระตือรือร้นในการติดตามข่าวสารนี้เช่นกัน ถึงกับโทรสายตรงไปหาลูกสาวของตนเอง “เจ้าคนชั่วหน้าไหนกล้ามารังแกลูก? บอกพ่อมา! มาดูกันว่าพ่อจะจัดการกับหมอนั่นยังไง!”
“ไม่เป็นไรเพคะเสด็จพ่อ! นี่เป็นการต่อสู้กนระหว่างกลุ่มนักเรียน เสด็จพ่อจะมาทำอะไร? หยุดเดี๋ยวนี้เลยเพคะ! ถ้าไม่มีอะไรจะทำก็ไปจัดการเรื่องรัฐบาลซะ!”
จักรพรรดิผู้เป็นที่ไม่พอใจสิ่งที่ลูกสาวเจอก็รู้สึกโศกเศร้า และพูดคุยกับหัวหน้าพ่อครัวหลังจากวางสาย “โธ่เอ๊ย พอลูกโตขึ้นแล้วก็พูดยากขึ้นด้วยสินะ ดูสิ เธอเริ่มคิดว่าเราน่ารำคาญล่ะ!”
พ่อบ้านผู้แก่ชรากลอกตาไปมา วางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะโดยไม่สนใจคนตรงหน้า และเดินจากไป
จักรพรรดิผู้ถูกหัวหน้าพ่อบ้านเมินเฉยถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งต้องต่อสู้เพียงลำพัง นักเรียนในชั้นปีอื่นทั่วทั้งวิทยาเขตจ้องมองพวกเขาอย่างไม่ไยดี แม้แต่คณอาจารย์ยังไม่แยแส ราวกับมอบบทเรียนให้พวกเขาตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และไม่มีความสัมพันธไมตรีแบบอาจารย์และลูกศิษย์อีก
อาจมีเพียงคณบดีแกลลาเกอร์และคณบดีเบลกเท่านั้นที่ปฏิบัติต่อนักเรียนอย่างเท่าเทียม
แสงแดดของฤดูร้อนกำลังแผดเผา ขณะที่นักเรียนชั้นปีที่สองยังคงอยู่ในห้องฝึกซ้อม
เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งสองครั้ง ทั้งที่ชั้นเรียนต่อไปกำลังเริ่มต้นขึ้น แต่วิชาสมรรถภาพทางกายยังคงดำเนินต่อไป
อาจารย์ประจำวิชาสมรรถภาพทางกายยังคงช่วยเหลือนักเรียนชั้นปีที่สองฝึกซ้อมความแข็งแกร่ง ดูเหมือนพวกเขาจะไม่รู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาเรียนของนักเรียนปีที่หนึ่ง
รุยไม่สามารถระงับความขุ่นเคืองในใจได้ และต้องการเดินเข้าไปสอบถามกับอาจารย์ ทว่าเบนเน็ตกลับห้ามเขาเอาไว้ “อย่าเพิ่งใจร้อนไป เราไปคุยกับองค์หญิงสามก่อนดีกว่า”
สวี่หลิงอวิ๋นรับรู้เรื่องราวมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเธอสามารถรู้สถานการณ์เบื้องต้นของผู้ติดตามได้จากเหรียญตราของหัวหน้า สิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้คือนักเรียนจากแผนกกองบัญชากำลังพลยังคงยืนอยู่นอกประตูห้องฝึกซ้อม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกเป็นเป้าหมายของอาจารย์อีกครั้ง
“รุย พาคนทั้งหมดกลับมาซะ”
สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกมาเบา ๆ
คิดว่าปฏิเสธต่อนักเรียนแล้วจะสามารถทำให้พวกเขายอมจำนนได้อย่างนั้นหรือ? ฮ่า ๆ! ตลกสิ้นดี!
“ต่อสายไปหาฝ่ายการศึกษา และบอกว่าอาจารย์วิชาสมรรถภาพทางกายขาดสอน จริงด้วย ขาดสอนห้าครั้งแล้ว!”
สำหรับการขาดสอนห้าครั้ง อาจารย์เหล่านี้จะไม่เพียงแต่ถูกหักค่าจ้างเท่านั้น แต่จะถูกลงโทษด้วย ในกรณีร้ายแรงที่สุด พวกเขาอาจจะหลุดพ้นจากตำแหน่ง
อาจารย์ในสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิมีค่าตอบแทนที่สูง รวมถึงได้รับความเคารพอย่างสูงอีกด้วย
การเป็นอาจารย์ที่นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าเคารพนับถือในหมู่ญาติพี่น้อง และจะไม่ถูกไล่ออกอย่างแน่นอน…
ไม่เช่นนั้น บุคคลนี้คงจะเสียศูนย์!
อาจารย์วิชาสมรรถภาพคนนี้ถูกคณบดีพูลแมนชุบขึ้นมาจากสถาบันต่างดาวด้วยเงินก้อนใหญ่ ดังนั้นเขาจึงหยิ่งทะนงยิ่งนัก เขารู้สึกว่าเยลเข้าตาด้วยเหตุผลบางอย่าง จึงตอบสนองด้วยการลงโทษนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งอย่างกระตือรือร้น
ถึงแม้ว่าอาจารย์คนอื่นจะสร้างความลำบากใจให้กับเหล่านักเรียนเช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่เหมือนกับอาจารย์วิชาสมรรถภาพที่ขาดสอน
ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษารู้สึกตกใจไปชั่วขณะหลังจากได้รับการรายงานจากนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งทั้งหลาย
เฮอร์นี่จริงเลยเชียว คุณเป็นผู้ใหญ่แท้ ๆ แต่ทำไมถึงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องระหว่างนักเรียน?
“ทำไมผมถึงโดนหักเงินเดือน และโดนลงโทษล่ะครับ?!”
หลังจากตรวจสอบกับฝ่ายการศึกษาแล้วจึงพบว่านักเรียนชั้นปีที่หนึ่งขาดเรียนไปถึงห้าครั้ง ดังนั้นเขาจึงลงโทษเฮอร์ตามระเบียบ และหั่นเงินหนึ่งในห้าของเงินเดือนอีกด้วย
เรื่องนี้ทำให้เฮอร์โกรธมาก จนตรงบึ่งเข้าไปสอบถามเหตุผลกับฝ่ายการศึกษา
“มองดูตัวเองบ้างเถอะครับ” ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษารู้สึกเกียจคร้านที่จะต้องพูดคุยเรื่องไร้สาระกับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคณบดีชุบเฮอร์ขึ้นมา เขาคงขี้เกียจเกินกว่าจะชี้แจ้งให้อีกฝ่ายฟังมากกว่านี้
ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปหรือไง?!
“นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งพวกนั้นทำเรื่องไม่เข้าท่า! กล้าดียังไงถึงมาวิจารณ์อาจารย์?!” เฮอร์รู้สึกโกรธจัดเมื่อเห็นเนื้อหาในคำร้อง “ก็ผมสอนนักเรียนปีสองอยู่ จะถือว่าขาดงานได้ยังไง?!”
“ถูกต้อง คุณกำลังสอนนักเรียนปีสอง แต่นั่นนับได้ว่าคุณไม่ยอมเลิกสอน กล่าวได้ว่าเงินเดือนของคุณจะถูกหักตามวันที่คุณขยายบทเรียนนั้น จนขาดสอนนักเรียนชั้นปีหนึ่ง!” ผู้อำนายการฝ่ายการศึกษารู้สึกครื้นเครงเมื่อได้กล่าวเช่นนั้น “จากกฎระเบียบข้อบังคับ การขยายบทเรียนจนละเลยคาบสอนอื่น จะถูกหักเงินหนึ่งในสิบของเงินเดือนทั้งหมด”
“คุณ! คุณถูกองค์หญิงสามซื้อตัวไปแล้วหรือเปล่าครับ?!” เฮอร์รู้สึกไม่มั่นใจนัก และไม่คาดคิดว่าเขาจะต้องมาที่นี่เพื่อให้ใครบางคนเอาคืน การเอาคืนยังไม่เสร็จสิ้นดีนัก ทว่าเขากลับก่อความยุ่งเหยิงขึ้นอีกครั้ง
“นี่ ผมจะบอกอะไรให้นะคุณเฮอร์ คุณจะกินไม่เลือกหน้าก็ได้ แต่อย่ามาพูดส่งเดช!” ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษารู้สึกไม่ปลื้มผู้ชายคนนี้มานานแล้ว และไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสเช่นนี้ แต่ในเมื่อตอนนี้จุดอ่อนนี้ตกมาอยู่ในกำมือแล้ว ถ้าเขาไม่ใช้มันให้เกิดประโยชน์ แล้วจะกล้าเรียกตนเองว่าเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาได้อย่างไร?!
“ผมก็แค่ทำทุกอย่างตามกฎระเบียบที่วางไว้ ถ้าคุณไม่เห็นด้วย พวกเราจะส่งคุณเข้าไปพบท่านคณบดีโดยตรง!”
เฮอร์จะกล้าเหรอ? เขาไม่กล้าหรอก!
เขาทำได้เพียงระงับความโกรธและเดินออกไปจากฝ่ายการศึกษา
“อาจารย์เฮอร์ เสียใจด้วยนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรา ท่านก็คงไม่ถูกลงโทษและหักเงินเดือนแบบนี้” เยล ออสมอนด์กล่าวขอโทษ
“ไม่เป็นไร! ฮึ่ม! นักเรียนชั้นปีหนึ่งเป็นเหมือนกับที่นายพูดจริงด้วย ไร้เหตุผลสิ้นดี!” เฮอร์ลูบผมและตบหัวของเยลเบา ๆ “เอาล่ะ ไปเถอะ! อาจารย์ไม่เป็นอะไร”
แสงวาบผ่านในดวงตาของเขา รัศมีอาฆาตแค้นปกคลุมไปทั่ว ราวกับกำลังจะไปเยือนสนามรบ
เยลพยักหน้า หันหลังเดินออกไป ขณะที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
ลุยเลยฮะ! อาจารย์เฮอร์! ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้อาจารย์เอง!
สวี่หลิงอวิ๋นนั่งไขว้ขาบนชั้นที่สูง ขณะที่ด้านล่างเป็นหม้อขนาดใหญ่ที่ทุกคนต่างก้มศีรษะเข้าหากันและกินอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต พวกเราก็มาใช้กฎเกณฑ์ของสถาบันกันเถอะ ฮ่า ๆ! เยลเป็นตัวล่อที่ดีจัง ถึงขนาดทำให้อาจารย์เคลื่อนไหวได้ เยี่ยมไปเลย!” สวี่หลิงอวิ๋นดูดวุ้นเส้นเข้าปาก และกล่าวต่อ
นักเรียนที่อยู่ด้านล่างนั่งฟังขณะรับประทานอาหาร
“พรุ่งนี้พวกเรามีเรียนวิชาสมรรถภาพ พวกนายต้องอัดสิ่งที่เฮอร์พูด และบันทึกวิดีโอท่าทางการฝึกซ้อมความแข็งแกร่งที่เขาจะสอนพวกนายมาให้ฉันด้วยนะ”
“องค์หญิงสาม ท่านไม่คิดว่าอาจารย์เฮอร์จะสอนวิธีการฝึกความแข็งแกร่งให้พวกเราแบบผิด ๆ เหรอครับ?”
เบนเน็ตถาม
“เป็นไปได้สูงเลยล่ะ!” สวี่หลิงอวิ๋นดูดวุ้นเส้นอีกครั้ง และกล่าวว่า “เฮอร์ที่กลั่นแกล้งพวกเราด้วยการไม่เข้าสอนจะฉลาดสักแค่ไหนกันเชียว? ฮึฮึ ฉันเดาว่าเขาน่าจะเป็นไอ้ทึ่ม”
เฮอร์ผู้ไม่รู้ว่าตนเองกลายเป็นไอ้ทึ่มในความคิดขององค์หญิงสาม กำลังวิ่งเต้นไปรอบห้อง โดยไม่รู้ว่าควรจะปฏิบัติต่อนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งอย่างไร
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจและหยิบคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ขึ้นมา ก่อนจะกดส่งข้อความ
“ลูตี้ เธออยู่ไหม?”