ตอนที่ 243 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 14
ตอนที่ 243 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 14
สวี่เจี้ยนอวิ๋นเพลิดเพลินกับการกินเป็นเวลานานจนไม่เงยหน้าขึ้นมา “อย่าไปสนใจเลย เขาเป็นบ้าไปแล้ว!”
แลนเซล็อตเดินกลับมา “ขอผมกินด้วยได้ไหมครับ?”
“โย่ มาแล้วเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นยกยิ้มและหยิบมันเทศหวานอบแห้งขึ้นมากำมือหนึ่งมาให้องค์ชายรัชทายาท
“ครับ” ทั้งสามคนยืนเรียงแถวมองดูสถานการณ์ข้างล่างอย่างสบายใจ
หลังจากที่สวี่รุ่ยอวิ๋นเดินจากไป ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่มีที่ไป และจะต้องกลับไป! เพื่อไม่ให้เสด็จแม่ด่าทอว่าเขาไม่มีความอดทนต่อพี่น้อง
ทันทีที่เขาเดินกลับไปและพบว่าทั้งสามคนกำลังยืนเรียงกัน อีกทั้งสวี่หลิงอวิ๋นยังมอบมันเทศหวานอบแห้งให้องค์ชายรัชทายาทอีกด้วย!
นั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก!
ไม่ยอมแบ่งให้พี่ชายตัวเอง แต่กลับใจกว้างให้คนนอก! สารเลว!
เขาสะบัดแขนเสื้อขึ้นและจากไป
ไคกีและวินเซอร์จ้องมองอยู่ระยะหนึ่ง ถึงจะไม่ใช่นักเรียนจากจักรวรรดิของพวกเขา แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่
เมื่อมองดูความยุ่งเหยิงบนพื้นกว้าง ก็รู้สึกโชคดีนักที่ไม่ใช่นักเรียนจากจักรวรรดิของพวกเขา ไม่อย่างนั้นมันคงจะดูหยาบคายไม่ใช่เหรอ?
ทั้งสองเดินอย่างเชื่องช้าไปที่โต๊ะอาหาร? เอ๊ะ? แล้วคนหายไปไหน?!
คนสองคนกำลังยืนอยู่ตรงราวบันได
สวี่หลิงอวิ๋นมอบมันเทศหวานอบแห้งให้พวกเขาเช่นกัน
ถึงแม้วินเซอร์จะรู้สึกว่าของสิ่งนี้ไม่เข้ากับรูปลักษณ์อันสูงส่งขององค์หญิง แต่เมื่อมองดูแลนเซล็อตที่ยืนอยู่ด้านข้าง เธอก็ไม่อยากจะจากไปนัก
เธอระลึกถึงเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เธอก็ชอบกินอาหารขณะนอนพิงบนราวบันไดแบบนี้…
กินสิกินเลย! อย่างน้อยก็ไม่ได้ดูอัปลักษณ์อยู่คนเดียวสักหน่อย!
เดิมทีไคกีรู้สึกกังวลว่าน้องสาวของเขาจะไม่ยอมปรับตัวหรือปฏิเสธการกระทำเช่นนั้น แต่กลับไม่น่าเชื่อว่าวินเซอร์จะเอามันเทศหวานอบแห้งเข้าไปในปากของเธอเองราวกับเป็นเรื่องปกติ เริ่มกัดทีละนิดจนไปถึงส่วนหลัง
ค่อยยังชั่วหน่อย
ไคกีลิ้มลองมันเทศหวาน ทั้งหวานทั้งหนึบหนับ และรสชาติค่อนข้างดี!
ไม่รู้ว่าของสิ่งนี้คืออะไร ช่วยแนะนำให้จักรวรรดิเหมยรุ่ยรู้จักกับของสิ่งนี้ได้ไหม?
หลังจากที่เขาแสดงความคิดเห็น สวี่หลิงอวิ๋นเลิกคิ้วและจ้องมองลูกพี่ลูกน้องชายของเธอ “อา นำเข้าได้นะเพคะ แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร?” ไคกีคิดว่าเรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม มันเทศหวานสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำตาลได้ใช่ไหม? น้ำหวานที่พวกเขาดื่มกันก็สกัดมาจากมันเทศหวานนี้หรือเปล่า?
“แต่ว่าจะต้องใช้จำนวนมหาศาลถึงจะทำได้เพคะ…ท่านพี่อาจจะต้องพูดคุยกับรัฐมนตรีนิโคล!”
สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดกับตัวเอง มันเทศหวานกับต้นอ้อยพวกนี้ไม่อาจนำเข้าจักรวรรดิอื่นได้
ของหวานเป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ ด้วยความเฉียบแหลมทางธุรกิจของนิโคล ความเป็นไปได้มากที่สุดคือการขายอาหารแปรรูปให้แก่พวกเขาโดยตรง ส่วนเมล็ดพันธุ์น่ะเหรอ?
พูดว่าอะไรนะ! เมล็ดพันธุ์ของพืชพวกนี้อยู่ไหน?! เนื่องจากจักรวรรดิชิงเหย้าของเขาเป็นที่รักของพระเจ้า มันเทศหวานจึงลอยลงมาจากฟากฟ้ายังไงล่ะ!
พอนึกถึงฉากดังกล่าว หึหึ! มันช่างสมบูรณ์แบบเหลือเกิน!
แลนเซล็อตยิ้มเล็กน้อย มองดูก็รู้ว่ามีความเป็นไปไม่ได้ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์
ด้วยอุปนิสัยขององค์หญิงสามที่รักเงินมากพอ ๆ กับชีวิต การผลักดันธุรกิจในกำมือออกไปแสดงให้เห็นเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือธุรกิจดังกล่าวไม่คุ้มค่าพอ
หรืออาจจะถูกจักรพรรดิสั่งห้าม…
“องค์ชายแลนเซล็อต ท่านเป็นหัวหน้าในการแข่งขันครั้งนี้ด้วยเปล่าคะ?” องค์หญิงวินเซอร์ดึงความกล้าหาญของเธอออกมาและเริ่มบทสนทนา
แลนเซล็อตอมยิ้มเล็กน้อย
ใบหน้าขององค์หญิงวินเซอร์กลายเป็นสีแดงเล็กน้อย ดวงตาขององค์ชายแลนเซล็อตเต็มไปด้วยความอ่อนโยนชวนหลงใหล เมื่อไหร่ที่ถูกเขาจ้องมอง เธอมักจะสงสัยว่าหากเธอได้เป็นคนรักที่แสนลึกซึ้งของอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร หรือเขาจะรู้สึกสนใจเธอบ้างไหม?
“ไม่ใช่ครับ ผมมาเป็นกรรมการตัดสิน และแวะมาดูองค์หญิงสาม” แลนเซล็อตจ้องมองมาที่วินเซอร์และกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ท่านเป็นคนดีนะครับ”
สิ่งที่เธอรู้สึกกลัวที่สุดคืออะไร?!
แน่นอนว่าเธอกลัวอีกฝ่ายจะส่งการ์ดคนดีมาให้!
คนดีของท่านอะไรกัน ที่บอกว่าท่านเป็นคนดี…ความหมายของประโยคนี้คือพวกเราไม่เหมาะสมกันเหรอ!
หรือหมายความว่าผมมีคนในใจแล้ว
หรือผมคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันน่าจะดีกว่า!
…
วินเซอร์รู้สึกถึงความปวดรวดร้าวในศีรษะ ดวงตาของเธอแดงก่ำ หันตัวกลับไปและหยุดพูด
ลูกพี่ลูกน้อง! ลูกพี่ลูกน้องอีกแล้ว!
ถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ แต่ร่องรอยความเกลียดชังกลับปรากฏขึ้นในหัวใจพร้อมกับความอิจฉาริษยา
ทุกคนได้ยินคำพูดของทั้งสองคนนี้ ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นทำอะไรไม่ถูก
ได้แต่ร้องคำรามอยู่ในใจ!
ฉันมีคนรักแล้วโว้ย! ก็ปฏิเสธไปแล้วไง! เลิกเอาตัวฉันไปป้องกันกระสุนสักที เข้าใจไหม?!
“องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อต ท่านจำใส่ใจไว้สักทีว่าฉันมีคนรักแล้ว!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกไปอย่างเหลืออด
เมื่อจ้องมองดูบุคคลที่ดูใสซื่อแต่ภายในกลับแฝงไปด้วยความชั่วร้าย ความรู้สึกสิ้นท่าในใจก็ไหลออกมาจากปากของเธอ
หากเคยกระทำเช่นนี้ ก็ย่อมได้รับผลกระทบแบบเดียวกัน
เธอคอยรังควานผู้คนมาตลอดทั้งปี และเธอก็ได้ลิ้มลองรสชาติของการรังควานแล้ว
เธอยังโชคดีอยู่นิดหน่อยที่แฟนหนุ่มของเธอไม่เห็นฉากนี้ หากเขาเห็น เขาจะไม่บินตรงมาจากดาวเคราะห์ที่อยู่เพื่อมาต่อยหน้าแลนเซล็อตเลยเหรอ?!
“ผมรู้แล้วครับ” องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตยิ้มเล็กน้อย ขนตาของเขาเรียวยาวจนทำให้เกิดเป็นเงาโค้ง “แต่มันไม่ได้ส่งผลต่อการไล่ตามหัวใจของผมสักหน่อย”
“เมื่อก่อนผมอาจจะไม่ได้จริงใจมากนัก แต่ตอนนี้ผมกำลังแสดงความจริงใจให้ท่านเห็น”
สวี่หลิงอวิ๋นโบกมืออย่างอ่อนโยน ช่างเถอะ เอาที่ท่านสบายใจ!
ดวงตาขององค์หญิงวินเซอร์เป็นสีแดงก่ำราวกับกำลังจะร้องไห้ แต่เธอจะไม่รู้สึกทุกข์ใจเหรอหากคนอื่นมาเห็นมันเข้า?
น่าเสียดายที่มีเพียงไคกีเท่านั้นที่รู้สึกลำบากใจแทนน้องสาว ส่วนผู้ชายอื่นก็แค่แสร้งทำเป็นมองดูราวกับอากาศดี
โอ้ว? ในที่ร่มเนี่ยนะ?
พื้นเพดานดูดีจัง! รูปแบบโคมไฟระย้าก็สวยงาม!
อา! มีหญิงสาวแสนสวยอยู่ตรงนั้นด้วย! อะไรนะ? หนุ่มน้อยหรอกเหรอ?!
ขอโทษที พอดีอยู่กับพวกผู้ชายตลอดเวลา ไม่ได้เจอผู้หญิงมานาน สายตาก็เลยมีปัญหานิดหน่อย!
แลนเซล็อตเหลือบมองสวี่เจี้ยนอวิ๋น พี่ชายคนนี้ชอบผู้ชายหรือเปล่า? เขาไม่เห็นว่าอีกฝ่ายใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียนชายด้วยซ้ำ?!
สวี่หลิงอวิ๋นเหลือบมองด้วยความสงสัย เฮ้! ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่รูปงามอะไรเช่นนี้!
หนุ่มสาวอย่าเอ็ดไป รัศมีนั้นเด่นไกลมาถึงหนึ่งจุดแปดเมตรเลยเหอะ?
ใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนกับโอคาซี!
“เสด็จพี่ สายตาเฉียบแหลมมากนะเพคะ!” สวี่หลิงอวิ๋นตบไหล่ของสวี่เจี้ยนอวิ๋นและยกยิ้ม “อยากให้น้องลงไปถามชื่อคนนั้นให้ไหม?”
สวี่เจี้ยนอวิ๋นส่ายหัวอย่างเขินอาย “อ๊ะ พี่ก็แค่ชี้ให้ดู ไม่ได้คิดว่าเขาดูดีขนาดนั้นหรอก”
หากไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อคลายความน่าอึดอัด เขาก็คงไม่ชี้นิ้วสุ่มสี่สุ่มห้าและปล่อยให้น้องสาวเยาะเย้ยหรอก
ดูเหมือนชายหนุ่มที่มีรัศมีความงามหนึ่งจุดแปดเมตรจะใจตรงกัน เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อสังเกตเห็นใครบางคนชี้นิ้วมา
ผู้คนจำนวนห้าคนกำลังอยู่ยืนด้านบน ทั้งหมดรวมเป็นหนุ่มสาวที่ดูดี
“เอ๊ะ ผู้ชายคนนั้นดูดีจริง ๆ ด้วย!” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองให้ใกล้ยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูเย็นชาเหมือนโอคาซี แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีรสนิยมเลย
ช่างเป็นรูปงามที่หยิ่งผยองนัก!
รู้สึกเหมือนเทพอสูรจิ้งจอกเงินอย่างไรอย่างนั้น?
ลูคัส โจขมวดคิ้ว ชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มขับผิวของเขาให้กลายเป็นสีขาวซีด ดวงตาของเขาเชิดขึ้นเล็กน้อย และดูเฉียบคมเป็นพิเศษ