ตอนที่ 253 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 24
ตอนที่ 253 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 24
ชาร์ลที่นั่งอยู่ด้านข้างมีใบหน้าเหยเก ดวงตาขนาดเล็กยังคงจ้องมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋น!
ฮึ่ม! ถึงองค์ชายรัชทายาทจะดูดี แต่ท่านก็ยังสู้ท่านนายพลของเราไม่ได้หรอก!
ขณะนี้องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตจับตามองดูแต่ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้ นอกจากนี้เขายังพยักหน้าเล็กน้อยและจากไป
องค์หญิงวินเซอร์รู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินจากไป
สวี่หลิงอวิ๋นตบไหล่ของเธอ “มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่พี่จะสงวนท่าทีไปตลอด!”
วินเซอร์หันกลับไปมอง “แล้วเธอคิดว่าพี่ควรจะทำยังไงล่ะ? ปล่อยวางศักดิ์ศรีของการเป็นองค์หญิงและพูดคุยกับเขาอย่างไร้ยางอายงั้นเหรอ? คอยดูความอดทนของเขาที่ค่อย ๆ หายไปหรือไง?!”
“น้องสาว…พี่ไม่ใช่เธอนะ”
สวี่หลิงอวิ๋นยักไหล่ “พี่พูดถูก แต่ถ้าพี่จะทำตัวแบบนี้ตลอดไป เขาจะเห็นพี่ในสายตาบ้างไหมล่ะ?”
“ยังไงซะ พี่ก็คงจะรู้เอง”
สำหรับความคิดของสวี่หลิงอวิ๋นนั้น หากต้องการเม็ดถั่วทองคำที่อยู่บนพื้นดิน ควรจะวางจานทองคำไว้บนศีรษะเสียก่อน
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีผลดีเกิดขึ้นให้ทั้งสองฝ่าย
วินเซอร์กำมือแน่นขณะจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋น ภายในใจเต็มไปด้วยความคับข้องใจที่ยากเกินกว่าจะอธิบาย
เธอเคยได้รับความสนใจทุกแห่งหนที่เธอไป แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นคนนอก เธอไม่มีคุณสมบัติที่ดีพอจะให้คนอื่นมองมาเลยเหรอ?!
“จะให้ฉันเป็นเหมือนเธอหรือไง? เธอเป็นถึงสุดยอดอัจฉริยะและเป็นที่สนใจของทุกคน ประสบการณ์ที่เธอพูดถึงล้วนเป็นประสบการณ์ของเธอ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอรู้สึกพร้อม เมื่อนั้นผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะแห่กันมาขอเธอแต่งงาน เธอถึงไม่ต้องกังวลยังไงล่ะ!”
วินเซอร์รู้สึกเจ็บปวดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
เธอนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน และวันนี้เธอก็รับรู้ถึงความจริงที่ว่าลูกพี่ลูกน้องที่เธอเคยดูถูกมาตลอดก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ทุกคนต้องการตัว
ในเวลาเดียวกัน ก็ได้รับรู้ถึงความจริงอันโหดร้าย ว่าเธอเป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ในการแต่งงาน และไม่มีสิทธิ์ได้เลือกอะไรทั้งนั้น!
ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับต่างออกไป หากเธอพร้อม ผู้คนจำนวนมากมายก็จะรอให้เธอเลือกอยู่เสมอ…
ความภาคภูมิใจทั้งหมดถูกทำลายย่อยยับลงในวันนี้
สวี่หลิงอวิ๋นทำอะไรไม่ถูก
เธอกลัวมากที่สุดว่าจะมีใครมาร้องไห้ต่อหน้าเธอ และเธอจะต้องไปรีบหาผ้าเช็ดหน้าหรือทิชชู่ แต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีจิตใต้สำนึกแบบนั้น
โชคดีที่ชาร์ลผู้อยู่ด้านข้างส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้ได้ทันเวลา
สวี่หลิงอวิ๋นรีบเช็ดหน้าของวินเซอร์ “พี่วินเซอร์ หยุดร้องไห้ได้แล้ว!”
วินเซอร์ร้องไห้หนักมาขึ้นเรื่อย ๆ!
ทันทีที่ไคกีสังเกตเห็นว่าน้องสาวกำลังร้องไห้อยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีเสียงสะอื้น แต่น้ำตากลับไหลลงมา ดูเหมือนว่าเธอจะเสียใจเป็นอย่างมาก
เขารีบซอยเท้าเข้าไปด้านหน้าวินเซอร์ โอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน “วินเซอร์ น้องเป็นอะไร?”
สายตาดังกล่าวหันไปจับจ้องสวี่หลิงอวิ๋นอย่างรวดเร็ว “หลิงอวิ๋น วินเซอร์เป็นอะไรไป?”
สวี่หลิงอวิ๋นถึงกับพูดไม่ออก เธอควรจะตอบว่าอะไร? ร้องไห้เพราะลูกพี่ลูกน้องคิดว่าตัวเองไม่สามารถไล่ตามแลนเซล็อตได้อย่างนั้นเหรอ?!
เธออมยิ้มเจี๋ยมเจี้ยม “อาจจะคิดถึงบ้านมั้งเพคะ?”
วินเซอร์นิ่งสงบขึ้นหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เคลื่อนตัวออกจากอ้อมกอดของพี่ชาย ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบน้ำตา และกลายมาเป็นองค์หญิงผู้สง่างามอีกครั้ง
“น้องไม่เป็นอะไรหรอกเพคะ เสด็จพี่” วินเซอร์ส่ายหัว “น้องแค่เหนื่อยเกินไปที่ต้องคอยมานั่งควบคุมอารมณ์โกรธ”
ผ้าเช็ดหน้าในมือของเธอไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้าแบบที่ผู้หญิงใช้กัน เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงมุมห้อง เขาดูสูงโปร่ง ถึงรูปลักษณ์ของเขาจะดูแย่กว่าองค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตเล็กน้อย แต่เขาก็ยังดูหล่อเหลาอยู่ดี
ดวงตาดูไร้หนทางของเขาจ้องมองมาที่เธอเป็นครั้งคราว
เธอเดินเข้าไปหาชาร์ล และกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ผ้าเช็ดหน้าของคุณใช่ไหมคะ?”
ชาร์ลรู้สึกปลาบปลื้มอย่างไม่คาดฝัน และรู้สึกทึ่งที่องค์หญิงมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
องค์หญิงวินเซอร์เติบโตมาอย่างดีราวกับดอกลิลลี่แสนหวานที่มีเสน่ห์เกินห้ามใจ จนเขาไม่รู้ว่าควรจะวางมือไว้ตรงไหน
“ช…ใช่ครับ!” ใบหน้าของชาร์ลแดงก่ำ! และตอบออกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
วินเซอร์รู้สึกดีขึ้นมาทันใด! เธอยังคงดึงดูดผู้คนได้อยู่ใช่ไหม?
ดูเหมือนว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะไม่เคยแตะต้องผู้หญิงมาก่อน และท่าทางที่ดูเขินอายนั้นค่อนข้างน่าขบขัน
“ขอโทษนะ ฉันทำมันสกปรกแล้ว เอาไว้ฉันจะกลับไปทำความสะอาดแล้วค่อยคืนให้คุณได้ไหมคะ?” วินเซอร์กล่าวออกไปอย่างอ่อนโยน
“ได้ ได้ เอ๊ย! ไม่เป็นไรครับ ผมกลับไปซักเองได้!” ชาร์ลรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำของวินเซอร์
วินเซอร์ส่ายหัวและเดินจากไป ขณะที่สายตาของชาร์ลยังคงจับจ้องไปที่หลังของอีกฝ่าย ไม่สามารถหยุดการกระทำของตนเองได้
สวี่หลิงอวิ๋นยืนอยู่ข้างหลังเขาเงียบ ๆ “องค์หญิงวินเซอร์สวยไหม?”
“สวยครับสวย!” ชาร์ลตอบออกไปอย่างซื่อตรง หัวสมองของเขายังคงไม่ตอบสนอง
“เฮ้ย! องค์หญิงสาม! ท่านมายืนแอบอยู่ข้างหลังผมทำไมครับ? ตกใจหมดเลย!” ชาร์ลตอบสนองทันทีที่พูดจบ เขาหันหลังกลับไปและพบเข้ากับสายตาแก้มหยอกเย้าของสวี่หลิงอวิ๋น
“พ่อหนุ่ม สายตาของนายมันสูงนักนะ!” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว “โอ้ แต่ในฐานะที่นายเป็นทั้งหุ้นส่วนและเพื่อน ฉันขอเตือนไว้ก่อนว่าห้ามตกหลุมรักลูกพี่ลูกน้องของฉัน!”
“ท่านพูดอะไร! ผมจะไปตกหลุมรักองค์หญิงวินเซอร์ได้ยังไง!” ชาร์ลยังคงปากแข็ง “ผมก็แค่ชอบมองผู้หญิงสวย!”
“โอ้? จริงเหรอ? แล้วทำไมตอนที่ฉันยืนอยู่หน้านาย นายไม่เห็นมองฉันดี ๆ บ้างล่ะ? หรือว่าฉันไม่สวย?” สวี่หลิงอวิ๋นถามเขา “ฮึ่ม! นายก็เป็นพวกสนใจแต่หน้าตาสินะ ไอ้คนเฮงซวย!”
ชาร์ลครุ่นคิดในใจ ท่านก็สนใจแต่หน้าตาไม่ใช่เหรอ? หากท่านไม่ได้สนใจแต่หน้าตา ท่านจะไล่ตามท่านพลเอกมาตลอดหลายปีหรือไง?! ไม่ละอายบ้างหรือที่พูดแบบนี้ออกมา?
เขาพูดไปเรื่อย ทว่าดวงตายังคงจับจ้องไปทิศทางที่วินเซอร์จากไป
โธ่เอ๊ย เธอจากไปจนไม่สามารถมองเห็นแล้ว!
สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว
ว่ากันตามตรง เธอคิดว่าลูกพี่ลูกน้องวินเซอร์เป็นผู้หญิงที่ดูดีมาก และค่อนข้างเหมาะสมกับแลนเซล็อต
ลูกพี่ลูกน้องวินเซอร์เดินอยู่บนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของราชวงศ์ทั้งดวงดาวราวกับเดินอยู่บนพื้นดิน ชื่อเสียงของเธอเกรียงไกรดุจดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า เป็นว่าที่ลูกสะใภ้ที่ดีที่สุดในใจของจักรพรรดินีจำนวนนับไม่ถ้วน
และเป็นภรรยาที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
เธอเพียงแค่มาถึงยอดภูเขาสูงชันจนรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถช่วยเหลือองค์ชายรัชทายาทครั้นเมื่ออยู่ข้างนอกได้ หาคุณค่าของตนเองไม่เจอ และที่สำคัญคือเพิกเฉยต่อยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของราชวงศ์
อันที่จริงการคบหาสมาคมเป็นสำคัญที่ล้วนถูกควบคุมโดยผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังของวงศ์ตระกูล ไม่อย่างนั้น เสด็จแม่ของเธอคงไม่อาจเป็นหญิงสาวผู้ทรงอิทธิพลได้ ทำไมเสด็จแม่ถึงคว้าตำแหน่งองค์หญิงผู้จิตใจเด็ดเดี่ยวมาได้ล่ะ?
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เสด็จแม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์แบบ เธอสามารถล้มล้างระบอบต่อต้านด้วยการพึ่งพาความรู้ทางการเมือง ผลักดันน้องชายของตนเองให้ขึ้นครองราชย์จนสำเร็จและกอบกู้ระบอบการปกครองของจักรวรรดิเหมยรุ่ยให้มีเสถียรภาพอีกครั้ง
ขณะที่วินเซอร์อาศัยอยู่แต่ในเรือนกระจกที่ไม่เคยมีพายุฝนร่วงโรย และไม่จำเป็นจะต้องใช้ยุทธการสู้รบ…
แต่เมื่อตระหนักรู้… สวี่หลิงอวิ๋นคิดว่าหญิงสาวคนหนึ่งอาจสามารถเลียนแบบมารยาทของเสด็จแม่ได้ แต่จะเลียนแบบยุทธการอื่นได้อย่างไร?
เธอจะตั้งหน้าตั้งตารอ!
ไคกีมองดูใบหน้าที่นิ่งเรียบของน้องสาว ราวกับว่าเธอขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก และนั่นทำให้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย