ตอนที่ 291 การช่วยชีวิตจากมหาสงคราม 6
ตอนที่ 291 การช่วยชีวิตจากมหาสงคราม 6
ทหารทั้งหลายหวาดกลัวที่จะต้องต่อสู้ด้วยขาที่สั่นเทา และพวกที่ฉลาดบางคนเพียงแค่โผล่ศีรษะออกมาและวิ่งหนีไป
สวี่หลิงอวิ๋นถือดาบพลังดวงดาวเล่มใหญ่ไว้ในมือ รองเท้าหนังเดินกระแทกพื้นจนเกิดเสียง ‘ตึก ๆ’
ราวกับเสียงเรียกร้องจากขุมนรก ไม่ว่าเหล่าทหารจะหนีไปทิศทางไหน เสียงดังกล่าวก็ยังฟังชัดอยู่เสมอ
ไกอารีบไปที่ยานรบอวกาศ
หลังจากที่ลำเลียงอาวุธเสร็จ พวกเขาก็มาถึงฐานทัพบัญชาการ แต่ก่อนที่จะลงมือทำอะไร พวกเขาก็พบเข้ากับทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่สอยเท้าดิ่งตรงมาทางพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนใจไยดีอะไร
ไกอาออกคำสั่งให้ทหารที่อยู่ด้านหลังต่อสู้ในทันที
เดิมทีเขาคิดว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด ทว่าทหารเหล่านั้นกลับวิ่งผ่านพวกเขาไปราวกับมองไม่เห็นพวกเขา อีกทั้งยังเพิกเฉยต่อดาบในมือ
“พวกนั้นเห็นผีกันหรือไง?” นี่คือคำถามที่อยู่ในใจของทหารทุกคน
นอกจากนี้ ยังมีทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์บางคนที่หัวใส เขาก้มลง ร้องขอความเมตตาทันทีที่เห็นพวกเขา และตะโกนว่า “ยอมแพ้แล้ว ผมยอมแพ้แล้ว!”
หลังจากคนหนึ่งตะโกนว่ายอมแพ้ ทหารคนอื่น ๆ ที่ได้สติก็คุกเข่าลง “พวกเรายอมแพ้ ยอมแพ้แล้วครับ”
ไกอาตกตะลึง! เกิดอะไรขึ้น? ยานอวกาศลำนี้มีผีสิงงั้นเหรอ? หรือทหารพวกนี้บ้ากันไปแล้วกันแน่?
แต่เนื่องจากทหารพวกนี้เรียกร้องที่จะยอมแพ้ แล้วพวกเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?
ไกอารีบสั่งพลทหารให้มัดตัวผู้ที่เข้ามอบตัวเอาไว้ และพาคนเหล่านี้ออกไป
คนที่ถูกมัดรู้สึกราวกับตัวเองเพิ่งจะพ้นโทษ พวกเขารีบคลานมาซ่อนตัวอยู่ด้านหลังทหารจากจักรวรรดิชิงเหย้า
สวี่หลิงอวิ๋นค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้
ใครก็ตามที่วิ่งช้าจะถูกส่งให้ไปพบกับพระเจ้า!
แล้วใครบ้างที่จะไม่กลัวความตาย? ไม่ใช่ทหารเหล่านี้หรอกเหรอ?
ชาวเน็ตทั้งหลายไม่จำเป็นต้องเลือดร้อน! และไม่จำเป็นต้องระบายความเกลียด!
แม้แต่องค์ชายใหญ่ที่เฝ้าดูรายการถ่ายทอดสดก็สามารถเห็นได้ว่าน้องสามกล้าหาญมากแค่ไหน ขณะที่ปากของเขาเปิดกว้างเป็นรูปตัวโอ!
ร้ายกาจมาก!
หลงเหลือเพียงแต่ความละอายใจ! ทำไมกัน! น้องสามแข็งแกร่งมากเมื่อเปรียบเทียบกับเขาที่เป็นไอ้งั่ง!
อีกทั้งยังเป็นพี่ใหญ่ของครอบครัว! และต่อให้กลายเป็นน้องชายของเธอก็ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอเลย!
องค์ชายใหญ่ตัดพ้อตนเอง
เขาถึงกับปรบมือและร้องตะโกนเชียร์สวี่หลิงอวิ๋น “ทำดีมาก!” ล้างแค้นให้ทหารของพี่ด้วย!
นอกจากจะมัดรวมกลุ่มทหารบนเครื่องบินรบของปีกพิสุทธิ์ที่ถูกยิงร่วงลงมาแล้ว ทหารจากชิงเหย้าต่างก็ก้มลงไปกอดร่างของสหายร่วมรบที่นอนไร้ลมหายใจอยู่บนพื้น
น้ำตาคลอเบ้า สหายร่วมรบทั้งหลายต่างพูดคุยหยอกล้อกัน แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องมาจบชีวิตลงในสนามรบ
พวกเขาอายุยังน้อย สมาชิกจำนวนมากกว่าครึ่งยังไม่ได้แต่งงานหรือมีลูกด้วยซ้ำ อีกทั้งยังไม่ได้มีความสุขอย่างเต็มที่กับโลกใบนี้ แต่กลับต้องมาจากโลกที่สวยงามไปเสียก่อน
การต่อสู้บนน่านฟ้ายังคงดำเนินต่อไป เหล่าทหารทั้งหลายจากชิงเหย้าพยายามขับเครื่องบินรบมุ่งหน้าไปทางยานรบอวกาศปีกพิสุทธิ์ เพื่อล้างแค้นให้กับสหายของพวกเขา
ทว่ากลับเห็นทหารของปีกพิสุทธิ์ยอมแพ้ และขอให้มัดพวกเขาแทน!
ทหารของชิงเหย้าเห็นว่าเลือดระหว่างทางเดินได้ย้อมพื้นของยานรบอวกาศให้กลายเป็นสีแดงฉานทั้งลำ อีกทั้งสามารถพบเห็นร่างไร้วิญญาณของทหารปีกพิสุทธิ์ได้ทั่วทุกแห่งหน ราวกับร่างของพวกเขาถูกตัดแบ่งครึ่งด้วยของมีคม
เกิดอะไรขึ้น?
เหล่าทหารชิงเหย้าไม่ได้รู้สึกเห็นใจสักนิด ทว่าพวกเขากลับรู้สึกถึงความขุ่นเคืองที่จางหายไป!
พวกเขาเห็นศพจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเดินเข้าไปด้านใน
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง
รูปร่างของเธอช่างดูคุ้นเคยยิ่งนัก ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังเช็ดผมให้กับเธอ
พวกเขารู้ดีว่าหญิงสาวคนนี้คือใคร
“องค์หญิงสาม!” ทหารชิงเหย้าจ้องมองด้วยสายตาซาบซึ้ง และนี่คือสาเหตุว่าทำไมยานรบอวกาศถึงหยุดยิงอย่างกะทันหัน เพราะองค์หญิงสามเป็นคนจัดการก่อนหน้านี้นั่นเอง!
องค์หญิงสามเป็นคนคลี่คลายวิกฤตมางั้นหรือ? ไม่อย่างนั้นอัตราการเสียชีวิตของพวกเขาคงจะเพิ่มสูงขึ้นใช่ไหม?
สวี่หลิงอวิ๋นเหลือบมองกลุ่มทหารที่อยู่ตรงหน้า และครุ่นคิด “พวกนายเป็นทหารของพี่ชายใหญ่เหรอ?”
โอโตยะ หัวหน้าทหารพยักหน้าเบา ๆ “พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงสาม”
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้ม “อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่เท่าไหร่? พวกทหารโอเคไหม?”
น้ำตาของโอโตยะแทบจะไหลลงมา!
ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พวกเราสูญเสียเพื่อนทหารไปถึงหนึ่งในสามพ่ะย่ะค่ะ”
อัตราผู้เสียชีวิตสูง! นี่อาจเป็นอัตราจำนวนการเสียชีวิตสูงสุดในรอบยี่สิบปีใช่ไหม?
สวี่หลิงอวิ๋นค่อย ๆ หุบยิ้มขณะจ้องมองไปที่โอโตยะ และถอนหายใจ “ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่ใช่ความผิดของท่าน!” โอโตยะรีบส่ายหัวและจ้องมองไปทางสวี่หลิงอวิ๋น “ท่านจะขอโทษทำไมพ่ะย่ะค่ะ? หากจะกล่าวโทษใครสักคน ก็คงเป็นพวกจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ตังหาก”
“ต่อให้คนพวกนั้นอยากจะรุกรานจักรวรรดิของเรา ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็เป็นไปได้!”
เดิมทีชาวเน็ตกำลังฉลองชัยชนะอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้กลับอยากจะร้องไห้
[ขอให้พระเจ้าลงโทษจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์อย่างหนัก! อย่าให้ได้เจอะได้เจอพวกปีกพิสุทธิ์ในอนาคตอีก!]
[ฮือ ๆๆ…พี่ชายฉันก็อยู่ในกองทัพขององค์ชายใหญ่เหมือนกัน ไม่รู้ว่ายังปลอดภัยดีไหม?]
[ทหารคนนี้พูดถูก มันเกี่ยวอะไรกับองค์หญิงสาม? ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงสามยังช่วยพวกเราแก้แค้น!]
[ใช่ องค์หญิงสาม ท่านอย่าโทษตัวเองเลย ท่านแค่จำเป็นต้องฆ่าศัตรู พวกเขาไม่ใช่คนโง่ และพวกเรารู้ว่าอะไรถูกหรือผิด!]
[แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะได้ล้างแค้น? ฉันรอไม่ไหวที่จะเรียนจบไว ๆ และออกไปจัดการกับไอ้พวกสารเลวนี้สักที!]
…
สวี่หลิงอวิ๋นลุกขึ้นยืน ตีไหล่ของโอโตยะเบา ๆ และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ต้องกลัว ฉันขอสาบาน ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์จะต้องล่มสลายและพบกับความพ่ายแพ้!”
ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกมา ชาวเน็ตทั้งหลายก็สลัดความโศกเศร้าทิ้ง และใช้มือเคาะแป้นพิมพ์อย่างดุเดือด!
[พวกเราเชื่อมั่นในตัวท่าน!]
[ผมจะสู้ไปพร้อมกับท่าน! รอผมก่อนนะครับ อีกสองปีก็เรียนจบแล้ว! ถึงตอนนั้นผมจะเข้าร่วมกับท่านให้ได้!]
[ฮ่า ๆๆๆๆ! องค์หญิงสามคือฮีโร่! และเราก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!]
…
[เฮอะ เจ้าพวกคนอวดเก่ง! พวกแกคิดว่าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของเราจะล่มสลายได้ง่าย ๆ อย่างที่คิดกันหรือไง?!]
[บัดซบ คอมเมนต์บนเป็นพวกสารเลวจากปีกพิสุทธิ์ ทุกคนรีบตรวจสอบไอพีมันเร็ว แฮ็กมันและตัดเน็ตมันทิ้งซะ!]
[แกะไอพีได้แล้ว! รีบไปเรียนเชิญเจ้าแห่งเทคโนโลยีมาเร็ว!]
…
“สวี่หลิงอวิ๋นรู้จักใช้คำพูดทรงพลังดีนี่ แต่ยังไงพวกเราก็ถอยออกมาไม่ได้จริงไหม?” สเปนเซอร์เย้ยหยัน
ในขณะเดียวกัน การระมัดระวังก็เพิ่มขึ้นเท่าตัว
ผู้หญิงคนนี้ดูเลือดเย็น และโหดเหี้ยมทุกครั้งที่ขยับมือ และคำพูดที่ไร้ความปรานีของเธอ…ทำให้เขาระวังตัวเป็นพิเศษ
ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา!
โดยเฉพาะรูปลักษณ์ที่เลือดเย็นสุดขีด และสติปัญญาที่เหลือล้น
“ทหาร ไปโจมตีซะ!” สเปนเซอร์ออกคำสั่งอย่างไร้ความปรานี โดยใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของจักรวรรดิชิงเหย้า
จำเป็นต้องโจมตี ไม่เช่นนั้น เขาคงจะรู้สึกกังวลหากจักรวรรดิชิงเหย้าสามารถฟื้นตัวได้