ตอนที่ 293 การช่วยชีวิตจากมหาสงคราม 8
ตอนที่ 293 การช่วยชีวิตจากมหาสงคราม 8
แม้ว่าหลี่อาหรันจะต้องการให้องค์หญิงสามพักผ่อนนานกว่านี้อีกหน่อย แต่เขากลับต้องปลุกเธอขึ้นมาเมื่อเห็นว่ายานรบอวกาศเข้าใกล้ดาวเคราะห์ดวงที่แลนเซล็อตกำหนดมากขึ้น
สวี่หลิงอวิ๋นตื่นขึ้น และใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการประคับประคองสติ
“ถึงแล้วเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นลุกขึ้นยืนและบิดขี้เกียจ ขณะเดินไปที่แท่นส่งสัญญาณและมองดูแผนที่ “ทำไมไม่ไปจอดที่ดาวเคราะห์เอบีสาม?”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตแห่งจักรวรรดิเอเดนได้ติดต่อมาทางวิดีโอว่าไม่ต้องการให้พวกเราไปลงจอดที่ดาวเคราะห์เอบีสามเพราะเกรงว่าจะมีการปิดล้อมพ่ะย่ะค่ะ”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าและจ้องมองไปที่ดาวเคราะห์สามดวงที่อยู่ใกล้กัน เธอยังคงต้องเรียนรู้การต่อสู้อีกมาก
“ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าไปทางดาวเคราะห์เอบีเก้าที่องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตกำหนดพ่ะย่ะค่ะ”
และในไม่ช้าดาวเคราะห์สีฟ้าครามก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคน
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นดาวเคราะห์ดังกล่าว “ดาวเคราะห์ดวงนี้มีแต่มหาสมุทรงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่พืชพรรณส่วนใหญ่บนดาวเคราะห์ดวงนี้ล้วนเป็นสีน้ำเงิน” หลี่อาหรันบอกเล่าทางวิทยาศาสตร์กับสวี่หลิงอวิ๋น
“นายถูกส่งให้มาประจำที่ชายแดนนานแล้วเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างเธอ หลี่อาหรันอายุราว ๆ สี่สิบกว่าปี เดิมทีชายคนนี้เป็นผู้บัญชาการสูงสุดที่ประจำการอยู่ที่ดาวเคราะห์เอ็กซ์เอสอง แต่กลับกลายเป็นผู้ช่วยของเธอทันทีที่เธอเดินทางมาถึง
“เกือบสิบแปดปีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลี่อาหรันจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋น และยิ้ม “พอนึกดูแล้วพวกเราเป็นศิษย์เก่าทั้งนั้น และเรียนจบจากสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิ”
“นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูชายตรงหน้าที่ดูผ่านโลกกว้างมาอย่างโชกโชน ดวงตาของเขายังคงดูแน่วแน่ “อยากไปที่เมืองหลวงไหม”
“อยากพ่ะย่ะค่ะ! ภรรยาและลูกของกระหม่อมยังอยู่ในเมืองหลวง! พวกเราถูกแยกออกจากกัน โชคดีที่กระหม่อมหน้าตาดี ไม่อย่างงั้นภรรยาคงจะขอหย่าไปแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” หลี่อาหรันกล่าว “ท่านคงไม่รู้ว่าลูกสาวของกระหม่อมโตมาดีเชียวล่ะพ่ะย่ะค่ะ ทุกครั้งที่ลูกโทรมาหาจะต้องพูดชื่นชมท่านทุกครั้ง บอกว่าท่านคือไอดอลของเธอ”
“องค์หญิงสาม หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ท่านช่วยเซ็นชื่อให้กระหม่อมได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเอากลับไปเป็นของขวัญให้ลูกสาว”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ฉันจะบอกให้เสด็จพ่อออกคำสั่งให้นายกลับไปที่เมืองหลวง นายจะได้อยู่กับครอบครัวอีกครั้ง”
“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงสาม” หลี่อาหรันอยู่ในท่าทางสงบนิ่ง “ภรรยาของกระหม่อมบอกว่าหลังจากสงครามในปีหน้าสิ้นสุดลง เธอจะโยกย้ายสายงานและมาหากระหม่อมที่นี่ ส่วนลูกของเราพอเข้าวิทยาลัยแล้วก็คงจะดูแลตัวเองได้”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส ยานรบอวกาศก็ค่อย ๆ เลื่อนตัวลงมา
แลนเซล็อตและไคกียืนอยู่บนพื้นอากาศ เฝ้าดูยานรบอวกาศของจักรวรรดิชิงเหย้าเคลื่อนตัวลงมา
หญิงสาวในชุดเครื่องแบบทหารสีเงินลงมาจากลิฟต์ ผู้ช่วยทั้งหลายประจำตำแหน่งอยู่ด้านหลังเธอ
“น้องสาว ไม่เจอกันนานเลยนะ!” ไคกีพูดและก้าวออกไปกอดสวี่หลิงอวิ๋นที่อยู่ด้านหน้า
“อะไรกัน พี่ชาย ท่านก็พูดเกินจริงไปหรือเปล่า? เราเพิ่งเจอกันเมื่อสิบวันที่แล้วเอง! ไปอยู่ไหนมาถึงได้มาบอกว่าไม่เจอกันนานเชียว!” สวี่หลิงอวิ๋นพูดติดตลก “จะว่าไปน้องก็อยากขอบคุณที่พี่ชายอุตส่าห์เดินทางมาหลายพันไมล์เพื่อช่วยเหลือน้องนะเพคะ”
“เราคนกันเอง น้องสาวอย่าได้เกรงใจไปเลย”
หลังจากพูดคุยกับลูกพี่ลูกน้อง สวี่หลิงอวิ๋นก็หันไปมองทางองค์ชายรัชทายาท
“สวัสดีค่ะ องค์ชายรัชทายาท ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” สวี่หลิงอวิ๋นทำความเคารพและยิ้ม “ในนามของจักรวรรดิชิงเหย้า ฉันอยากจะขอบคุณท่านที่มาเข้าร่วมกับเรา”
แลนเซล็อตยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องหรอกครับ”
“ช่วงนี้คงต้องรับมือหนักมากสินะครับ ท่านคงไม่ได้พักผ่อนมานานแล้วใช่ไหม? จะพักผ่อนหน่อยไหมครับ?”
แลนเซล็อตเอ่ยถามอย่างครุ่นคิด
ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัวด้วยท่าทางสงบนิ่ง “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้มาคิดเรื่องแผนการรบกันดีกว่า”
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับการสูญเสีย ก่อนที่ผู้คนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์จะสามารถตั้งหลักได้
ทุกคนต่างพยักหน้า
แลนเซล็อตชี้ไปทางฐานทัพ “งั้นเรากลับเข้าไปคุยกันก่อนเถอะครับ”
ภายในฐานทัพ ผู้บังคับบัญชาการสามคนและผู้ช่วยมากประสบการณ์จำนวนสิบกว่าคนกำลังนั่งล้อมกันเป็นวงรี
แผนที่สามมิติขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“ทุกท่านดูนี่นะครับ นี่คือดาวเคราะห์เอบีสาม เอบีสี่ และเอบีห้าจะเรียงตัวต่อกันเป็นสามเหลี่ยมแบบนี้ การเรียงตัวเป็นสามเหลี่ยมจะทำให้ดาวเคราะห์มีเสถียรภาพมากขึ้น ง่ายต่อการป้องกันและโจมตีได้ยาก”
หลี่อาหรันผู้คุ้นเคยกับดาวเคราะห์ในเขตชายแดนทำหน้าที่เป็นผู้ให้ความรู้ในการประชุม
ผู้บัญชาการทั้งสามคนยังคงครุ่นคิดเงียบ ๆ ขณะที่ผู้ช่วยทั้งหลายเริ่มขมวดคิ้ว
ไม่น่าเชื่อว่าดาวเคราะห์ที่โจมตีได้ยากเหล่านี้จะถูกโจมตี
“เพราะอะไรเราถึงแพ้ในครั้งนี้?” สวี่หลิงอวิ๋นไม่คิดว่ามันจะเป็นเหตุผลอันเนื่องมาจากกองกำลัง
“ยังไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่เท่าที่กระหม่อมรู้ พลเอกไอโม่ที่ประจำการอยู่บนดาวเคราะห์สามดวงนี้เป็นคนมากประสบการณ์และดูแล้ว เราชนะเขาไม่ได้ง่าย ๆ แน่พ่ะย่ะค่ะ”
แต่ในความจริงนั้น ดาวเคราะห์ทั้งสามดวงนี้กลับพ่ายแพ้เร็วกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น
“เพราะงั้น กระหม่อมถึงสงสัยว่าจะมีไส้ศึกอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
หลี่อาหรันแสดงการคาดเดาของเขา ซึ่งทุกคนก็พยักหน้า
นี่คือการคาดเดาที่เป็นไปได้มากที่สุด
“ท่านคิดยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้คะ?”
สวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนแรกที่เอ่ยถามในฐานะเจ้าบ้าน เธอจ้องมองไปที่แลนเซล็อต “องค์ชาย ท่านมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย ได้โปรดบอกฉันหน่อยสิคะ”
แลนเซล็อตพยักหน้า “ตอนนี้เราต้องหาจำนวนที่แน่นอนของศัตรูก่อน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนอุปกรณ์ ผู้บัญชาการ และข้อมูลเฉพาะอื่น ๆ เราถึงจะกำหนดแผนการรบได้ครับ”
นี่คือสิ่งจำเป็น หากรู้เกี่ยวกับศัตรู รบร้อยครั้งก็จะชนะร้อยครั้ง
ไคกียังกล่าวเสริมอีกว่า “ต้องเร็วกว่านี้ เราได้ข่าวมาว่าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ส่งกองกำลังมาเสริมกองทัพ คาดว่าพวกนั้นจะใช้ดาวเคราะห์ทั้งสามดวงนี้เป็นสะพานในการโจมตีจักรวรรดิชิงเหย้า”
บัดซบ!
สวี่หลิงอวิ๋นแทบจะระเบิดออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น!
ผู้ช่วยคนอื่นจากจักรวรรดิชิงเหย้าแสดงท่าทีไม่พอใจเช่นกัน
“บ้าเอ๊ย ให้ตายเถอะ!” สวี่หลิงอวิ๋นสบถออกมา
นี่ไม่ใช่คำแรกที่เธอสบถคำหยาบคายพวกนี้ออกมา ผู้ช่วยทั้งหลายต่างเคยชินกับมันแล้ว ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่องค์ชายรัชทายาทได้ยิน และเขาอยู่ในท่าทีสงบ
แต่ไคกีรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ลูกพี่ลูกน้องแข็งกระด้างเกินไป! แตกต่างจากน้องสาวของเขาอย่างสิ้นเชิง!
เขายังคงปลาบปลื้มน้องสาวผู้อ่อนโยนของเขามากกว่า
“ไอ้จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์สารเลวนี้ ถ้าฉันไม่มอบบทเรียนให้แก ก็อย่ามาเรียกฉันว่าสวี่หลิงอวิ๋นเลย!”
สวี่หลิงอวิ๋นนั่งลงบนเก้าอี้และทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างออก พวกเอเลี่ยนชอบของหวานไม่ใช่เหรอ?
หากเธอมอบสิ่งที่หอมหวานบางส่วนให้กับจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่ชั่วร้ายนั้น เอเลี่ยนจำนวนนับไม่ถ้วนจะบุกรุกเข้ามาโจมตีหรือเปล่า?
ไม่กลัวหรอกว่าจะไม่สามารถดึงดูดเอเลี่ยนได้ เพราะเธอมีอาวุธลับยังไงล่ะ!
นั่นคือเอเลี่ยนเกอหลัว!
เอเลี่ยนเกอหลัวทั้งหลายเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการสื่อสารกับฝูงเอเลี่ยนทั่วทั้งจักรวาล ถึงแม้จะมีสัญญาณที่สกัดกั้นอยู่ แต่ถ้าเอเลี่ยนเกอหลัวช่วยกันส่งต่อสัญญาณ แผนการนี้จะไม่ประสบความสำเร็จอย่างนั้นเหรอ?