ตอนที่ 302 อสุรกายลึกลับ 1
ตอนที่ 302 อสุรกายลึกลับ 1
ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วทั้งยานรบ
จอมพลหลี่จื้อผิงนึกบางอย่างออกหลังจากผ่านไปนาน “ลูกธนูนั่นอยู่ที่ไหน? มันหายไปไหน? มันทำมาจากอะไร? อาวุธพิเศษประเภทไหน?”
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าของอย่างลูกธนูนี้จะสามารถยิงฝ่าเกราะป้องกันพลังงานของยานรบเข้ามาได้ พลังทำลายล้างน่าทึ่งมาก
จักรวรรดิชิงเหย้าคิดค้นอาวุธลับขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มันคงจะน่ากลัวมาก!
“เอ่อ…” ช่างเทคนิคพูดด้วยความลังเล “แต่มันดูไม่เหมือนอาวุธลับเลยครับ”
“ไม่เหมือน? งั้นมันคืออะไร?” หลี่จื้อผิงเอ่ยถามอย่างไม่ลังเล “ถ้ามันไม่ใช่อาวุธลับ งั้นบอกฉันทีว่ามันคืออะไร อย่าบอกนะว่ามันเป็นอาวุธพลังดวงดาวของใคร”
หลี่จื้อผิงไม่คิดว่าจะมีพลังดวงดาวที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ในจักรวาล โชคดีที่เขาได้รับเกียรติให้เข้าร่วมการต่อสู้เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว และได้เห็นการต่อสู้ของยอดฝีมือระดับ 10 ดาว หากลูกธนูนี้ทำมาจากพลังดวงดาวจริง ๆ คนที่ทำมันจะต้องอยู่ในระดับ 10 ดาวหรือมากกว่านั้น
แต่จักรวรรดิชิงเหย้าไม่มียอดฝีมือระดับ 10 ดาว!
ปัจจุบันมียอดฝีมือระดับสิบดาวอยู่แค่หนึ่งหรือสองคนเท่านั้น พวกเขาล้วนเป็นทหารผ่านศึกอาวุโส และไม่สามารถยิงได้แม่นยำขนาดนี้
จักรวรรดิชิงเหย้าไม่สามารถทำแบบนี้ได้!
โชคดีที่จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของเขามียอดฝีมือระดับ 10 ดาวอยู่ ทว่าน่าเสียดายที่จักรพรรดิไม่ได้เชิญเขามา
ไม่เช่นนั้น ความสามารถของระดับ 10 ดาวจะต้องเอาชนะจักรวรรดิชิงเหย้าได้แน่นอน!
ช่างเทคนิครู้สึกลังเล และทำได้เพียงเปิดปากตอบรับ “ท่านจอมพล จากการวิเคราะห์ของเรา สิ่งนี้น่าจะเป็นลูกธนูพลังดวงดาวครับ”
“อะไรนะ?!” หลี่จื้อผิงรู้สึกทึ่งและเย้ยหยัน “เจ้าหนู พลังดวงดาวของพวกแกแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว? รู้ได้ยังไงว่านี่คือลูกธนูพลังดวงดาว?”
“หลังจากพุ่งผ่านสนามแม่เหล็กและเจาะเข้ายานรบของเรา ลูกธนูก็สลายตัวไป” ช่างเทคนิคพูด “ผมไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้อย่างน้อยแปดสิบเปอร์เซ็นต์ครับ”
จอมพลหลี่จื้อผิงส่ายหัว เขาไม่เชื่ออธิบายดังกล่าว!
แต่เมื่อลองคิดอีกครั้ง นี่อาจเป็นข้อแก้ตัวที่ดี! หากกลับไปบอกฝ่าบาทว่าพวกเขาค้นพบยอดฝีมือระดับ 10 ดาวที่เข้ามาขวางทางกองกำลังเสริมจนเกิดการล้มเหลว บางทีฝ่าบาทอาจจะยอมยกโทษให้เขา!
เอาแบบนี้แล้วกัน!
“ก็ได้ ฉันจะเชื่อนาย!” หลี่จื้อผิงตบไหล่ช่างเทคนิคอย่างอ่อนโยน “เอาล่ะ ออกไปซะ!”
“ในเมื่อเป็นระดับ 10 ดาว ถ้าเราจะแพ้การต่อสู้ในครั้งนี้คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ช่างเทคนิครีบกลับไปเขียนรายงานหรือทำอะไรสักอย่างทูลต่อท่านจักรพรรดิซะ”
สมองของทุกคนยังไม่ตาย และพวกเขารีบตอบสนองทันที
ใช่! นี่เป็นโอกาสที่ดี!
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะเดียวกัน ยานรบก็ถูกปืนใหญ่โจมตีเข้าอีกครั้ง!
คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ส่งเสียงอย่างอ่อนแรง
‘ศัตรูกำลังโจมตี! ศัตรูกำลังโจมตี!’
ทุกคนแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะขึ้นไปเหยียบย่ำบนคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ด้วยเท้าทั้งสองข้าง หรือว่ามันโง่กันแน่? ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่รู้สักหน่อย!
ตอนนี้เกราะป้องกันพลังงานได้หายไปแล้ว อีกไม่นานคงจะถูกโจมตี เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ในการถูกจับกุมตัว ใบหน้าของผู้คนทั้งหลายในห้องก็เริ่มเหยเก
“ออกตัวสิ! จะมัวรออะไรอยู่อีก?!” ต่อให้มีระบบสำรองพลังงาน แต่ถ้าไม่ออกตัวเคลื่อนที่ก็อาจจะถูกจับกุมได้ แล้วจะมัวอยู่เฉยทำไม!
สวี่หลิงอวิ๋นไล่ตามผู้คนอย่างหนักหน่วง และในที่สุดก็ตามคนกลุ่มนี้ทัน!
“เหมือนกระต่ายจริง ๆ ไล่ตามยากชะมัด!” สวี่หลิงอวิ๋นใช้พลังจิตกับพลังดวงดาวจนหมดสิ้น ทว่าโชคดีที่เธอมีพลังงานสำรองเอาไว้ แต่อาจจะฟื้นตัวช้าหน่อย
ทีหลังก็อย่ามัวแต่ลังเลอีก! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกทีหลังจะไม่เริ่มลงมือซะตอนจบเลยหรือไง?
สวี่หลิงอวิ๋นเตือนตัวเอง
ข้อดีคือความพยายามของเธอไม่สูญเปล่า และในที่สุดก็ทำให้ยานรบไม่สามารถวิ่งไปต่อได้!
เพื่อนยาก! อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ!
“ไกอา ส่งสัญญาณไปหาคนที่อยู่ข้างในบอกให้ยอมแพ้ซะ” สวี่หลิงอวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยอมแพ้ซะถ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ หรือจะยอมตายแทน!”
เมื่อไกอารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้รับงานมอบหมาย! “ท่านวางใจได้ครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุด!”
“ท่านจอมพล ศัตรูส่งข้อความมาครับ” ช่างเทคนิคเข้ามารายงาน
“ศัตรูส่งมาว่าไง?” จอมพลหลี่จื้อผิงถาม
อันที่จริงเขาพอจะคาดเดาได้เล็กน้อย คงเป็นการให้พวกเขายอมจำนน!
แน่นอนว่าเขาได้ยินช่างเทคนิคพูดออกมาด้วยความลังเล “พวกมันบอกว่าให้เวลาเราสามนาทีในการคิดว่าจะยอมแพ้หรือเปล่าครับ”
“ถ้าเกิดยอมแพ้ภายในสามนาที พวกมันจะไว้ชีวิตเรา”
“แล้วสามนาทีต่อมาล่ะ?” จอมพลหลี่จื้อผิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไม? จะเอาชีวิตฉันหรือไง?!”
“…” ช่างเทคนิคเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง และพูดออกมาอย่างยากลำบาก “พวกมันบอกแบบนั้นครับ”
“ดี คนของจักรวรรดิชิงเหย้าหยิ่งผยองโอหังเหลือเกิน” หลี่จื้อผิงก่นด่า “ตอนนี้สั่งยิงออกไปด้วยแรงกำลังทั้งหมดที่มี ระเบิดให้พวกมันตายไปซะ!”
“พอเสือไม่แสดงอำนาจ ก็ปฏิบัติต่อฉันเป็นแมวป่วยงั้นเหรอ?”
“ท่านจอมพล แต่ระบบของเรายิงปืนใหญ่ออกไปไม่ได้ครับ” ช่างเทคนิคพูดขึ้นขณะจ้องมองหลี่จื้อผิงที่เดินวนรอบห้องบัญชาการด้วยความขุ่นเคือง
หลี่จื้อผิงหยุดและนิ่งเงียบ เขาโกรธจัดจนลืมทุกอย่างไปเสียสนิท
“ท่านจอมพล ท่านควรรีบตัดสินใจนะครับ ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งนาที!” ช่างเทคนิคมองดูเวลาและเอ่ยเร่งเร้า
ในเวลานี้ห้องบัญชาการกำลังสั่นคลอน ราวกับพร้อมถล่มได้ทุกเมื่อ
หากไร้ซึ่งเกราะป้องกัน พวกเขาคงไม่อาจต้านทานการโจมตีในครั้งนี้ได้! และเหลือหนทางเดียวสำหรับตอนนี้ นั่นคือการยอมแพ้
ผู้ช่วยทั้งหมดจ้องมองมาที่หลี่จื้อผิงเงียบ ๆ พูดกันตามตรง ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะเสียอีก นอกจากพวกเขาจะยอมแพ้
หลี่จื้อผิงรู้สึกทุกข์ทรมานกับอาการปวดฟัน! และอาการปวดฟันนี้ทำให้เขาปวดหัว
“งั้นก็ยอมแพ้ซะ!” เขาหวงแหนชีวิตมากที่สุด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ครอบครัวของเขาจะต้องหาหนทางมาไถ่ตัวเขาอย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะไม่ได้ห่วงใยเขามากนัก แต่ฝ่าบาทจะต้องช่วยชีวิตเขาเพื่อกู้หน้าให้จักรพรรดินี
เขาคิดว่าแม้แต่จักรวรรดิชิงเหย้าเองก็คงจะไม่ทำให้เขาอับอาย อย่างมากก็แค่ร้องขอเงินไถ่ตัวในราคาที่สูงกว่าปกติ
เขารู้สึกโล่งใจและพยักหน้าเมื่อคิดเช่นนั้น
“โอเค! บอกพวกมันซะว่าเรายอมแพ้แล้ว!”
ช่างเทคนิควิ่งไปที่แท่นส่งสัญญาณและตอบกลับทันที
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกพึงพอใจที่ได้รับข้อความยอมจำนน!
เธอกำลังจะเข้าไปรับยานรบลำดังกล่าวแม้ว่ามันจะพังยับเยินก็ตาม ถึงแม้จะกลายเป็นซากปรักหักพังแต่ยานรบลำนี้ก็สามารถขายได้ในจำนวนเงินมหาศาลอย่างแน่นอน แต่ทันใดนั้นเสียงร้องคำรามของอสุรกายก็ดังออกมาจากส่วนลึกของจักรวาล!
“แย่แล้ว! อสูรกาย 10 ดาว!” เสียงร้องคำรามของมันดังก้อง ราวกับสามารถเจาะยานรบของพวกเขาได้โดยตรง!
สีหน้าของไกอาเปลี่ยนไป!
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น! ทว่าสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน!
สวี่หลิงอวิ๋นร้องตะโกน “มัวทำอะไรอยู่?! ทำไมไม่รีบหนีอีก?!”
ใช่! ทุกคนตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ก่อนจะรีบกลับไปประจำตำแหน่งของตัวเองและเคลื่อนตัวออกไป
สำหรับเชลยจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์น่ะเหรอ? ขอโทษนะ แต่พอดีทุกคนกำลังยุ่งอยู่! ขอให้พวกนายโชคดีแล้วกัน!