ตอนที่ 316 เอเลี่ยนรุมล้อมจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ 3
ตอนที่ 316 เอเลี่ยนรุมล้อมจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ 3
แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังคงเป็นมารดาทางสายเลือดของเธอ!
หลี่ผิงผิงตกตะลึงทั้งน้ำตา ทว่าน้ำเสียงที่แข็งกร้าวของลูกสาวกลับทำให้เธอกล้ำกลืนเสียงสะอื้นไห้ลงไปในลำคออย่างทำอะไรไม่ถูก
“เหมยหมี่…”
“หุบปาก! ถ้าว่างนักก็วิ่งหนีไม่ดีกว่าหรือไง! หรือท่านอยากจะเป็นอาหารให้เอเลี่ยนล่ะ?!”
หลี่ผิงผิงรีบยกชายกระโปรงขึ้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ใครจะเชื่อว่าหญิงผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์เช่นนี้จะอายุห้าสิบปีแล้ว?!
“โอเค ๆ! ไปกันเถอะ!” หลี่ผิงผิงพูดและเดินตามหลังเหมยหมี่ไปอย่างเชื่อฟัง
ประตูห้องใต้ดินของพระราชวังค่อย ๆ เปิดออก
ทุกคนต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังมีทหารระดับ 8 ดาวที่เฝ้าประตูอยู่พยายามจะแทรกเข้าไปในแถว เร่งรีบจะเข้าไปข้างใน หลังจากแบ่งออกเป็นสองแถวแล้ว ทุกคนก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างเชื่อฟัง
เกราะป้องกันบนฟากฟ้ากะพริบถึงสองสามครั้ง แต่จู่ ๆ ก็เบ่งบานราวกับดอกไม้ไฟ เกราะป้องกันทำการตอบโต้กลับเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากสังหารเอเลี่ยนมาจำนวนนับไม่ถ้วน จากนั้นจึงหายไปในที่สุด
“เอเลี่ยนลงมาแล้ว! เอเลี่ยนมาแล้ว! รีบหนีเร็ว!” ข้ารับใช้ภายในพระราชวังส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความสยดสยอง ความเป็นระเบียบก่อนหน้ากลายเป็นความยุ่งเหยิงในทันที
“เงียบ! ทุกคนเงียบ!” ในตอนนั้นเองข้ารับใช้ทั้งหลายต่างคิดว่าชีวิตของพวกเขารอดแล้ว ทว่าข้ารับใช้ทั้งหลายจะได้รับการปฏิบัติอย่างนั้นได้เช่นไร? พวกเขาพยายามรีบเข้าไปด้านใน
“ปิดประตู” เหมยหมี่ออกคำสั่งด้วยใบหน้าเฉยเมย
ทหารระดับ 8 ดาวพยักหน้าและรีบปิดประตูทันทีที่ได้รับคำสั่งจากเหมยหมี่
“ไม่ อย่าเพิ่งปิดประตู! พวกเรายังไม่ได้เข้าไป ได้โปรด!”
ข้ารับใช้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งกรีดร้องอย่างโหยหวน แต่กลับไม่มีใครสนใจไยดีพวกเขา ขณะที่เหล่าเอเลี่ยนที่อยู่ด้านนอกพระราชวังผลักกำแพงวังและบุกเข้ามาด้านใน
“ได้โปรด! องค์หญิงเหมยหมี่ ให้พวกเราเข้าไปด้วย!”
“พวกมันมาแล้ว พวกมันมาแล้ว! ทำยังไงดี?” ข้ารับใช้ทั้งหลายกรีดร้องด้วยความสะพรึงกลัว ทว่าตอนนี้ประตูถูกล็อกเป็นที่เรียบร้อย และไม่มีใครคิดจะเปิดประตูให้พวกเขาแม้ว่าจะเคาะประตูเท่าไหร่ก็ตาม
“นังบ้า พวกแกมันคนชั่ว พระเจ้าจะต้องลงโทษพวกแก!”
ในไม่ช้าเสียงของข้ารับใช้ก็ค่อย ๆ แผ่วเบาลง ประจวบเหมาะกับที่เอเลี่ยนบุกเข้ามาผ่าร่างของเธอออกเป็นสองท่อน จนสติลดเลือนหายไป
ดวงตาของเธอจ้องมองไปที่ท้องฟ้าสีคราม ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะตายอย่างง่ายดายเช่นนี้?
ลอสเฝ้าดูเอเลี่ยนที่ทะยานลงมาบนพื้น
“มาเลย ฉันไม่กลัวพวกแกหรอก!” ลอสหยิบดาบพลังดวงดาวออกมา ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับ 8 ดาว
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะฟาดฟันเอเลี่ยนจนเลือดของพวกมันกระเซ็นมาเต็มใบหน้าของเขา…
“ฝ่าบาทจะทำยังไงต่อไปดีพ่ะย่ะค่ะ?”
เหมยหมี่ยังคงอยู่ในท่าทีสงบนิ่ง ขณะที่ผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
ในเมื่อฝ่าบาทกล้าหาญเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะถอยออกไปได้อย่างไร?!
“ติดต่อกองทัพไปว่าจะกลับมาถึงเมื่อไหร่?” เหมยหมี่พูดออกมาอย่างเย็นชา “บอกพวกเขาว่าถ้าไม่กลับมาถึงภายในห้านาที ภรรยาและลูก ๆ ของเขาจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป!”
“แล้วก็ออกคำสั่งให้มัดตัวสมาชิกครอบครัวของพวกจอมพลที่ไม่ได้อยู่เมืองหลวงซะ!”
นัยน์ตาของเหมยหมี่แข็งกร้าวไปด้วยความเย็นชา “ในเมื่อไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยเหลือผู้คนให้มีชีวิตรอดต่อไปได้ งั้นก็ไปลงนรกซะ!”
เหล่าทหารที่อยู่บริเวณนั้นจ้องมองมาที่เหมยหมี่ราวกับมองดูจักรพรรดินีผู้กระหายเลือด
องค์หญิงผู้นี้มีคุณสมบัติที่จะขึ้นครองบัลลังก์อย่างแท้จริง! ทั้งสุขุมและเลือดเย็น
ในไม่ช้าจอมพลทั้งหลายที่กำลังเอ้อระเหยอยู่ระหว่างทางก็ได้รับคำสั่งของเหมยหมี่
“อะไรนะ?! เชี่ยเอ๊ย! เราเป็นถึงทหารของจักรวรรดินะ! พวกนั้นกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!”
“เดินหน้าด้วยความเร็วสูงสุด! ไอ้พวกราชวงศ์มันบ้าไปแล้ว!”
“บ้าชิบ!”
จอมพลและพลเอกจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังเดินทางกลับมาก่นด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทว่าพวกเขากลับไม่สามารถทำอะไรได้
ส่วนพวกที่อยู่ในเมืองหลวงล่ะ? พวกเขายิ่งรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก!
พวกเขารู้แล้วว่าตอนนี้จักรวรรดิกำลังล่มสลายลง และกลายเป็นเพียงกลุ่มทะเลสาบเอเลี่ยน!
ภายในห้านาที ยานรบที่เร่งความเร็วสูงสุดก็มาถึง!
เมืองหลวงที่รุ่งเรืองของจักรวรรดิหายไปไหนแล้ว? ทุกหนทุกแห่งกลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง เฉกเช่นเดียวกับเอเลี่ยนที่โบกสะบัดคีบเหล็กไปมา
จอมพลทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงก่อนหน้านี้เบิกตากว้าง ยานรบยังไม่ทันจอดเทียบท่าดีนัก เขาก็นำกองทัพทหารคว้าดาบพลังดวงดาวและวิ่งออกไป
จอมพลบางคนใช้แรงกระสุนในการเผชิญหน้าเป็นอย่างแรก แต่เมื่อแรงกระสุนปะทะเข้ากับเหล่าเอเลี่ยน กระสุนเหล่านั้นกลับถูกสกัดกั้นด้วยเกราะป้องกันของพวกมัน จนทำให้พวกมันไม่ได้ผลกระทบอะไร
บางทีดาบเล่มใหญ่อาจจะรวดเร็วที่สุด!
“ไม่คิดว่าเอเลี่ยนจะมาเร็วกันขนาดนี้” จอมพลเอลส์ยังคงตกตะลึง ถึงแม้ว่าครอบครัวของเขาจะไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวง แต่หัวใจของเขากลับหนักอึ้งเป็นอย่างมาก
ด้านหนึ่งเป็นเพราะความล่าช้าทางการทหารที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่อาจแก้ไขได้ ทว่าในทางกลับกัน หากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์พ่ายแพ้สงคราม เขาคงไม่อาจรักษาสมาชิกครอบครัวของตัวเองเอาไว้ได้เช่นกัน
เขารู้ดีว่าฝ่าบาทสเปนเซอร์เป็นคนประเภทไหน? เป็นคนที่จะไม่มีวันให้อภัยความล้มเหลว!
สำหรับตอนนี้ทำได้เพียงต่อสู้ สู้และสู้เท่านั้น!
ทว่าที่นี่มีจำนวนเอเลี่ยนอยู่มากเกินไป! กำลังของพวกเขามันเทียบเท่ากับน้ำหนึ่งแก้วที่พยายามดับรถขนฟืนที่ไฟไหม้
“ท่านจอมพลจะทำยังไงดีครับ? ตอนนี้พวกทหารได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้ายังสู้ต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ กองทัพทั้งหมดจะต้องถูกกำจัดออกไปแน่ครับ เราต้องเรียกกำลังเสริมมาเพิ่ม” ทหารผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ขาจนแทบจะเดินไม่ไหว ลากขาเข้าไปหาจอมพลเอลส์
“กำลังเสริมงั้นเหรอ! ฉันไม่ยักรู้ว่าเราต้องการกำลังเสริมด้วย? แต่ประเด็นคือตอนนี้เราไม่มีกำลังเสริมมากมายขนาดนั้น” เอลส์ตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้!
นอกจากนี้เขายังได้ถามจอมพลทั้งหลายแล้ว และพบว่ามีเพียงกองทัพบางส่วนเท่านั้นที่ถูกเรียกกลับมา ไม่ใช่กองกำลังทั้งหมดจะถูกเรียก อีกอย่างเมื่อมองดูสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ต่อให้พวกเขากลับมาก็คงไม่อาจช่วยอะไรได้มาก
เพราะเมื่อพวกเขากลับมา เมืองหลวงก็ล่มสลายไปเสียแล้ว
“บอกองค์หญิงเหมยหมี่ให้ฝ่าบาทขอกำลังสนับสนุนด่วน” จอมพลเอลส์พูด
“ครับ!” ทหารลากสังขารไปที่ห้องบัญชาการอย่างยากลำบาก และส่งข้อความถึงเหมยหมี่
“ฝ่าบาท ตอนนี้จอมพลเอลส์กำลังต่อสู้อยู่ด้านนอกส่งข้อความมาว่าต้องการให้พวกเราขอกองกำลังสนับสนุนจากจักรวรรดิอื่นพ่ะย่ะค่ะ” ทหารส่งต่อข้อความให้เหมยหมี่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“โอเค เข้าใจแล้ว” เหมยหมี่ตอบรับผู้คนรอบข้างอย่างใจเย็น “ส่งข้อความออกไปหาจักรวรรดิอื่นโดยด่วน ร้องขอกำลังสนับสนุนให้กับจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของเรา”
“บอกว่าใครก็ตามที่ยินดีจะช่วยเหลือจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ และสามารถคลี่คลายวิกฤตของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ให้ปลอดภัยได้ เราเต็มใจจะตอบแทนด้วยพืชพลังงาน”
“ฝ่าบาท ค่าตอบแทนมันสูงไปหน่อยหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ!” พืชพลังงานเชียวนะ ไม่ใช่ของสิ่งอื่น!
แต่ละจักรวรรดิเก็บสะสมพืชพลังงานมานานนับพันปี บางที่อาจเก็บสะสมได้สามสี่สิบชนิด หรือห้าหกสิบชนิด แต่ละชนิดล้วนเป็นทรัพย์สมบัติของจักรวรรดิ และอดไม่ได้ที่จะซ่อนมันไว้ในกำมือเพียงคนเดียว เพราะเกรงว่าคนอื่นจะหามันเจอ
แต่ตอนนี้องค์หญิงเหมยหมี่กลับยินดีจะตอบแทนด้วยพืชพลังงานที่มีราคาสูงลิ่ว
“สูงเหรอ? แต่ถ้าพวกเราตายแล้วจะเก็บมันไว้ใช้ประโยชน์อะไรล่ะ?” เหมยหมี่ที่ดูสุขุมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย