ตอนที่ 375 วิวัฒนาการอีกครั้ง?
ตอนที่ 375 วิวัฒนาการอีกครั้ง?
คราวนี้เงือกตัวอื่นต่างพากันมารุมล้อม
ทันทีที่เหล่าเงือกได้ลิ้มลองรสชาติของกุนเชียง ความหอมกรุ่นก็เข้าครอบงำจิตใจของพวกเขาจนถึงกับน้ำลายไหล รีบคว้าตัวสวี่หลิงอวิ๋นที่อยู่ด้านหน้าเอาไว้เพื่อขอแลกเปลี่ยนอาหาร
แม้แต่ความน่าเกรงขามของดอลลี่ก็ไร้ประโยชน์! เหล่าเงือกผลักดอลลี่ออกไปด้านข้าง ก่อนจะเข้าไปรุมล้อมสวี่หลิงอวิ๋น
“ฉันมีไข่มุกรัตติกาลขนาดเท่ากำปั้นเด็กเชียวนะ จะเอาไปซื้ออะไรที่ร้านค้าไหนก็ได้ เธอก็แค่มอบอันสีขาวอันนั้นให้ฉัน”
เงือกสาวที่แต่งตัวสวยสะพรั่งถอดไข่มุกรัตติกาลออกจากคอและวางมันลงบนมือของสวี่หลิงอวิ๋น เธอจ้องมองอย่างภูมิใจและชี้เรียวนิ้วไปยังเค้ก
ไข่มุกรัตติกาล?
สวี่หลิงอวิ๋นหยิบไข่มุกที่อยู่ในมือขึ้นมาด้วยความสงสัย ไข่มุกดังกล่าวเปล่งประกายแวววับสวยงาม
ข้อแลกเปลี่ยนนี้ช่างคุ้มค่าจริง ๆ สวี่หลิงอวิ๋นไม่พูดไม่จา และมอบกล่องเค้กให้กับเงือกสาว
เธอหยิบไข่มุกรัตติกาลมาเล่นอีกครั้ง ก่อนจะใส่ไว้ในปุ่มมิติกักเก็บ
“ฉันมีสุดยอดแนวปะการัง ฉันอยากจะแลกเปลี่ยนแนวปะการังเป็นเจ้าโหลสีเหลืองนั่น!”
เงือกหนุ่มแสนขี้อายที่อยู่ในสภาพมอมแมมว่ายเข้าหาสวี่หลิงอวิ๋นเงียบ ๆ พร้อมกับวัตถุบางอย่างในอ้อมแขนของเขา
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเงือกหนุ่ม เขามีรูปลักษณ์ที่น่ารักมาก ดวงตากลมโต ใบหน้ารูปไข่ แต่หางของเขามันดูไร้สีสันเพราะเป็นสีดำหม่น
ต้องบอกว่าเด็กคนนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสัตว์ประหลาดจอมน่าเกลียดในหมู่ชาวเงือกใช่ไหม?
สังเกตเห็นได้ว่าเงือกตัวอื่นมองดูเขาด้วยสายตารังเกียจ
สวี่หลิงอวิ๋นลูบหัวของเด็กชายพร้อมกับพูดเบา ๆ ว่า “อยากได้น้ำพริกไข่ปูนั่นเหรอ? ได้สิ”
เธอยื่นโหลน้ำพริกไข่ปูให้เด็กชาย “กินอาหารกับน้ำพริกไข่ปูแล้วมันจะยิ่งอร่อยขึ้น!”
น้ำตาของเด็กชายเอ่อล้นออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่ใครสักคนปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี เขาก้มศีรษะลงและถอดก้อนหินขนาดเล็กออกจากคอ ก้อนหินดังกล่าวเปล่งประกายแวววาว และมันคือหินหยกขาว!
เด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างเขินอาย “ฉันเจอมันตอนที่ออกไปล่าเหยื่อข้างนอก เห็นว่ามันสวยดีจึงเอามาทำสร้อยคอ ถึงจะไม่คุ้มกับของที่แลก แต่มันก็เป็นเครื่องประดับที่ฉันชอบที่สุดเลยนะ หวังว่าเธอจะชอบมัน!”
เด็กชายคนนี้น่ารักและใจดีมาก!
แม้แต่เสี่ยวอ้ายก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปสัมผัสตัวของอีกฝ่าย “โฮ่ง! เป็นเด็กที่น่ารักจังเลยนะ! เสี่ยวอ้ายจะเอาอะไรดี ๆ ให้ โฮ่ง!”
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเสี่ยวอ้ายด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าของดี ๆ ของเสี่ยวอ้ายคืออะไร
แต่ในฐานะที่เป็นอสุรกาย มันอาจจะเจอกับขุมสมบัติมามากก็ได้?!
เสี่ยวอ้ายเปิดปาก และกระดองต๋าลู่ที่ถูกแกะสลักเป็นดอกกุหลาบแสนสวยก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเด็กหนุ่ม
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูใกล้ ๆ ก็พบว่า มันคือดอกกุหลาบที่เธอเคยแกะสลักทิ้งไว้ตอนที่ไม่มีอะไรทำไม่ใช่เหรอ? มันมาอยู่กับเสี่ยวอ้ายได้ยังไง?
เด็กชายหยิบจี้กุหลาบแวววาวในมือขึ้นมา รูปลักษณ์การแกะสลักดูสมจริงมาก พื้นผิวที่มืดมิดกับความเงางามไม่ได้ส่งผลต่อความงามอันละเอียดลออของกุหลาบเลยสักนิด
แต่ละกลีบถูกแกะสลักให้ดูเบาบางราวกับกลีบจริง และมันเปล่งประกายภายใต้แสงสว่าง!
“ให้ฉันจริงเหรอ? มันดูมีราคามากเลย!” เด็กชายไม่สามารถวางมันลงได้ แต่กลับมองดูเสี่ยวอ้ายด้วยความลังเล!
กุหลาบนี้มีค่ามากกว่าไข่มุกรัตติกาลเสียอีก!
เขาไม่เคยได้ครอบครองของมีค่าเช่นนี้มาก่อน!
“ให้จริงน่ะสิ! นายท่านแกะสลักเองกับมือเลยนะโฮ่ง!” เสี่ยวอ้ายใช้อุ้งเท้าลูบแขนของอีกฝ่าย “ให้แล้วก็รับไว้เถอะ! โฮ่ง!”
สวี่หลิงอวิ๋นลูบหัวของเด็กชาย “เสี่ยวอ้ายให้เธอแล้วก็รับไว้เถอะ! มันเป็นอสุรกายที่มั่งคั่งมากเลย เธอรับไว้ก็พอ!”
เงือกตัวอื่นมองดูจี้ดอกกุหลาบด้วยท่าทีกระตือรือร้น ก่อนจะมองดูเงือกหนุ่มเอาจี้กุหลาบห้อยคอไว้ด้วยความอิจฉาริษยา
สวี่หลิงอวิ๋นเอาแนวปะการังที่สุดแสนจะยอดเยี่ยมใส่ลงไปในปุ่มมิติกักเก็บ และเด็กชายก็จากไปพร้อมกับโหลน้ำพริกไข่ปู
ตอนนี้เหลืออาหารไม่มากแล้ว! ทว่าเหล่าเงือกทั้งหลายยังคงรุมล้อมเธออยู่!
สายตาของเงือกทั้งหลายดูร้อนรุ่มมากขึ้น มองดูอาหารอันโอชะด้วยท่าทางกระตือรือร้น แน่นอนว่าพวกเขาต้องการแลกเปลี่ยนงานฝีมืออันประณีตกับเสี่ยวอ้าย
แลกเปลี่ยนเหรอ? เป็นไปไม่ได้! เสี่ยวอ้ายส่ายหัว มันไม่ยอมเอาของไร้สาระอย่างอื่นมาแทนที่ของของนายท่านเด็ดขาด!
สวี่หลิงอวิ๋นเก็บเกี่ยวขุมทรัพย์ทางทะเลไปมากมาย!
ไม่ว่าจะเป็นอัญมณี เพชร และแร่แปลกประหลาดที่ทำให้สวี่หลิงอวิ๋นใจอ่อน!
เสียดายที่เธอมีของแลกเปลี่ยนในมือไม่มาก ไม่อย่างนั้นเธอคงได้แลกเปลี่ยนของดี ๆ มามากกว่านี้!
ตลาดนัดทำให้สวี่หลิงอวิ๋นเก็บเกี่ยวของมีค่าไปมากมาย ขณะที่เหล่าเงือกรู้สึกพึงพอใจกับอาหารในปากของพวกเขา
เมื่อเห็นว่าสวี่หลิงอวิ๋นเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เงือกทั้งหลายที่อยากรู้อยากเห็นก็ติดตามห้อยสอยไปด้วย คอยเฝ้าดูว่าพวกเธอจะไปเล่นที่ไหนกันต่อ
สวี่หลิงอวิ๋นเฝ้าดูโรงเรียนเงือก เงือกทั้งหลายภายในโรงเรียนยังคงเป็นเงือกตัวน้อยกันอยู่ แต่ละตัวมีหน้าตาน่ารัก ดวงตากลมโตบ้องแบ๊ว สะพายกระเป๋านักเรียนใบจิ๋ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน่ารักขนาดไหน!
“นี่คือสถานรับเลี้ยงเด็กของชาวเงือก” ดอลลี่พูดขึ้น “เด็กเงือกที่อายุครบสามขวบจะถูกส่งมาที่นี่”
“เหมือนกับมนุษย์เลย! มนุษย์ก็ต้องไปโรงเรียนอนุบาลตอนอายุสามขวบเหมือนกัน” สวี่หลิงอวิ๋นพิงราวบันไดและมองดูเด็กเงือกตัวน้อยผู้แสนน่ารัก “ปกติพวกเขากินอะไรกัน!?”
น่าเสียดายที่เธอไม่มีอาหารเสริม ไม่อย่างนั้นเธอคงมอบอาหารให้พวกเขาได้!
“กินปลาดิบ” ดอลลี่พูด “มันคืออาหารหลักของชาวเงือกน่ะ”
เป็นสูตรที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ พวกเขากินปลาดิบ สาหร่าย และผลไม้ใต้ท้องทะเลลึก รวมถึงพืชน้ำต่าง ๆ
ส่วนอาหารที่ปรุงสุกจะเป็นที่รู้จักก็ต่อเมื่อติดต่อกับพวกมนุษย์
เงือกตัวน้อยแหวกว่ายไปมาอย่างอิสระ ขณะมองดูกลุ่มมนุษย์ผู้ไร้หางปลาที่ยืนอยู่ตรงราวบันไดด้วยความสงสัย ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะ ‘ฮ่าฮ่าฮ่า’
พัฒนาการทางภาษาของพวกเขายังไม่เริ่มต้นจนกว่าจะอายุครบห้าขวบ ตอนนี้พวกเขาจึงเป็นเพียงกลุ่มจอมป่วนตัวน้อยที่แหวกว่ายไปมา
กลุ่มสวี่หลิงอวิ๋นกำลังเคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งอื่น แต่ทันใดนั้นเองดอลลี่ก็หยุดพวกเธอไว้
เงือกทั้งหลายหยุดชะงัก
สวี่หลิงอวิ๋นกำลังมึนงง ทว่าเสี่ยวอ้ายกลับดึงแขนเสื้อเธอเบา ๆ “ดูเหมือนว่าเงือกที่อยู่ตรงนั้นกำลังจะวิวัฒนาการหรือเปล่า?”
เสี่ยวอ้ายรู้สึกไม่แน่ใจนัก
หัวกลมโตของมันชะโงกออกไปมองอีกฟากหนึ่งของนครเงือก ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของบ้านเรือนเงือกที่ยากจน
จี้กุหลาบยังคงอยู่ในมือของเงือกหนุ่มอย่างมั่นคง ขณะที่ตอนนี้เขาตกอยู่ในอาการโคม่า
เขาเพิ่งกินน้ำพริกไข่ปูเข้าไปครึ่งหนึ่ง
น้ำพริกไข่ปูเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่เขาเคยกินมา!
หลังจากกินมันเข้าไปเล็กน้อย เขากลับรู้สึกลังเลที่จะกินมันให้หมดในคราวเดียว เขาจึงซ่อนโหลน้ำพริกไข่ปูไว้ใต้เตียง แต่ทันใดนั้นเองเขากลับรู้สึกถึงร่างกายที่กำลังแผดเผาจนมอดไหม้