ตอนที่ 390 อสุรกายบุกโจมตี
ตอนที่ 390 อสุรกายบุกโจมตี
วิกฤตการณ์อยู่ใกล้แค่เอื้อม
แม้ว่าแลนเซล็อตจะไม่เต็มใจนัก แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
หากคิดจะสร้างความแข็งแกร่ง เขาจะต้องให้โอคาซีประทับรอยให้ และด้วยวิธีการนี้ องค์ชายหนุ่มจึงจะสามารถเข้าสู่หนทางฝึกฝนได้
แล้วเหตุใดจึงไม่ให้สวี่หลิงอวิ๋นทำให้? นั่นเป็นเพราะสวี่หลิงอวิ๋นไม่อยากทุบตีเขา ด้วยเหตุนี้จึงต้องเป็นโอคาซี
อีกอย่างเธอเองก็มีแฟนแล้ว จะฉวยโอกาสจากชายอื่นอีกได้ยังไง? จะต้องระวังตัวให้มาก!
โอคาซีมอบรอยประทับให้กับแลนเซล็อต ไม่เพียงแต่แลนเซล็อตเท่านั้น เขายังมอบรอยประทับให้กับกองทัพทหารของแลนเซล็อตด้วย
จากนั้นรอยประทับของพวกเขาก็กลายเป็นเมล็ดต้นกล้าขนาดจิ๋ว ต้นกล้ายังคงนิ่งเงียบและหยิ่งผยอง
ทหารทั้งหมดเริ่มฝึกฝน
ขณะเดียวกัน อสุรกายร้ายอีกตัวได้บุกทะลวงข้ามผ่านบาเรียมายังน่านฟ้าของจักรวรรดิชิงเหย้า
หลังจากสวี่หลิงอวิ๋นรับรู้ เธอไม่ทันได้รีบร้อนมากนัก ในขณะที่เสี่ยวอ้ายรีบร้องคำรามให้ทางเชื่อมมิติปรากฏขึ้น แม้ว่ามันจะอยากอยู่เคียงข้างเพื่อคอยปกป้องเจ้านาย แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันแสดงให้เห็นว่ามันไม่สามารถรอช้าได้
แต่ก่อนจะออกเดินทาง มันจับจ้องไปหากาน่า
กาน่าดีใจมาก คิดว่าอสุรกายสุดเท่จะพูดอะไรดี ๆ กับมัน จะขอมันคบด้วยหรืออะไรทำนองนั้น?!
“ดูแลนายท่านให้ดี! หากนายท่านผมร่วงแม้แต่ปลายนิ้ว เราไม่จบกับเจ้าง่าย ๆ แน่โฮ่ง!” เสี่ยวอ้ายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา!
หัวของกาน่าตั้งตรงอย่างเชื่อฟัง ต้องดูแลนายท่านของอสุรกายสุดเท่ให้ดีใช่ไหม? เยี่ยมไปเลย! หากครั้งนี้มันปกป้องเจ้านายของอสุรกายสุดเท่อย่างดี อีกฝ่ายอาจจะหันมามองมันก็ได้?!
เสี่ยวอ้ายสะบัดหางและจากไป
สวี่หลิงอวิ๋นกำลังกังวล ตอนนี้จักรวรรดิไอเดนผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้แล้ว เธอไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ต่อ ด้วยเหตุนี้เธอจึงบอกลาแลนเซล็อต
จากนั้นโอคาซี เหล่าทหาร และสวี่หลิงอวิ๋นจึงเดินทางกลับไปพร้อมกัน
ณ จักรวรรดิชิงเหย้า
อสุรกายยักษ์ตัวหนึ่งบุกทะลวงบาเรียข้ามมายังน่านฟ้าเหนือจักรวรรดิชิงเหย้า
ประชาชนชิงเหย้าจะเคยเห็นอสุรกายขนาดมหึมาเช่นนี้ได้ที่ไหนกัน? นอกจากเสี่ยวอ้าย
พวกเขาไม่รู้ว่าอสุรกายขนาดมหึมาตัวนี้คืออะไรกันแน่ แต่รู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับมัน ต่อให้ปราศจากคำสั่งจากจักรพรรดิ ประชาชนทั้งหลายก็รีบเข้าไปซ่อนตัวในห้องใต้ดินอยู่ดี
ประหม่าหรือหวาดกลัวกันแน่? ก็ทั้งคู่นั่นแหละ! ขอแค่องค์หญิงสามกับเสี่ยวอ้ายกลับมาได้ทันเวลา พวกเขาก็จะไม่กลัวอะไร!
ประชากรชิงเหย้ารู้สึกมั่นใจและหยิ่งผยอง!
แม้อยู่ในช่วงเวลาวิฤต แต่ก็ยังต้องโพสต์ข้อความ!
คนหนุ่มสาวผู้กล้าหาญทั้งหลายถ่ายรูปท้องฟ้า ก่อนจะเข้าไปซ่อนตัวในห้องใต้ดิน และโพสต์รูปภาพลงอินเทอร์เน็ต
[จักรวรรดิชิงเหย้าช็อก อสุรกายบุกโจมตี!]
กระทู้ดังกล่าวแพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งจักรวรรดิชิงเหย้า และได้รับคอมเมนต์จากจักรวรรดิอื่นอย่างล้นหลาม
[เชี่ย! ปีนี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?! เมื่อวานฉันเพิ่งได้ยินว่าจักรวรรดิไอเดนถูกอสุรกายโจมตี และแพ้เสี่ยวอ้ายไป แต่ไม่คิดว่าจักรวรรดิชิงเหย้าจะโดนด้วย!]
[ปีนี้ไม่ใช่ปีที่สงบสุข! หรือว่าจะเป็นปีเกิงจื่อ*[1] ในตำนาน?!]
[ห๊ะ? ปีเกิงจื่อคืออะไร? เหมือนจะเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้วนะ คอมเมนต์บนเป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์เหรอ?]
[บ้า! ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้นสักหน่อย แค่ฟังอาจารย์พูดมาน่ะ เหมือนจะเป็นข้อสรุปของมนุษย์ในสมัยโบราณ และทุก ๆ หกปีที่จะเกิดหายนะขึ้นที่โลกมนุษย์]
[คอมเมนต์บนสุดยอดเลย ชื่นชมจริง ๆ!]
[กดไลก์!]
[กดไลก์!]
[เดี๋ยวก่อน เราพูดถึงอสุรกายกันอยู่ไม่ใช่เหรอ? พวกคุณคิดว่าอสุรกายตัวนี้มาจากไหน? ปีที่แล้วเราเห็นว่าเจอแค่ราชาเอเลี่ยน 10 ดาว ไม่มีอสุรกายด้วยซ้ำ แต่ทำไมปีนี้ถึงโผล่มาทีเดียวสามตัวเลยล่ะ!]
[ใครจะไปรู้ล่ะ?! มันคงอยากจะมาวิ่งเล่นข้างนอกละมั้ง!]
ชาวเน็ตพูดคุยกันอย่างออกรส แม้พวกเขาจะรู้ดีว่าเสี่ยวอ้ายผู้เป็นสัตว์เทพพิทักษ์ของจักรวรรดิจะปกป้องพวกเขาได้ แต่ตอนนี้เสี่ยวอ้ายกลับอยู่ห่างออกไป ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาทันเวลาหรือไม่ พวกเขาเพียงแค่ทำทีเป็นผ่อนคลายสบายใจเพื่อให้คนจากต่างจักรวรรดิได้เห็น
หนักแน่นและแสร้งทำเป็นเรื่องขบขัน
[ไม่รู้ว่าเสี่ยวอ้ายจะกลับมาทันเวลาหรือเปล่า?]
[นากาไม่ได้ไปกับเสี่ยวอ้ายหนิ นากาน่าจะปกป้องพวกเราได้หรือเปล่า?!]
[นากาช่วยไม่ได้หรอก นากาเอาชนะเสี่ยวอ้ายไม่ได้ จะเอาอะไรมาชนะอสุรกาย?]
ชาวเน็ตทั้งหลายเงียบลงเมื่อเห็นประโยคดังกล่าว
ใช่ นากาจะสามารถปกป้องพวกเขาได้หรือไม่? อย่างน้อยเสี่ยวอ้ายก็เป็นสัตว์เลี้ยงขององค์หญิงสาม แต่นากาไม่ใช่…มันเป็นแค่แขก
มีแขกคนไหนปกป้องเจ้าของบ้านบ้าง?!
[เสี่ยวอ้ายจะกลับมาเมื่อไหร่?!]
ดวงตาขนาดมหึมาเหนือน่านฟ้าเริ่มกะพริบตา ใช้กรงเล็บฉีกบาเรียในท้องฟ้า และพยายามโผล่หัวออกมา
บนหัวของมันมีเขาสามอันเหมือนกับไดโนเสาร์ ทั่วทั้งร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยเกราะหนังหนาทึบ ซึ่งดูน่ากลัวเป็นพิเศษ และมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง
มันร้องคำรามจนอาคารทุกหลังถล่มลงมาราวกับเถ้าถ่าน
แม้ว่าชั้นใต้ดินจะถูกปกคลุมด้วยเกราะป้องกันหนาแน่น แต่ผู้คนที่อยู่ในนั้นกลับรู้สึกเวียนหัว มือและเท้าของพวกเขาเริ่มอ่อนแรง
[เสียงอะไร? แข็งแกร่งจนทะลุทะลวงเข้ามาในนี้ได้!]
[พระเจ้า!! มันคืออสุรกายยักษ์ อสุรกายที่ทรงพลังมาก จบเห่แล้ว ฉันกลัวว่าเสี่ยวอ้ายจะรับมือไม่ไหวจัง!]
[ไร้สาระ มองเห็นแต่ความน่ารักของเสี่ยวอ้ายหรือไง? มันก็มีพละกำลังแข็งแกร่งปะ? เสี่ยวอ้ายก็ซื่อสัตย์และน่าเชื่อถือไหมอ่า?]
[ฉันพนันได้เลยว่าเสี่ยวอ้ายของเราจะเอาชนะมันได้!]
ชาวเน็ตทั้งหลายต่างออกมาแสดงความคิดเห็นของตัวเองเพื่อไม่ให้น้อยหน้ากัน แม้ว่าจะรู้สึกประหม่า และเล็งเห็นเศษฝุ่นเหนือศีรษะที่ร่วงหล่นลงมาตามจุดที่อสุรกายเหยียบย่ำก็ตาม
แม้จะวิตกกังวล แต่ต่อให้ย่ำแย่แค่ไหนก็ต้องทำให้ดีที่สุด พวกเขาจะขายขี้หน้าไม่ได้
สวี่เทียนอวี๋ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินของพระราชวัง ขณะที่นากากับถั่วชมพูออกมาตรวจสอบสถานการณ์เบื้องต้น
ถั่วชมพูหวาดกลัวมากจนแขนขาของมันแทบอ่อนแรง มันเพิ่งได้รับการเลื่อนไปถึงระดับ 10 ดาว
และถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในระดับ 10 ดาวขั้นปานกลาง แต่เมื่อมองดูรูปร่างของอสุรกายที่อยู่เหนือหัว อีกฝ่ายอยู่ในระดับ 10 ดาวขั้นสูง ซึ่งมันไม่สามารถเอาชนะได้เลย
มันตั้งสติประเมินศักยภาพของตัวเอง และรีบวิ่งไปซ่อนตัวตามเศษซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน
นากาเหลือบมองมันด้วยสายตาดูถูก และมองดูอสุรกายยักษ์ อีกฝ่ายมีขนาดมหึมา มันไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้
เมื่ออสุรกายที่คล้ายคลึงกับไดโนเสาร์มาถึง มันก็กวาดสายตามองดูทุกสิ่งอย่างด้วยความกระหาย ที่นี่มีขนาดเล็กกะทัดรัดมาก นี่สินะโลกในตำนานที่ต้นไม้แห่งชีวิตสร้างขึ้นเพื่อปกป้องพวกอ่อนแอ?
ยิ่งมีระดับต่ำมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น…!
ราวกับอสุรกายได้ย่างก้าวเข้ามาในอาณาเขตของตัวเอง มันสะบัดหาง และเริ่มออกหากิน
น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนี้เป็นดาวเคราะห์ในเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างคับคั่ง อาหารทั้งหลายจึงถูกแช่เอาไว้ในตู้เย็น แล้วมันจะไปอาหารอย่างอื่นเจอได้ที่ไหนกัน?
นอกจากนี้ การที่ตัวมันมีขนาดใหญ่มาก ต่อให้มันหาอาหารเจอ แต่สิ่งของที่เล็กกระจิ๋วพวกนี้จะเติมเต็มท้องของมันได้อย่างไร?
อสุรกายเดินวนเวียนไปมา สอดส่ายสายตามองดูบริเวณโดยรอบ แต่กลับไม่พบอาหาร มันจึงเริ่มอารมณ์เสีย!
มันมาที่นี่เพื่อกิน แต่ที่นี่ไม่มีอาหารให้มันกินเลยสักนิด อสุรกายยักษ์สามเขาเริ่มหงุดหงิด!
[1] ปีเกิงจื่อ หมายถึง ชื่อลำดับที่สามสิบเจ็ดในระบบการนับต้นกิ่ง 1-60 ปี ของจีนโบราณ หรือ ปีชวด