ตอนที่ 402 โบยบินไปเลยเจ้าเถาวัลย์งู!
ตอนที่ 402 โบยบินไปเลยเจ้าเถาวัลย์งู!
ไม่ว่าชิงเย่จะอ้อนวอนอย่างไร สวี่หลิงอวิ๋นก็ไม่หวั่นไหว จนกระทั่งชิงเย่กัดฟันหยิบเอาคริสตัลสีม่วงออกมา “ผมใช้เหรียญทองอินทนิลซื้อเค้กนี้ได้ไหม!”
เหรียญทองอินทนิล? คือบ้าอะไร?!
สวี่หลิงอวิ๋นหยิบเหรียญทองอินทนิลขึ้นมาดู มันเป็นเหรียญทองสีม่วงที่เปล่งประกายระยิบระยับ เธอพลิกมันดูและพบว่ามันมีน้ำหนักเบามาก ยากเกินกว่าจะจินตนาการว่าเหรียญที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสองเมตรมีน้ำหนักเบาแบบนี้ได้อย่างไร
หลังจากเสี่ยวอ้ายได้ยินคำว่าเหรียญทองอินทนิล มันก็เอนตัวมาดูสิ่งดังกล่าว สิ่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเหรียญที่มีมูลค่าสูงสุดและสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดมักจะใช้หมุนเวียนกัน
เหรียญที่มีค่าน้อยมากที่สุดคือเหรียญอวกาศ หนึ่งร้อยเหรียญอวกาศสามารถแลกเปลี่ยนเป็นหนึ่งเหรียญทองได้ หนึ่งร้อยเหรียญทองสามารถแลกเปลี่ยนเป็นหนึ่งเหรียญดวงดาวได้ หนึ่งร้อยเหรียญดวงดาวสามารถแลกเปลี่ยนเป็นหนึ่งเหรียญจักรินได้ และหนึ่งร้อยเหรียญจักรินสามารถแลกเปลี่ยนเป็นหนึ่งเหรียญทองอินทนิลได้
และหนึ่งร้อยเหรียญทองอินทนิลสามารถแลกเปลี่ยนเป็นหนึ่งร้อยล้านเหรียญอวกาศได้!
“นายจะแลกเหรียญทองอินทนิลกับเค้กงั้นเหรอ?!” สวี่หลิงอวิ๋นตกตะลึง! ผู้ชายคนนี้เป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า?
เขาจะใช้เงินหนึ่งร้อยล้านเหรียญอวกาศแลกเปลี่ยนกับเค้กของเธอจริง ๆ เหรอ?!
หลังจากที่เสี่ยวอ้ายบอกมูลค่าการแลกเปลี่ยนกับเธอ เธอก็รู้สึกราวกับถูกลอตเตอรี่นับล้าน จนทำให้หญิงสาวถึงกับรู้สึกมึนงง ครุ่นคิดว่าชายคนที่อยู่ตรงหน้าโง่หรือเปล่า? หรือว่าใช้เงินปลอมมาหลอกเธอ?!
ชิงเย่พยักหน้า…
อาหารที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกินคือสลัดที่ปรุงขึ้นโดยสุดยอดพ่อครัวโรงแรมจื่อจิน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของเอลฟ์ สลัดดังกล่าวจะต้องใช้เหรียญทองอินทนิลซื้อ!
และผู้คนต่อแถวกันยาวไปจนถึงสุดถนน!
เขาเป็นผู้ที่ชื่นชอบอาหารเป็นชีวิตจิตใจ และเขาจะต้องไม่พลาดอาหารมื้อนี้เด็ดขาด
เขาใช้เวลาหนึ่งปีเต็มในการคว้าเอาเหรียญทองอินทนิลมากินอาหารเพียงมื้อเดียว และหลังจากนั้นลิ้นของเขาก็ไม่สามารถรับรสอาหารของคนอื่นได้อีก
แต่กลิ่นอาหารที่เขาสัมผัสได้ในวันนี้ก็ทำให้เขาถึงกับใจเต้นแรงอีกครั้ง!
เขาจะพลาดมันไปได้อย่างไร?!
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเอลฟ์ที่อยู่ข้างหน้าเธอ และรู้สึกได้ทันทีว่าชายหน้าหมูนี่ดูหล่อเหลามาก! ติดที่ว่าสมองไม่ปกติไปหน่อย…
เธอตัดเค้กด้วยความเมตตาและยื่นให้ชิงเย่ “อะ ฉันให้นายนะ พ่อหนุ่มสุดหล่อ!”
เขาดูหล่อเหลาขึ้นมาทันทีที่เขาจ่ายเงินออกไป!
โอคาซีส่ายหัว แน่นอนว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะเป็นอีกอย่างก่อนเห็นคน และกลายเป็นอีกอย่างหลังจากเห็นเงิน
ชิงเย่หยิบเค้กขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เขาใช้ส้อมอันเล็กจิ้มมันขึ้นมาใส่ปาก!
ว้าว! รสชาติเป็นแบบนี้เองเหรอ?! หวานและนุ่มละมุน จนต่อให้ในอนาคตเขาได้กินสลัดอีกจาน เขาก็คงจะไม่รู้สึกดีแบบนี้!
ชิงเย่กินเค้กด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตา เขามองดูจานที่ว่างเปล่า และเหลือบดูอาหารอันแสนอร่อยอย่างอื่นบนโต๊ะอาหาร และเขาก็อดไม่ได้ที่จะเลียจาน!
อา! อยากกินอีกจัง!
สวี่หลิงอวิ๋นเล็งเห็นรูปลักษณ์ที่ตะกละตะกลาม จึงมอบปลาหมึกกระป๋องให้เขา “อะ ถ้านายไม่กลัวเผ็ด ก็ลองกินนี่ดูสิ!”
นี่คือ?! เขาดมกลิ่น มันเป็นกลิ่นเผ็ดร้อน!
สิ่งมีชีวิตในเขตดาวต่างแดนก็กินอาหารเผ็ด แต่ว่าน้อยมาก
เขากัดลงไปเต็มคำ!
ซี๊ด!! เผ็ดมาก!
แต่ก็ยังเคี้ยวเนื้อหั่นเต๋าต่อไป ว้าว! แซ่บมาก! รสชาติของมันพิเศษออกไป! เขาชอบมันมาก!
หยาดเหงื่อผุดออกมาจากศีรษะของเขา แม้แต่ร่างกายของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ยิ่งเขากินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสพติดมันมากเท่านั้น!
ริมฝีปากของเขาถึงกับแดงเพราะแสบร้อน สวี่หลิงอวิ๋นมอบข้าวถ้วยใหญ่ให้แก่เขา
ในเมื่อเงินเยอะขนาดนี้ ก็ต้องบริการให้ดี!
เขากินข้าว และกินปลาหมึกกระป๋องอีกครั้ง ชิงเย่รู้สึกได้ว่าเขาค้นพบความหมายของชีวิตแล้ว!
ชิงเย่เหลือบมองคนทั้งสองที่โต๊ะอาหาร หากเป็นไปได้ เขาก็เต็มใจจะทำทุกอย่างตามคำสั่งของสองคนนั้น!
ตราบใดที่ได้กินอาหารอันโอชะแบบนี้!
หลังจากกินอาหารเสร็จ ชิงเย่ก็อาสาเป็นคนล้างจาน โดยบอกว่าการล้างจานก็แค่ใส่จานลงไปในอ่าง และแขนกลจะคนเป็นล้างจานแทน
สวี่หลิงอวิ๋นเห็นความต้องการอันแรงกล้าของเขาจึงปล่อยให้เขาทำ
ชิงเย่ปลื้มใจมาก!
ยังมีของเหลืออีกมากมายวางอยู่บนโต๊ะ อีกทั้งยังมีน้ำซุปเหลืออยู่ที่มุมโต๊ะ หลังจากที่ชิงเย่เก็บรวบรวมจานแล้ว เขาก็หยิบอาหารบางอย่างที่คล้ายคลึงกับหมั่นโถวของมนุษย์ออกมาจากปุ่มมิติกักเก็บ
สิ่งนี้เป็นอาหารที่เอลฟ์ชอบกิน เขาจุ่มหมั่นโถวลงในน้ำซุปอย่างระมัดระวัง แล้วเอามันเข้าปากคำโต!
กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ เขาจึงเทน้ำซุปลงไปในภาชนะขนาดเล็กที่เตรียมไว้ เพื่อเตรียมเก็บไว้กินทีหลัง
ใครจะคิดว่าเอลฟ์ที่มีบุคลิกสง่างามและสูงส่งจะทำสิ่งที่น่าตกใจเช่นนี้?
หลังจากกินอาหารจนอิ่ม สวี่หลิงอวิ๋นก็สั่งให้ชิงเย่ขับยานอวกาศบินวนไปรอบ ๆ บาเรีย เพื่อดูว่าเขาจะหาอสุรกายพบหรือไม่?
ชิงเย่มีประสบการณ์มากมายในการตามหาอสุรกาย
เขาอยากจะเอาใจผู้หญิงคนนี้ อยากแสดงให้เธอเห็นว่าเขาเป็นคนฉลาดและมีเหตุผล เพื่อที่เธอจะได้มอบอาหารให้
อาหารมื้อนี้แพงเกินไป และเขาไม่สามารถจ่ายได้อีก!
เขาหยิบสิ่งของที่ดูเหมือนแส้ออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับสวี่หลิงอวิ๋น “สิ่งนี้จะคอยติดตามสิ่งมีชีวิต และมันว่องไวมาก”
“ในนี้จะมีเครื่องตรวจจับทั้งสองอันอยู่ เราสามารถมองเห็นทุกอย่างที่มันเข้าใกล้ได้”
สวี่หลิงอวิ๋นรับฟัง เอ๋? มีของดี ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?
เธอหยิบเมล็ดเถาวัลย์งูออกมา เมล็ดเหล่านี้ได้รับการวิวัฒนาการเล็กน้อย แต่เธอไม่รู้ว่ามันวิวัฒนาการไปในทิศทางไหนกันแน่ ก่อนจะยื่นมันให้กับชิงเย่ “ใส่เมล็ดทั้งสองไว้ในสิ่งของของนาย แล้วเรามารอดูผลลัพธ์กัน”
ชิงเย่มองดูมันครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเป็นเอลฟ์ และมีจิตสัมผัสเล็กน้อยเกี่ยวกับคุณลักษณะของพันธุ์ไม้
เขารู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกปลอมในเมล็ดพืชนี้ เป็นความรู้สึกเดียวกันกับพระแม่พฤกษาที่กำลังให้พรแก่เขา
“อันนี้มัน…” มนุษย์ผู้หญิงมีของแบบนี้ได้อย่างไร? มันไม่ง่ายเลยที่พระแม่พฤกษาจะให้พรแก่พืชพรรณและเผ่าพันธุ์มนุษย์
พรทุกประการจะสถิตอยู่กับมหาปุโรหิต ประกาศก้องต่อหน้าชาวเอลฟ์ทุกคน
เขารับประกันได้ว่าไม่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์ใดเคยได้รับพรจากพระแม่พฤกษาตลอดช่วงร้อยปีที่ผ่านมา…
เมื่อมองดูเมล็ดที่มีพละกำลังมหาศาลและเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เขาก็ไม่เข้าใจว่าจะได้รับพรจากพระแม่พฤกษาได้อย่างไร?!
สวี่หลิงอวิ๋นมองเห็นความลังเลของอีกฝ่าย จึงเอ่ยถาม “ทำไม? มีอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?!”
“เอ่อ ไม่มีครับ!” ชิงเย่ไม่พูดอะไร เขาจะได้รู้คำตอบเมื่อตอนที่กลับไปยังจักรวรรดิเอลฟ์
บางทีเขาอาจจะพลาดอะไรบางอย่างไป?
ใส่เมล็ดลงไปในแส้ แท้จริงแล้วแส้นี้ทำมาจากพืชจักรวาลชนิดหนึ่งที่ลอยตัวอยู่บนผิวน้ำ
นั่นคืออาก้า มันค่อนข้างว่องไวและชอบทำตัวเหมือนกาฝาก แต่หลังจากที่ชิงเย่ได้รับมาแล้ว เขาได้ดัดแปลงพันธุกรรมจนกลายมาเป็นเครื่องมือตรวจจับที่ทรงคุณภาพ
เขาจะป้อนอาหารให้อาก้าด้วยพลังงานของเหลวเป็นประจำ เพื่อที่มันจะได้กระปรี้กระเปร่าขึ้น อีกทั้งยังบอกอาก้าให้ติดตามชิงเย่มากินเนื้อด้วยกัน!
เมล็ดมีน้ำหนักเบามาก แต่อาก้ากลับรู้สึกไม่สบายตัวนัก แต่ด้วยคำสั่งของชิงเย่ มันจึงบินไปรอบ ๆ บาเรียด้วยความเร็วแสง
สวี่หลิงอวิ๋นเห็นเพียงความไวแสงนั้น และไม่เห็นอะไรอีกเลย แล้วแบบนี้เธอจะเล่นสนุกได้ยังไง!?