ตอนที่ 413 ฉันขาดวัตถุดิบ
ตอนที่ 413 ฉันขาดวัตถุดิบ
พวกเขาปลูกต้นไม้แห่งชีวิตเป็นครั้งแรก และบางทีพวกเขาควรจะเขียนหนังสือสักเล่มให้กับคนรุ่นหลัง ตั้งชื่อหนังสือว่า ‘หนังสือสำหรับการปลูกต้นไม้แห่งชีวิต’
สวี่หลิงอวิ๋นพร้อมจะเข้านอนแล้ว
ขณะที่พอลลี่เผ่าพันธุ์ตานหยางได้กลับมาบ้าน เขาหยิบปลาหมึกกระป๋องที่สวี่หลิงอวิ๋นมอบให้กลับมาบ้านด้วย เช่นเดียวกับกุนเชียงสองสาย
เขามักจะมีวิธีการหลายอย่างทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกพอใจเสมอ ไม่เช่นนั้นถ้าพ่อไปมีลูกนอกสมรส เขาจะยังเป็นที่โปรดปรานอยู่หรือไม่?
แน่นอนว่าไม่!
กฎข้อแรกของการเป็นลูกชายที่ต้องการได้ความโปรดปรานคือจะต้องเก็บของที่ตัวเองโปรดปรานให้พ่อเสมอ!
พ่อจะได้รู้สึกว่า อ่า เด็กดีคนนี้รักพ่อสุดหัวใจ! เขาจะต้องไม่เป็นเหมือนพวกลูกสมรสที่เกิดจากนังสารเลวพวกนั้น!
พวกเขาอยู่เพราะเงิน! แต่ลูกชายสุดที่รักอยู่เพราะรัก!
แม้ว่าอาหารกระป๋องอันนี้ช่างน่ากินอย่างมาก แต่เขากลับพยายามอดกลั้นเอาไว้!
ในค่ำคืนที่มืดมิด ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามา รูปร่างของเขาเหมือนกับชายที่มีอายุมากกว่าห้าสิบปีขึ้นไป ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลม
“ทำไมยังไม่นอนอีก?” เอเดน พ่อของพอลลี่จากเผ่าพันธุ์ตานหยาง และจอมพลคนแรกของจักรวรรดิเคทเลอร์
“พ่อครับ ผมเอาของดี ๆ มาฝาก” พอลลี่เปิดปลาหมึกกระป๋องราวกับกำลังเสนอขุมสมบัติ ขณะที่กลิ่นหอมเผ็ดลอยทะลุเข้ามาในหัวใจและปอด จนทำให้ชาวตานหยางทั้งสองกลืนน้ำลายลงพร้อมกัน
“มันคืออะไร?” เขามองดูลูกชาย “ไปเอาของพรรค์นี้มาจากไหน? ไม่ได้ไปเอามาจากมือพ่อค้าที่ค้าขายผิดกฎหมายใช่ไหม? พ่อบอกแกตั้งกี่หนแล้วว่าของพวกนี้มันทำมาจากสารระเหย ไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่ถูกสุขอนามัย!”
“ไม่ใช่ครับพ่อ!” พอลลี่หยิบส้อมขึ้นมาจิ้มกินต่อหน้าผู้เป็นพ่อ ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะเคี้ยว ยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้ลึกหลงใหลมากเท่านั้น ริมฝีปากของเขาเป็นสีแดงด้วยความเผ็ดร้อน หน้าผากของเขามีเหงื่อผุดออกมา แต่บอกได้คำเดียวว่าอร่อย!
เอเดนเริ่มรู้สึกตะกละตะกลามเหมือนกับลูกชาย เขาหยิบส้อมขึ้นมาและกินเข้าไปหนึ่งคำ โอ้! รสชาตินี้! ไม่เลวแฮะ! ดีมากเลย!
เขาหยิบอาหารใส่ถ้วยขนาดเล็กให้ลูกชาย “นี่มันอาหารขยะ เดี๋ยวพ่อจะกินเอง! แกกินนี่ไปซะ!”
หลังจากพูดเช่นนั้น ปลาหมึกกระป๋องขนาดใหญ่ก็ถูกคว้านกินอย่างดุเดือด ขณะที่กิน เสียงซู้ดปากดัง ‘ซี้ด’ ก็ดังขึ้นในอากาศ แต่กลับไม่ยอมปล่อยมือ!
พอลลี่เองก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน แต่เนื่องจากถ้วยของเขามีขนาดเล็ก จึงกินหมดอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน พ่อบ้านพยายามกลั้นน้ำลายเอาไว้และยื่นจานที่มีบางอย่างคล้ายกับเค้กให้ทั้งสองพ่อลูก แค่นี้ก็ดีมากพอแล้ว!
สามารถกินได้ทั้งปลาหมึกกระป๋องและเค้ก!
ฮ่า ๆๆ! เยี่ยมยอดไปเลย
เป็นครั้งแรกที่เอเดนรู้สึกว่าอาหารอร่อยมาก และชีวิตช่างสวยงามเหลือเกิน!
ไม่นานนักปลาหมึกกระป๋องก็หมดลง ไม่มีอีกแล้ว!
หลังจากจุ่มแป้งแพนเค้กลงไปในน้ำซุปและกินมัน เขาก็หันไปถามลูกชายว่า “ยังมีอีกไหม?”
“ไม่มีแล้วครับ!” พอลลี่พูดออกมาตามตรง และค่อย ๆ พูดว่า “พ่อครับ วันนี้ผมใช้เงินฟุ่มเฟือยไปเยอะเลย!”
เอเดนจ้องมองลูกชาย “ใช้เงินฟุ่มเฟือยไปเยอะ? ฉันถามว่าแกยังมีกระป๋องนี้เหลืออีกไหม?”
“ไม่มีครับ!” พอลลี่พูดอธิบาย “ก็ผมเอาเหรียญทองอินทนิลห้าเหรียญซื้อกระป๋องนี้มา”
“เหรียญทองอินทนิลห้าเหรียญ?” นี่เป็นเงินจำนวนมาก ลูกชายของเขาเก่งกาจทุกด้าน แต่ปัญหาอย่างเดียวคือการใช้เงินฟุ่มเฟือยจนทำให้เขาปวดหัว ถึงครอบครัวจะไม่ได้ยากจนข้นแค้น แต่ก็ควรจะประหยัดหรือเปล่า?
“ไม่แพงหรอก!” หากอาหารอันแสนอร่อยแบบนี้ได้ออกไปสู่ท้องตลาด มันก็อาจจะมีราคาอยู่ที่สิบเหรียญทองอินทนิลจริงไหม?
ถ้าอันเดรียรู้เรื่องนี้คงจะเห็นด้วย เพราะวันนี้ยังมีข้าวต้มที่แสนอร่อยอีกด้วย และมันถูกขายในราคาสิบเหรียญทองอินทนิล!
“เอ่อ พ่อครับ ผมให้คนเช่าร้านอาหารในโรงแรมไห่เว่ยด้วยเงินเหรียญทองอินทนิลสามสิบเหรียญไปด้วย”
“อะไรนะ?! เจ้าลูกบ้า! บ้านเรามีเงินสามร้อยเหรียญทองอินทนิลต่อเดือนเท่านั้น ยังมีคนอื่นอีกตั้งเยอะที่อยากเช่าที่! แกมันโง่เสียจริง! ทำให้ฉันโมโหจนได้!” เอเดนโกรธจัดเมื่อได้ยินเช่นนั้น!
ลูกชายคนนี้ดีทุกอย่าง! แต่การยึดมั่นในตัวเองกลับทำให้เขาเป็นทุกข์!
ปล่อยให้เช่าที่ในราคาถูกแบบนั้นได้อย่างไร?!
“พ่อครับพ่อ! อย่าเพิ่งโกรธสิครับ!” พอลลี่รีบลูบหลังผู้เป็นพ่อเพื่อหวังให้เขาอารมณ์เย็นขึ้น “พ่อครับ เจ้าของปลาหมึกกระป๋องที่พวกเรากินไปจะเป็นคนมาเช่าร้านอาหารของเราครับ!”
“อะไรนะ? แล้วเธอจะต้องทำอะไรบ้าง?” จอลพลคนแรกของตานหยางยังคงโกรธจัดจนยากที่จะสูดลมหายใจเข้า
“ผมให้เงื่อนไขกับเธอไปด้วยครับ! ต่อจากนี้ไปเธอจะต้องคอยเตรียมอาหารทั้งสามมื้อให้กับพวกเรา!”
เอเดนหยุดพูด ข้อเสนอนี้ค่อนข้างฟังดูดี!
นั่นน่ะสิ! อาหารกระป๋องนี้มีราคาอยู่ที่ห้าเหรียญทองอินทนิล ถ้าพวกเขาต้องจ่ายเงินห้าเหรียญทองอินทนิลสำหรับอาหารหนึ่งมื้อ เมื่อคำนวณดูแล้วก็จะตกวันละห้าสิบเหรียญ และสี่ร้อยห้าสิบเหรียญต่อหนึ่งเดือน!
ข้อตกลงนี้เป็นที่น่าสนใจ!
ในที่สุดลูกชายของเขาก็โตขึ้นสักที!
เขาลูบหัวลูกชายด้วยความรักใคร่ “ก็ได้ พรุ่งนี้พ่อจะเพิ่มค่าขนมให้แกแล้วกัน เป็นวันละยี่สิบเหรียญทอง แล้วอย่าใช้เงินฟุ่มเฟือยอีกล่ะ!”
“เย่! ขอบคุณมากครับพ่อ!”
พอลลี่ดีใจมาก!
เอเดนมองกระป๋องเปล่าด้วยความเสียใจ คิดไม่ออกว่าพรุ่งนี้จะกินอะไรดี?
พอได้กินอาหารกระป๋องนี้แล้ว เขาจินตนาการไม่ออกว่าจะสามารถกลืนอะไรลงไปอีกได้หรือไม่!
“ลูก! แม่ครัวคนนั้นจะยังอยู่ไหม? พรุ่งนี้ไปสั่งอาหารกับเธอที!” เอเดนรู้สึกถึงสิทธิบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลิน เพราะฉะนั้นเขาก็ควรจะรู้สึกยินดีใช่ไหม?
สวี่หลิงอวิ๋นลืมตาขึ้นมาด้วยความสับสน หลังจากชำระล้างเสร็จแล้ว หุ่นยนต์อัจฉริยะก็เริ่มเปล่งเสียงออกมาหาทั้งสองคน
“สวัสดีครับ คุณผู้หญิงคุณผู้ชาย คุณต้องการวัตถุดิบในการทำอาหารไหมครับ?”
วัตถุดิบ?
สวี่หลิงอวิ๋นหาว ทำไมถึงมาถามว่าเธอต้องการวัตถุดิบหรือเปล่า?
โอคาซีจับมือเธอ “ก็เมื่อวานเราเจอแขกที่โรงแรม แล้วท่านบอกว่าวัตถุดิบมีไม่พอ”
“อ่า?” สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดอยู่นาน “ใช่ ๆ! ถูกต้องแล้ว!”
เธอปลูกพืชเครื่องปรุงรสที่ส่งกลิ่นหอมไว้มากมาย แต่กลับไม่มีวัตถุดิบ!
หุ่นยนต์อัจฉริยะพูดต่อว่า “อยากให้เอามันมาที่ห้องของคุณไหมครับ?”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า โรงแรมแห่งนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ!
รู้ด้วยว่าจะต้องส่งตรงมาที่ห้องของเธอ!
“ได้ค่ะ!” เธอตอบรับออกไป
แต่เธอคงไม่คิดว่าจะมีนักกินมากมายซ่อนตัวอยู่ด้านนอกประตูเพื่อรอให้สวี่หลิงอวิ๋นพูดว่า ‘ได้ค่ะ’!
เมื่อประตูถูกเปิดออก สวี่หลิงอวิ๋นก็ต้องตกตะลึงกับฝูงชนที่รออยู่ด้านนอก
“พวกคุณมาทำอะไรกันคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูพวกเขาด้วยความประหลาดใจ “ฉันยังไม่ได้ทำอาหารเลย!”
“เรารู้ครับคุณผู้หญิง!” เอลฟ์ตัวหนึ่งตอบกลับ “แต่เพราะพวกเขารู้สึกเศร้าใจมาก ๆ ที่ได้ยินว่าคุณไม่มีวัตถุดิบเหลือให้ทำอาหารอร่อย ๆ แล้ว!”
“เพราะงั้นผมจึงเตรียมวัตถุดิบที่สดใหม่ที่สุดมาให้คุณ หวังว่าคุณจะยอมรับมันไว้!”