ตอนที่ 430 พบปะ
ตอนที่ 430 พบปะ
ชิงเย่รู้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สวี่หลิงอวิ๋นจะมอบเป็นรางวัลให้แก่เขา!
เธอเป็นคนจิตใจดี! ชิงเย่รู้สึกโชคดีอย่างมากที่ได้เจอผู้มีพระคุณเช่นนี้!
ทันใดนั้น เอลฟ์หนุ่มก็นึกอะไรบางอย่างออก เขาหยิบเหรียญทองอินทนิลสามเหรียญขึ้นมาจากกระเป๋าและยื่นให้สวี่หลิงอวิ๋น “ผมเจอมันที่ร้านแผงลอยในตลาดมืด ผู้จัดการตลาดคงจะเอามันให้ท่านครับ”
สวี่หลิงอวิ๋นนิ่งงัน ตอนนี้รวมเป็นสิบกว่าเหรียญแล้ว เธอจึงมอบสามเหรียญนี้ให้ชิงเย่ “นายเก็บมันไว้เถอะ ถือว่ามันคือเงินที่นายหามาอย่างยากลำบากตลอดช่วงสองวันที่ผ่านมาแล้วกัน”
หากไม่มีชิงเย่ และต่อให้พวกเธอลงมืออย่างราบรื่น แต่มันก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้ ตอนนี้มันทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าคือฝันกลางวัน
และเพื่อไม่ให้เกิดความขุ่นเคือง สวี่หลิงอวิ๋นจึงพยายามรักษาเสบียงอาหารไว้ให้ได้ถึงตอนเย็น
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดอยู่ข้างนอก มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต่อสู้กันอยู่ในแถว จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเข้ามาดูแลที่นี่
จะมีร้านอาหารที่ใดร้อนแรงได้เท่าที่นี่อีก? ปล่อยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปดูแลตรงอื่นบ้างได้ไหม?
แม้เงินเดือนจะไม่สูงมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นสวี่หลิงอวิ๋นก็ยังดูแลเรื่องอาหารการกินของพวกเขา
ตอนนี้ซุ้มรักษาความปลอดภัยประจำร้านอาหารแสนอร่อยได้กลายมาเป็นที่โปรดปรานของเหล่าเจ้าหน้าที่พนักงานรักษาความปลอดภัยทั่วทั้งเคทเลอร์ และเป็นที่เดียวเท่านั้น!
พวกเขาไม่ต้องต่อคิวรอซื้ออาหารด้วยซ้ำ น่าอิจฉาไหมล่ะ?! ฮึ่ม!
ในขณะเดียวกัน โอคาซีสามารถแฮกเข้าไปล้วงข้อมูลฐานลับของจักรวรรดิเคทเลอร์ได้แล้ว อีกทั้งยังค้นพบความผิดปกติของอสุรกายร้ายที่เพิ่งเจอเมื่อไม่นานมานี้ และเตรียมพร้อมจะส่งใครบางคนเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ของห้วงดวงดาว
รวมถึงลายเซ็นของจอมพลเอเดนด้วย!
เอาล่ะ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าจอมพลเอเดนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่!
จอมพลเอเดนกับสวี่หลิงอวิ๋นได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับการขยายกิจการ ‘ร้านอาหารแสนอร่อย’
เขาบอกว่าได้ยกเลิกสัญญาของร้านอาหารร้านอื่นที่อยู่ชั้นเดียวกันกับ ‘ร้านอาหารแสนอร่อย’ แล้ว หวังว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะขยายพื้นที่ร้านให้กว้างขึ้น
สวี่หลิงอวิ๋นโต้กลับว่าขนาดเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้จอมพลมาเสียเวลาด้วย!
จอมพลเอเดนสวนกลับว่า ‘ไม่ได้’ ขนาดของร้านอาหารนั้นเล็กเกินไป ไม่ใช่แค่ร้านอาหารเท่านั้นที่สูญเสีญโอกาส แต่ผู้คนที่เดินทางมานับพันไมล์ก็สูญเสียโอกาสที่จะได้ลิ้มลองอาหารอันแสนอร่อยเช่นกัน
สวี่หลิงอวิ๋นโต้ว่าสถานะการเงินของเธอค่อนข้างเข้าเนื้อ เธอไม่มีเงินจำนวนมากในการจ่ายค่าเช่าที่ เพราะฉะนั้นจงลืมมันไปซะ!
จอมพลเอเดนถึงกับพูดไม่ออก
ในใจของจอมพลเต็มไปด้วยคำว่า ‘ไอ้เชี่ย’ ที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปดีหรือไม่!
เธอไม่มีเงินเหรอ?! เธอทำเงินได้มากมายทุกวันขนาดนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่มีเงินอีกเหรอ?!
ทว่าจอมพลเอเดนเป็นจอมพลที่มีมารยาทงาม ไม่มีเงินก็ยืดหยุ่นให้ได้ ยอมปล่อยเช่าตลอดทั้งชั้นด้วยราคาเพียงสามสิบเหรียญทองอินทนิลแล้วกัน ตกลงไหม?
สวี่หลิงอวิ๋นปลาบปลื้มมาก
“ตกลง! ตกลงเลยค่า!”
“แต่ว่ามันจะทำให้ท่านขาดทุนไหมคะ?!”
ขาดทุนหรือเปล่า? การปล่อยเช่าที่บนชั้นนี้สามารถทำให้เขาได้กอบโกยรายได้ไปถึงหนึ่งพันเหรียญทองอินทนิลต่อเดือน แต่ตอนนี้เหลือเพียงสามสิบเหรียญเท่านั้น คิดว่าขาดทุนไหมล่ะ?
แต่ถ้าสวี่หลิงอวิ๋นปฏิเสธที่จะขยายพื้นที่ เขาคงจะเป็นกังวลอย่างมาก!
ตอนนี้จะมีใครไม่รู้บ้างว่าคิวจองโต๊ะของ ‘ร้านอาหารแสนอร่อย’ ลากยาวไปไกลแล้ว? ใครที่เคยได้กินอาหารแล้วจะต้องอยากกลับมากินอีก และอำนาจของเขาแล่นขึ้นมาอยู่ในจุดสูงสุด โดยอาศัยช่องทางการรับจองโต๊ะอาหาร นี่มันทำให้เขาพึงพอใจกว่าเงินที่ได้รับมาเสียอีก!
แต่แล้วคำขอของสวี่หลิงอวิ๋นล่ะ?!
แน่นอนว่าพึงพอใจ! แต่ต้องสูญเสีญเหรียญทองอินทนิลไปกว่าพันเหรียญไม่ใช่เหรอ? เขามีเงินและยอมรับความสูญเสียนี้ได้
ระหว่างบทสนทนา จอมพลไม่สามารถควบคุมปากของตัวเองได้
ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นได้จัดเตรียมขนมจำนวนนับไม่ถ้วนมาวางไว้บนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นขนมสายไหม ฟองเต้าหู้หม่าล่า หมูแผ่น…เขากำลังพูดคุยขณะกินไปด้วย กินและหันมาคุยอีกครั้ง เพลิดเพลินไปกับขนมจนกระทั่งขนมบนโต๊ะถูกกวาดจนเรียบ เขาจึงไม่ได้ตอบสนองอะไรอีก
นี่สินะภาพลักษณ์ของจอมพลผู้เฉลียวฉลาด!
สวี่หลิงอวิ๋นไม่ประหลาดใจนัก
ข้างหลังของเธอมีเด็กทารกที่กำลังพูดอ้อแอ้และกำลังหัดพูดอยู่
จอมพลเอเดนได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเด็กทารก และเข้าไปมองดูใกล้ ๆ “ลูกของคุณเหรอ? น่ารักน่าชังเชียว ทำไมเอลฟ์ตอนแบเบาะถึงได้น่ารักขนาดนี้?”
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ค่ะ เป็นลูกสาวจากคนในตระกูลฉัน ตอนนี้เธอมาเป็นพนักงานเสิรฟ์ที่นี่”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เอลฟ์สาวร่างบางที่ดูไม่ค่อยสูงนักคนนั้นใช่ไหม? เธอกลายมาเป็นแม่คนตั้งแต่อายุยังน้อยได้ยังไงนะ?”
จอมพลเอเดนหยอกล้อเด็กน้อยสักครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ผมไปก่อนนะครับ เอาไว้คุณมีอะไรอีกก็ส่งข้อความมาหาผมแล้วกัน ใครที่มันกล้ามาทำอะไรบ้า ๆ ใส่ร้านของคุณก็ส่งรายชื่อมาให้ผมได้เลย”
หลังจากออกจากโรงแรมไห่เว่ยไป จอมพลเอเดนก็เดินไปตามตรอกซอกซอยที่อยู่ห่างไกล เดินผ่านเขตที่อยู่อาศัย ตรงมายังโรงงานขนาดเล็ก
“เห็นหรือยังครับ?” ชายในชุดคลุมสีดำที่อยู่ด้านหน้าจอมพลเอเดนเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ฉันไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า แต่ฉันเห็นเอลฟ์สาวตัวเตี้ยคนนั้น แล้วก็เด็กทารกเอลฟ์ที่แกพูดถึง สวี่หลิงอวิ๋นเจ้าของร้านเป็นคนพามา พวกเธอไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอะไร”
“แล้วแกมาสวมชุดคลุมสีดำบ้าอะไรต่อหน้าฉันเนี่ย ทำยังกับไม่เคยเห็นกันมาก่อน” จอมพลเอเดนพูดถากถางชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า และพูดต่อ “เผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแกขี้ระแวงชะมัด จะมาเหมือนตานหยางที่โผงผางได้ที่ไหน?”
“ถ้าผมไม่รู้จักระแวง พวกผมคงถูกพวกท่านกำจัดกันไปนานแล้ว”
ชายในชุดคลุมถอดเสื้อคลุมออก และชายรูปงามก็ปรากฏตรงหน้าเอเดน
“ท่านได้ทดสอบมั้ยว่าสวี่หลิงอวิ๋นเป็นมนุษย์หรือเอลฟ์?” ถึงแม้บอนาร์จะบอกว่าสวี่หลิงอวิ๋นเป็นมนุษย์ แต่ว่าเขาก็ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี
“มนุษย์! ฉันรู้สึกได้ตั้งแต่แรกเห็น!” จอมพลเอเดนพูดต่อ “แต่ให้พูดตามตรง ต่อให้พวกแกรวมพลังกันก็ยังไม่เก่งกาจเท่าผู้หญิงคนนี้อยู่ดี!”
“พวกแกอยู่ในตลาดมืดนั่นมากี่ปีแล้ว ช่วยเหลือมนุษย์มาตั้งเยอะแยะ แต่ยังต้องดิ้นรนอยู่ตลอด เอาแต่ซ่อนจักรวรรดิดวงดาวไว้จะมีประโยชน์อะไร?! ถ้าไม่ออกมาก็มีแต่จะโดนไล่จับเท่านั้น”
“ฉันจะบอกแกให้ว่าตอนนี้ฉันมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงในรัฐสภาแล้ว แต่ยังมีอีกหนึ่งขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องทำ นั่นคือฝ่าบาท แกก็รู้ว่าการทำให้มนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงเป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นสูงมาก ถ้าจะรวมกฎหมายคุ้มครองการค้ามนุษย์ใส่ไว้ในบทบัญญัติ ฝ่าบาทจะต้องเห็นด้วย”
“ฉันคิดไว้แล้วล่ะว่าสุดท้ายคงจะต้องขอให้สวี่หลิงอวิ๋น เจ้าของร้านอาหารมาช่วย”
อวี้ซินก้มหัวลงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ขอบคุณท่านมากครับ!”
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก แค่ทำเหมือนว่าฉันตอบแทนแบบพ่อลูกก็แล้วกัน” จอมพลเอเดนพูด “แล้วเจ้าแก่บอนาร์ มันยังสบายดีไหม?”
อวี้ซินยังคงรู้สึกโกรธเคืองเมื่อนึกถึงบอนาร์ที่หักหลังเขาเพราะพ่ายแพ้ต่อความสวยของเสี่ยวอ้าย แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าอย่างน้อยบอนาร์ก็ไม่ได้ตามติดเสี่ยวอ้ายไปด้วย เพราะยังอยากจะดูแลพวกเขาอยู่ เขาก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย “อย่าไปพูดว่าแก่ต่อหน้ามันเชียว ไม่งั้นท่านได้แตกคอกับมันแน่”
มันยังคงเป็นอสุรกายร้ายธรรมดาที่ยังไม่ได้ออกเรือน จะไปจัดอันดับให้มันอยู่ในโหมดผู้ชราได้ยังไง?