ตอนที่ 439 เข้าใจผิดเหรอ?
ตอนที่ 439 เข้าใจผิดเหรอ?
เมื่อเห็นเช่นนั้น ซินหยาก็รีบคุกเข่าลง อ้อนวอนขอร้องให้กับองค์ชายใหญ่และองค์ชายสาม
“ท่านพ่ออย่าขับไล่ท่านพี่กับน้องไปเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาก็แค่หลงผิดไป ลูกอยากขอให้ท่านพ่อทบทวนถึงความสัมพันธ์พ่อลูก และให้อภัยพวกเขาด้วยเถอะนะพ่ะย่ะค่ะ!”
คำขอร้องที่จริงใจขององค์ชายรองทำให้คนขององค์ชายใหญ่และองค์ชายสามประหลาดใจ อีกทั้งยังทำให้ผู้ที่เป็นกลางรู้สึกแตกต่างออกไป
องค์ชายรองช่างสมกับที่เลื่องลือจริง ๆ เป็นคนจิตใจงามฝักใฝ่คุณธรรม
จักรพรรดิเฒ่ามองดูลูกชายคนโตและลูกชายคนเล็กผู้แข็งแกร่งอย่างระมัดระวัง เปรียบเทียบกับลูกชายคนรองที่มีความละเอียดอ่อน น่าเลื่อมใส ช่างเป็นเด็กดียิ่งนัก
เขาจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ชายรอง ลุกขึ้น”
ซินหยาผู้ดื้อรั้นไม่ยอมลุกขึ้น เขายังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้นและพูดตอบไปว่า “ท่านพ่อ พี่ชายใหญ่กับน้องสามอาจจะถูกคนข้างล่างหลอกลวงก็ได้ ท่านจะต้องคิดให้รอบคอบและมอบความยุติธรรมให้กับพวกเขา!”
องค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ทั้งสองจ้องมององค์ชายรองด้วยแววตาชั่วร้าย
ชายรองก็ไม่ได้มีจิตใจที่ใสสะอาดนักหรอก! มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่ามือของเขาสกปรกมากแค่ไหน?
แต่เขาโชคดีที่ไม่ได้ถูกสอบสวน เพราะทันทีที่ผลการสอบสวนออกมา การทุจริตยักยอกเงินประเทศชาติอาจจะถูกเปิดโปง และไม่อาจหนีรอดข้อกล่าวหาไปได้!
พวกเขาคิดว่าการร้องขอของชายรองไม่ได้มาจากเจตนารมณ์ที่ดีนัก ทว่าแอบแฝงไปด้วยความคิดชั่วร้ายในใจ!
ทว่าคนภายนอกกลับคิดว่าชายรองเป็นเด็กดีและกตัญญู มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่าชายรองกำลังฆ่าพวกเขาด้วยการยิงปืนนัดเดียว!
จักรพรรดิเฒ่าไม่รู้ว่าลูกชายทั้งสามมีความคิดอย่างไร? รู้เพียงว่าลูกชายคนรองของเขาเป็นเด็กดี
เมื่อเขาเห็นว่าชายใหญ่กับชายเล็กกำลังจ้องเขม็งไปที่ชายรอง เสียงก่นด่าก็ดังขึ้น “พวกเจ้าทั้งสองทำท่าทางอะไรกันอยู่? คิดว่าการที่ชายรองอ้อนวอนให้พวกเจ้านี้เป็นเรื่องที่ผิดบาปงั้นเหรอ?!”
“พอจะรู้อยู่ว่าเจ้าบ้าสองตัวนี้มีเจตนาไม่ดี! เอาแต่สร้างความลำบากใจให้ชายรองทุกวี่ทุกวัน เพราะงั้นข้าขอสั่งให้บ่ายนี้พวกเจ้ารีบออกไปจากที่นี่ซะ! แล้วอย่าได้มาให้ข้าเห็นหน้าอีก”
จักรพรรดิเฒ่าพูดตะคอกก่อนจะกระแอมไอออกมา ชายรองรีบก้าวเข้าไปลูบหลังของผู้เป็นพ่อในทันที และพูดอย่างอบอุ่นว่า “ท่านพ่อ อย่าเอาแต่โมโหนักสิพ่ะย่ะค่ะ ห่วงสุขภาพตัวเองก่อน!”
จากนั้นชายรองตัวปลอมอย่างเขาก็ตะโกนก้องว่า “ไปเอายามา!”
จักรพรรดิเฒ่ารู้สึกว่าชายรองเป็นเด็กดียิ่งนัก ในที่สุดเขาก็มีลูกชายที่น่าพึงพอใจก่อนตายเสียที!
อวี้ซินคอยจับตามองวิดีโอเฝ้าระวัง ในขณะที่โมยาต องค์ชายรองตัวจริงกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเขา
“เป็นไง? การแสดงขององค์ชายรองดีพอไหม?” อวี้ซินเทน้ำชาใส่ถ้วยให้กับองค์ชายรองพลางเอ่ยถามและหัวเราะเยาะ
ใบหน้าของโมยาตบิดเบี้ยวเสียจนไม่น่ามอง!
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? ทำไมถึงได้เนรคุณเรา!” องค์ชายรองยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปได้รับการเปิดเผยแล้ว
พวกมนุษย์เจ้าเล่ห์นัก ริอาจทำถึงขั้นนี้!
อวี้ซินมองดูโมยาตด้วยความขยะแขยงราวกับกินแมลงวันเข้าไป
“ท่านอย่าได้คิดว่าคำว่า ‘บุญคุณ’ จะน่าฟังนักเลย!” อวี้ซินเยาะเย้ย “เราคิดมาตลอดว่าท่านเป็นคนดี ปฏิบัติต่อท่านอย่างผู้มีพระคุณเสมอมา แต่ใครจะไปคิดว่าชื่อของท่านจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนการค้ามนุษย์”
“ไหนท่านลองบอกหน่อยซิ ว่าทำไมถึงแกล้งทำเป็นไร้เดียงสาอยู่ได้?”
สีหน้าขององค์ชายรองเปลี่ยนไป ดวงตาเบิกกว้างกะทันหัน ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ และพูดอย่างนุ่มนวลว่า “เข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจผิดงั้นเหรอ?” อวี้ซินจ้องมององค์ชายรองที่ยังคงสงบนิ่ง จากนั้นเขาก็พบว่าหลักการของเขายังไม่หนักแน่นพอ การที่องค์ชายรองยังมีท่าทีสงบนิ่งในสถานการณ์เช่นนี้มันทำให้รู้สึกละอายใจที่ด้อยกว่า
“บางทีอาจจะเข้าใจผิดก็ได้” อวี้ซินไม่อยากคุยกับเขาอีกต่อไป และเริ่มตั้งคำถาม “สายลับในจักรวรรดิดวงดาวคือใคร?”
โมยาตส่ายหัว ยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้ “เจ้าคิดว่าเรารู้หรือไง? เราก็บอกไปแล้วว่านี่คือเรื่องเข้าใจผิด!”
“มีใครจงใจยั่วยุความสัมพันธ์ของเราใช่ไหม? อวี้ซิน เจ้าก็รู้ดีว่าเราสนับสนุนการปลดปล่อยอิสรภาพของเผ่าพันธุ์มนุษย์มานานแค่ไหนแล้ว!”
อวี้ซินมองดูชายที่เอาแต่พูดปดแม้แต่ตอนที่ความตายคืบคลานเข้ามา ก่อนจะวางหลักฐานทั้งหมดลงต่อหน้าเขา “ท่านคิดว่าเรากำลังปรักปรำท่านอยู่งั้นเหรอ?!”
เขาถอนหายใจขณะจ้องมองโมยาต “เราคิดว่าท่านเป็นคนดี จึงสู้สุดใจเพื่อผลักดันท่านให้ถึงจุดสูงสุด แต่แล้วเป็นไง! ท่านกลับเลื่อนขั้นด้วยเลือดของเผ่าเรา!”
“ถ้าท่านขัดสนทำไมไม่พูด? หรือถ้าอยากสานความสัมพันธ์กับใครเป็นการส่วนตัว ทำไมถึงไม่บอกพวกเรา? ทั้งที่มีวิธีการมากมายแต่ทำไมท่านถึงไม่พูด?” อวี้ซินตะคอกอย่างเย็นชา “สุดท้ายแล้วท่านก็ดูถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ดี ท่านคิดว่ามนุษย์ไม่สมควรได้เชิดหน้าชูตามาตลอดงั้นสิ หลังจากที่ท่านเกลี้ยกล่อมมนุษย์จนสามารถผลักดันตัวท่านขึ้นไปได้แล้ว ท่านก็จะทุบตีเราจนตายในครั้งเดียว และคิดว่าทุกอย่างจะราบรื่นใช่ไหม?”
โมยาตมองดูหลักฐานดังกล่าว หลักฐานพวกนี้มาจากน้ำมือของเขาเอง ทั้งที่คิดว่าปกปิดมันไว้ดีแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าคนพวกนี้จะกู้มันกลับมาได้
แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร เขาก็แค่ยอมรับมัน!
เพียงแต่ว่ารู้สึกแปลกประหลาด เขาเคยผิดพลาดแบบนี้ที่ไหน? เขาเชื่อว่าเขาไม่เคยปล่อยให้ความผิดพลาดของตัวเองหลุดออกมานานมากแล้ว ใครกันที่มีความสามารถยอดเยี่ยมจนถึงขนาดหาความผิดของเขาเจอ?!
โมยาตมองดูและวางหลักฐานเหล่านั้นลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ไม่ได้เสแสร้งอีกต่อไป
“พวกเจ้ารู้ได้ยังไง?”
“ผมไม่บอกหรอกว่ารู้ได้ยังไง ท่านก็แค่บอกมาว่าใครคือสายลับ?” อวี้ซินเอ่ยถาม และพูดต่อว่า “แต่ถ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร เพราะสายลับคนนั้นติดต่อมาหาคนที่ปลอมตัวเป็นท่านแล้ว อีกไม่นานสายลับก็จะต้องเผยตัวออกมาแน่”
ในที่สุดสีหน้าของโมยาตก็เปลี่ยนไป ทว่าเขายังคงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ และพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน “แล้วมารอดูกัน”
อวี้ซินเฝ้าดูโมยาตที่พยายามต่อกร พลังดวงดาวของโมยาตถูกผนึกเอาไว้ และแน่นอนว่าโอคาซีเป็นคนทำสิ่งนี้
ความแข็งแกร่งปัจจุบันของโอคาซีได้รับการเลื่อนขั้นเป็นสิบห้าดาวแล้ว นอกจากนี้ยังมีต้นไม้แห่งชีวิต เพราะฉะนั้นมันจึงง่ายที่จะปิดกั้นพลังจิตของผู้คน
เมื่อไม่นานมานี้สวี่หลิงอวิ๋นทำเงินได้มากมายโดยไม่ต้องทำงานตัวเป็นเกลียว เธอทำเงินได้มหาศาล และตัดสินใจนำไปลงทุนให้กับอวี้ซิน
เผ่าพันธุ์มนุษย์ในจักรวรรดิดวงดาวเหลือน้อยเต็มที และมันไม่ง่ายเลยที่อวี้ซินจะสนับสนุนทุกคนบนดาวเคราะห์ดวงนั้นได้
ไม่ใช่ว่ามนุษย์ทำงานไม่หนักพอ แต่พวกเขาไม่สามารถทำทุกอย่างแบบโจ่งแจ้งได้ หากไม่มีเงินมากพอ พวกเขาก็ไม่สามารถซื้อยานอวกาศหรือของอื่น ๆ ได้ อีกทั้งยังไม่มีเงินพอให้ซื้ออาวุธสลักติดกับดาวเคราะห์หากเกิดวิกฤตการณ์ร้ายแรงขึ้นมา
ถึงแม้สวี่หลิงอวิ๋นจะชื่นชอบการสร้างรายได้และชอบเก็บออมเงิน แต่เธอกลับรู้สึกเห็นใจเผ่าพันธุ์มนุษย์เสียยิ่งกว่าอะไร
เงินที่ได้รับมาถูกใช้ไปกับการคว้านซื้อปืนและลูกกระสุน เผ่าพันธุ์มนุษย์ก้าวข้ามจักรวรรดิเคทเลอร์เพื่อซื้อขายกับจักรวรรดิอื่นโดยตรง และแน่นอนว่าต้องปลอมแปลงเป็นเผ่าพันธุ์อื่นเพื่อไม่ให้ผู้อื่นเกิดความสงสัย