ตอนที่ 476 มาเคาะหน้าประตู
ตอนที่ 476 มาเคาะหน้าประตู
“อีกฝ่ายมีถึงอสุรกายบอนาร์ ผมคิดว่าผมคงไม่มีอำนาจมากพอ”
เขาพูดและวางสายสนทนาทางวิดีโอ ปล่อยให้จักรพรรดิร้องตะโกนโวยวาย ขณะที่เขายังคงนิ่งไม่ไหวติง
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ทหารทั้งหมื่นนายที่เหลืออยู่ “ทหาร พวกคุณอยากจะสู้ต่อหรือวิ่งหนีไป? ถ้าอยากหนีก็วิ่งขึ้นยานอวกาศออกไปซะ แต่ถ้าใครไม่อยากหนี ก็ตามผมมาปกป้องจักรวรรดิจื่อจิน”
เหล่าทหารมองดูอสุรกายทั้งหลายวิ่งไปทั่วทุกหย่อมหญ้าในเมืองหลวง ราวกับพวกมันค้นพบสนามเด็กเล่นแห่งใหม่ พวกมันขึ้นไปเหยียบย่ำบนตึกสูงและสะบัดหางไปมาจนกำแพงทลาย
คนบางกลุ่มเลือกที่จะหลบหนีไป และบางส่วนเลือกที่จะติดตามจอมพลม่ายฮาไปดูแลประชาชน
ถ้าสามารถช่วยได้แค่สองสามคน ก็ช่วยแค่สองสามคน
สวี่หลิงอวิ๋นและเผ่ามนุษย์คนอื่น ๆ อีกมากมายนั่งอยู่บนยานรบและมองดูสถานการณ์อันไร้มนุษยธรรมด้านล่าง เฝ้ามองเงียบ ๆ ราวกับสัตว์เลือดเย็น
นอกจากนี้ยังมีทหารหนุ่มที่ทนดูไม่ไหวหันหน้าหนี อยากจะเกลี้ยกล่อมองค์หญิงสามให้ปล่อยจักรวรรดิจื่อจินไป แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
ทั่วทั้งห้องบัญชาการตกอยู่ในความเงียบสงบ
“พวกนายคิดว่ามันโหดร้ายไหม? ขัดกับธรรมชาติทางการทหารหรือเปล่า?” สวี่หลิงอวิ๋นหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง
สายตาของทหารหนุ่มพวกนั้นแสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจ
“ก็นิดหน่อยครับ คนส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอาวุธ พวกเราทำกับพวกเขาเกินไปหรือเปล่า?”
“ยังมีเด็กเล็กอีกมากมายอยู่ที่นั่น”
“จะไปเห็นใจมันทำไม พวกมันทำกับเผ่ามนุษย์ยังไงบ้าง? ตอนนี้พวกเราก็แค่เอาคืนหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น พวกนายก็เริ่มเห็นใจมันแล้วเหรอ? พวกนายลืมไปแล้วหรือไงว่าคนพวกนั้นทำกับเราเหมือนสัตว์เลี้ยง?”
ลุคค่อนข้างเกรี้ยวกราด ทหารหนุ่มพวกนี้เป็นนักเรียนที่อยู่ในระดับชั้นปีเดียวกันกับเขาและยังมาจากสถาบันการศึกษาทางการทหารของชิงเหย้าเหมือนกัน นั่นจึงทำให้เขายิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
นักเรียนหนุ่มทั้งหลายก้มหน้าลง
พอคิดแบบนี้แล้ว ดูเหมือนว่าผู้คนจากจักรวรรดิอื่นจะไม่เคยมีความเห็นใจต่อกันเลย
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าและมองไปที่ลุค ก่อนจะพูดว่า “ลุคพูดถูก เก็บความเห็นอกเห็นใจไว้ให้เพื่อนร่วมชาติของเราเถอะ ส่วนจักรวรรดิพวกนี้ไม่เคยมองเห็นถึงความเท่าเทียมเลย แล้วทำไมเราจะต้องไปสงสารพวกเขาด้วย?”
“พวกนายต้องจำเอาไว้ว่าการใจดีกับศัตรูจะนำอันตรายมาสู่เรา!”
สวี่หลิงอวิ๋นยังพูดชี้แนะต่อว่า “ฉันไม่ต้องการให้พวกนายตกอยู่ในสภาวะที่เลวร้ายเพราะความใจดีของพวกนาย”
ทหารทั้งหลายพยักหน้า “วางใจได้เลยฝ่าบาท! พวกเราจะไม่ทำแบบนั้น”
“พวกเราแค่สับสนไปพักหนึ่ง เพราะต้องทนดูสภาพที่น่าเวทนาของพวกเขา จนเผลอลืมความเจ็บปวดของเพื่อนร่วมชาติ!”
“พวกเราสัญญาว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก!”
…
ทหารทั้งหลายให้คำมั่นสัญญาทีละคน
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “เอาล่ะ ฉันรับรู้ถึงความมุ่งมั่นของทุกคนแล้ว แต่ตอนนี้เราต้องถอนกำลังออกก่อน ถ้าไม่รีบออกไป จะต้องถูกยานรบลำอื่นปิดล้อมแน่!”
ถึงจะไม่ได้อยู่ในเส้นแบ่งเขตของจักรวรรดิจื่อจิน และต่อให้พวกเขาจะไม่ได้มุ่งเน้นที่กองกำลังทางทหาร แต่ก็ไม่อาจต้านความร่ำรวยของพวกเขาได้ พวกเราไม่ได้ขี้งกกับงบประมาณการฝึกซ้อมทหาร และแม้ว่าอำนาจทางการทหารของพวกเขาจะเทียบเท่ากับอีกสามจักรวรรดิไม่ได้ แต่ก็ถือว่าค่อนข้างทรงพลัง
ตอนนี้เมืองหลวงตกอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว กองกำลังเสริมจากจักรวรรดิอื่นคงจะมาถึงในไม่ช้า!
“มาพูดทักทายพวกเขาสักสองสามคำก่อนออกไปกันดีกว่า มาเถอะ ถ้าไม่พูดทักทายหน่อย มันก็คงจะยังไงอยู่นะ!” สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มอย่างเขินอาย และหันไปมองโอคาซี “เอ่อ ท่านรองผู้บัญชาการเปิดระบบถ่ายทอดสดให้พวกเราทีค่ะ ต้องให้ทุกคนในจักรวรรดิจื่อจินเห็นหน้าฉัน!”
โอคาซีพยักหน้า
ผู้คนกำลังตื่นตระหนกอยู่ ใครจะมามัวดูรายการถ่ายทอดสด? ทว่าภายในจักรวรรดิจื่อจินกลับมีคนประเภทหนึ่งที่ไม่เกรงกลัวความตาย พวกเขาเปิดใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ขณะหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่รู้ว่าพวกเขาแค่ใช้ชีวิตเพื่อรอความตายอยู่หรือเปล่า?
หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าของหญิงสาวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้คนในจักรวรรดิจื่อจินที่กำลังเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์
“สวัสดีทุกคน! ชอบการจู่โจมของอสุรกายกันไหมล่ะ?”
ทุกคนต่างตกตะลึงทันทีที่ได้ยินคำพูดของหญิงสาว ผู้หญิงคนนี้หมายความว่ายังไง? เธอจะบอกว่าเธอเป็นคนดึงดูดอสุรกายพวกนี้มาใช่ไหม?
“ฮ่า ๆ พวกคุณคงจะคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้? แล้วพวกคุณรู้กันหรือยังล่ะว่าฉันคือมนุษย์?”
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มและพูดต่อ
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เผ่ามนุษย์เราถูกจักรวรรดิของพวกคุณบีบบังคับให้อยู่อย่างผู้ลี้ภัย เพราะงั้นวันนี้ฉันจะมอบของขวัญให้พวกคุณ!” สวี่หลิงอวิ๋นพูดพลางยิ้มเยาะ “อสุรกายพวกนี้ถือว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยสำหรับพวกคุณก็แล้วกัน หวังว่าพวกคุณจะชอบมันนะ! ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ฉันก็จะพาเจ้าพวกนี้มาทักทายปีใหม่แล้วกัน หรือเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกคุณดี หวังว่าพวกคุณจะไม่รำคาญกันล่ะ!”
“อ๋อ อีกอย่าง ฉันจะบอกอะไรพวกคุณให้นะ!” สวี่หลิงอวิ๋นเอียงหัว “หลังจากนี้ไปถ้าพวกคุณยังซื้อขายมนุษย์อยู่อีก ฉันก็จะมาเยี่ยมดาวเคราะห์พวกคุณอีก คิดยังไงกับข้อตกลงนี้ล่ะ? ฉันคิดว่ามันค่อนข้างคุ้มค่านะ แลกเปลี่ยนชีวิตของพวกคุณหลายคนกับชีวิตของมนุษย์สองสามคน ไม่เลวทีเดียว”
“วันนี้ขอจบกิจกรรมเพียงเท่านี้ แล้วเจอกันใหม่!”
เมื่อพูดจบ สวี่หลิงอวิ๋นก็กดปิดวิดีโอ
หลังจากนั้นผู้คนในจักรวรรดิจื่อจินก็รู้ว่าอสุรกายเหล่านี้ถูกเรียกตัวออกไป พวกมันทะยานออกจากจักรวรรดิของพวกเขาและหายตัวไป
ผู้คนที่ยังมีชีวิตรอดหลายคนออกมาจากชั้นใต้ดิน มองดูซากปรักหักพังราวกับฝันไป ไม่มีแม้แต่พื้นดินให้เหยียบย่ำ
แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนล่ะ?!
จักรพรรดิถูกฝังอยู่ในห้องใต้ดิน องครักษ์ทั้งหลายที่อยู่รอบตัวเขาพยายามจะเปิดทางเดินของชั้นใต้ดิน แต่กลับไม่สามารถเปิดได้ อุปกรณ์ภายนอกถูกทำลายจนหมด และเครื่องจักรไม่สามารถเปิดใช้งานได้ มีเพียงแรงจากกำลังคนเท่านั้น
“เชี่ย! เชี่ย! เชี่ยเอ๊ย!” จักรพรรดิร้องตะโกนเสียงดังลั่น เขาไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว และท้องของเขาก็เริ่มหิว
“ก็แค่พวกมนุษย์ กล้าดียังไงมากลั่นแกล้งเบื้องบนแห่งจักรวรรดิจื่อจิน! รอให้ข้าออกไปได้ก่อน ไอ้มนุษย์พวกนั้นได้เห็นดีแน่!”
“ทำไมยังไม่มีใครมาช่วยอีก? พวกมันทำอะไรกันอยู่? ไปกินขี้กันอยู่หรือไง?”
จักรพรรดิผู้ที่ไม่เคยสบถคำหยาบปริปากพูดครั้งแล้วครั้งเล่า เหล่าองครักษ์ที่อยู่รอบข้างอดกลั้นต่อความขุ่นเคืองของจักรพรรดิเงียบ ๆ ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
“ถามพวกแกนั่นแหละ เจ้าพวกโง่!”
การที่ทุกคนไม่ตอบรับมันยิ่งทำให้เขารู้สึกโกรธมากขึ้น! เขาจึงหันไปที่องครักษ์และระบายความขุ่นเคือง
“ฝ่าบาท ทีมกู้ภัยเพิ่งติดต่อมาพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาบอกว่าจะมาถึงภายในครึ่งชั่วโมง” องครักษ์คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา