ตอนที่ 498 จะสู้หรือไม่สู้
ตอนที่ 498 จะสู้หรือไม่สู้
“ฮ่า ๆ! กลุ่มตัวตลก? ถ้าพวกมนุษย์คือกลุ่มตัวตลก แกก็หมายความว่าพวกโจรสลัดคือมดตัวน้อยตัวนิดงั้นเหรอ?”
จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิสโตว์มองดูลูกชายผู้โง่เขลาด้วยสายตาเย็นชา “ถึงพวกมันจะเป็นตัวตลก แต่แกสามารถเอาชนะสุดยอดอาวุธได้ไหมล่ะ?”
“พ่อก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จักรวรรดิของเราจะได้ครอบครองอาวุธแบบนั้นบ้าง ถ้ามีอาวุธแบบนั้นอยู่ เราก็คงจะเอาชนะสี่จักรวรรดิใหญ่ได้ภายในชั่วพริบตาใช่ไหม?”
องค์ชายรองชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ยังปฏิเสธที่จะยอมแพ้
“ดาวโจรสลัดยืนหยัดได้เพราะทุกคนมีรากฐานแข็งแกร่ง แต่เผ่ามนุษย์ไม่ใช่อย่างนั้น! พวกมันสร้างศัตรูไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ถ้าพวกมันมาโจมตีจักรวรรดิสโตว์ของเรา เราจะรวมพลังกับจักรวรรดิอื่นเพื่อสู้กลับ ลูกไม่เชื่อหรอกว่าเราจะเอาชนะยานลำเล็กอย่างพวกมนุษย์ไม่ได้!”
โง่! โง่ชนิดที่ว่าหาทางออกไม่ได้!
“ในเมื่อเจ้าเก่งนักก็ลองติดต่อหาจักรวรรดิอื่นดู พ่ออยากจะเห็นเหลือเกินว่าเจ้าจะมีความสามารถมากแค่ไหน จักรวรรดิไหนจะมาร่วมมือกับเจ้าโดยไม่เกรงกลัวเผ่ามนุษย์”
องค์ชายรองผู้ไม่เชื่อในความชั่วร้ายของมนุษย์รีบวิ่งออกไปติดต่อหาคนอื่น!
จักรพรรดิถอนหายใจหลังจากมองดูลูกชายที่รีบวิ่งออกไป และหันไปมองข้าราชการที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเหน็ดเหนื่อย
“พวกเจ้าว่าจะทำยังไงดี?”
ทำยังไง? สู้ก็ไม่ได้ ไม่สู้ก็ไม่ได้
พวกเขากลัวว่าจะสู้ไม่ได้ เพราะอีกฝั่งมีสุดยอดอาวุธ มีอสุรกายร้ายสองตัว รวมถึงมีวิธีการใช้พืชแปลกประหลาดมาโจมตี วิธีการแต่ละอย่างทำให้พวกเขาสั่นสะท้าน
“ไปขอความสันติเถอะพ่ะย่ะค่ะ!” รัฐมนตรีพูดขึ้น “อย่างที่องค์ชายรองว่า ถ้าเราร่วมมือกันก็อาจจะเอาชนะการต่อสู้ได้ แต่สำหรับจักรวรรดิของพวกเราแล้ว มันยากที่จะเอาชนะได้นะพ่ะย่ะค่ะ และความสูญเสียจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว!”
“ลองคิดดูนะพ่ะย่ะค่ะ เราเพิ่งสร้างเมืองหลวงใหม่เอง ขนาดจักรวรรดิจื่อจิน พวกเขายังต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก!”
จักรวรรดิจื่อจินเป็นหนึ่งในสี่จักรวรรดิใหญ่ที่ตกอยู่ในสภาวะสงครามกลางเมือง การสร้างเมืองหลวงขึ้นมาใหม่ค่อนข้างยากเย็น มีแต่หลุมและบ่อ เพราะเผ่ามนุษย์มักจะเข้ามาเดินเล่นเป็นครั้งคราว ทำให้การปลูกสร้างเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น
จักรวรรดิจื่อจินเป็นหนึ่งในสี่จักรวรรดิใหญ่ที่เหนื่อยล้าจากการกระทำของเผ่ามนุษย์ ก็ดูจักรพรรดิพวกเขาสิ ก่อนหน้านี้ชอบยั่วโมโหพวกมนุษย์ไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้แม้แต่บัลลังก์ก็ยังไม่มั่นคง!
“เพราะงั้นตอนนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็ไปร้องขอสันติเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”
“แต่ถ้าไปร้องขอสันติมันจะไม่น่าอายไปหน่อยเหรอ?” รัฐมนตีคนหนึ่งรู้สึกกังวล เพราะนี่เป็นเรื่องระดับประเทศ ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล!
จักรวรรดิจะต้องเสียหน้า และจักรวรรดิอื่นจะดูถูกพวกเขา!
“ตอนนี้จะมีอะไรให้ต้องเสียหน้าอีก? การรักษาความแข็งแกร่งไว้ย่อมสำคัญกว่าไม่ใช่เหรอ?” รัฐมนตรีผู้ให้การสนับสนุนการร้องความสันติพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราต้องสู้กันอย่างยากลำบากจนความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับสี่จักรวรรดิใหญ่ ถ้าปล่อยให้พวกมนุษย์ทำลายทุกอย่างทิ้ง มันจะกลายเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่เคยมีมา!”
“ดูสี่จักรวรรดิใหญ่สิ พวกนั้นก็ไม่ได้ออกแถลงการณ์ไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่ากลัวพวกมนุษย์จนตาขาวหรือไง?”
จักรพรรดิพยักหน้า แม้ว่าคำพูดจะไม่น่าฟัง แต่ก็สมเหตุสมผล!
“ถ้าอย่างนั้นส่งต่อเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศที! ทำให้มั่นใจว่าพวกมนุษย์จะไม่มาโจมตีจักรวรรดิเรา!”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
บรรดารัฐมนตรีทำความเคารพและเฝ้ามองจักรพรรดิจากไป
องค์ชายรองผู้คึกคะนองติดต่อหาเพื่อนผองจากตระกูลราชวงศ์ในจักรวรรดิแห่งอื่น และพูดคุยเกี่ยวกับแผนการของเขา!
“เฮ้ แจ็ค! ฉันรับประกันได้เลยว่ารอบนี้จะต้องสนุกแน่!”
“มาร์ติน อยากมาด้วยกันมะ? นายจะพาองครักษ์ไปด้วยก็ได้นะ!”
[ไดน่า ถึงเธอจะเป็นองค์หญิง แต่เธอก็เข้าร่วมได้ใช่ไหม?]
…
เพื่อนขององค์ชายรองล้วนเป็นสมาชิกในตระกูลราชวงศ์ที่มีกองกำลังเป็นของตัวเอง และพวกเขามีอำนาจเหนือกองกำลังอย่างแน่นอน!
จักรพรรดิคิดว่าบัญชีผู้ใช้บนอินเทอร์เน็ตขององค์ชายรองและคลื่นสัญญาณถูกจำกัดเอาไว้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า…
ลูกชายคนนี้มีวิธีการติดต่อหาเพื่อนฝูงอย่างที่เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อน และเขาสามารถติดต่อหาเพื่อนของเขาได้โดยตรง
จักรพรรดิยังคงคิดหาวิธีสงบสติอารมณ์ เตรียมพร้อมจะสละใบหน้าเพื่อกู้จักรวรรดิ ในขณะที่องค์ชายมีความสุขกับการจะได้ออกไปรบ!
ถึงแม้ว่าองค์ชายรองจะถูกจำกัดการเดินทาง ทว่าเขากลับสามารถแอบออกไปได้
กว่าจักรพรรดิและคนอื่น ๆ จะรู้เรื่องขององค์ชายรอง มันก็สายไปเสียแล้ว!
ตอนแรกสวี่หลิงอวิ๋นได้รับวิดีโอขอขมาจากจักรพรรดิ เธอถึงกับคิดว่าจะปล่อยมันไปดีหรือไม่ แต่ในขณะเดียวกัน เธอกำลังถูกยานอวกาศหลายสิบลำปิดล้อมอยู่!
เฮอะ! เธออยากจะเห็นเหลือเกินว่าพวกไหนกล้ามาบุกยานรบของเผ่ามนุษย์? ไร้สมองหรือไม่คิดใส่ใจกันแน่?
คนกลุ่มนี้คือกองทัพยานอวกาศที่องค์ชายรองแห่งจักรวรรดิสโตว์ก่อตั้งขึ้น โดยรวบรวมองค์ชายและองค์หญิงจากจักรวรรดิอื่น พวกเขาคิดว่าตัวเองมีกองกำลังติดอาวุธที่ยอดเยี่ยม สามารถโจมตีเผ่ามนุษย์ได้โดยไม่ต้องวางแผนอะไร และบางทีผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์อาจจะปราฏขึ้น?
น่าเสียดายที่คนกลุ่มนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยอสุรกายขนาดมหึมาที่นำโดยเสี่ยวอ้ายและบอนาร์ ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาจะจำได้ว่าเผ่ามนุษย์มีผู้ช่วยเป็นอสุรกายจำนวนนับไม่ถ้วน?
ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร พวกเขาก็เดินลงมาจากยานอวกาศด้วยตัวเอง
ส่วนทหารที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาถูกกวาดล้างไปจนหมด
เยี่ยมมาก!
กล้องถ่ายทอดสดของสวี่หลิงอวิ๋นจับสีหน้าของเหล่าองค์หญิงและองค์ชายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้พวกเขาได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง!
นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเติมเต็มความฝัน
สวี่หลิงอวิ๋นนั่งลงบนเก้าอี้ มองดูกลุ่มชายหญิงคุกเข่าลงต่อหน้า และพูดกับผู้คนรอบข้าง “พวกนายช่วยบอกทีว่าสมองขององค์หญิงองค์ชายพวกนี้ถูกอสุรกายกินไปแล้วหรือยังไง? พวกเขาคิดว่ากองกำลังติดอาวุธแค่เล็กน้อยจะฆ่าพวกเราได้เหรอ?”
“บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าท่านเป็นคนน่ารัก เพราะงั้นก็น่าจะอ่อนโยนกว่านี้ไหม?”
“ก็คงอย่างงั้น! โธ่! ความสวยพิฆาตของฉัน!” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า และถอนหายใจ “ถึงพวกเขาจะมึนเมาในความสวยของฉัน แต่บาปนี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ส่งข้อความไปหาจักรวรรดิขององค์หญิงองค์ชายพวกนี้ บอกเดิมทีที่ขอดาวเคราะห์สองดวง ขอเปลี่ยนเป็นสี่ดวงแทน!”
ดีมาก! เหล่านักเรียนทหารเริ่มนับหัวองค์หญิงและองค์ชายเหล่านั้นรายคน ทั้งหมดมีสิบห้าคน ไม่มากไม่น้อย!
นับว่าเป็นเงินก้อนโตอีกก้อนหนึ่ง!
“ฮือ ๆๆ! ขอร้องล่ะ อย่าบอกเสด็จพ่อเราเลยนะ! เขาไม่ยอมให้ค่าไถ่ตัวหรอก!”
องค์ชายคนหนึ่งร้องไห้และพูดอ้อนวอน หากจักรวรรดิต้องสูญเสียดาว
เคราะห์อีกสองดวงเพราะเขา หากเขากลับไป ความโกรธแค้นของทั้งจักรวรรดิจะต้องตกมาอยู่ที่เขาเป็นแน่!