บทที่ 25 อาจารย์ของคุณคือใคร?
บทที่ 25 อาจารย์ของคุณคือใคร?
วัฒนธรรมจีนทั้งกว้างใหญ่และลึกซึ้ง…
มันดูเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง นั่นก็คือมีใบหน้าหนึ่งหลังแต่งหน้า และอีกใบหน้าหนึ่งหลังจากล้างหน้า
“ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่?” หยางเฉิงโซถามโจวอี้ หลังจากได้ยินคำอธิบายของอีกฝ่ายเรื่องรูปภาพบนผนัง
“ยี่สิบสี่” โจวอี้ตอบ
การแสดงออกของหยางเฉิงโซค่อนข้างซับซ้อน แววตาที่ลึกล้ำของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย
เขาไม่ชอบถ่ายรูป!
ยี่สิบปีที่แล้ว นอกจากรูปถ่ายติดบัตรแล้ว เขาก็มีประสบการณ์ในการถ่ายภาพเพียงสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกคือถ่ายรูปครอบครัว ส่วนอีกครั้งหนึ่งคือถ่ายรูปหมู่กับพวกเพื่อนเก่า
“ในรูปนั้น นอกจากฉันแล้ว มีพี่คนโตคนไหนในครอบครัวคุณด้วย?” หยางเฉิงโซถาม
“อาจารย์ของผมเอง”
“เขาชื่ออะไร?”
“บอกไม่ได้!” โจวอี้ส่ายหัวช้า ๆ
“ทำไม?” หยางเฉิงโซถามอย่างเร่งรีบ
“อาจารย์ของผมไม่ยอมให้ผมบอกว่าใครเป็นคนสอนวิชาให้ผม เพราะเธอรู้สึกละอายใจ” โจวอี้พูดด้วยรอยยิ้มแห้ง
หยางเฉิงโซเงียบไปทันที…
เขาเดาได้แล้วว่าอาจารย์ของโจวอี้เป็นใคร
ในรูปนั้นมีอยู่ห้าคน มีสองคนที่เขารู้ว่าเสียชีวิตไปแล้ว และอีกหนึ่งคนอาศัยอยู่อย่างสันโดษที่หยางเฉิง และกำลังสนุกกับชีวิต มีเพียงเธอเท่านั้น…ที่หายไปกว่ายี่สิบปี
“เธอสบายดีไหม?” หลังจากผ่านไปนาน หยางเฉิงโซก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“ดีมาก…”
โจวอี้ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้มากไปกว่านี้ หวงไท่เทาจึงแนะนำเฉินเจียนหรง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงให้โจวอี้รู้จัก จากนั้นหวงไท่เทาก็นำทางทุกคนไปที่ห้องของผู้อาวุโสหวง
“ความเสียหายของปอด เกิดจากการกลับมาเป็นซ้ำของโรคเก่า สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาต้ม ร่วมกับการฝังเข็ม” โจวอี้กล่าวขึ้นเมื่อได้พิจารณาอาการป่วยของผู้อาวุโสหวง
“ความเสียหายของปอดคืออะไร?” เฉินเจียนหรงสงสัย
โจวอี้มองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
จู่ ๆ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจินหลิงแห่งการแพทย์แผนจีนก็ไม่รู้เรื่องนี้?
โจวอี้ไม่ได้อธิบายอะไร แต่ขอให้หวงไห่เทาช่วยถอดเสื้อคลุมของผู้อาวุโสหวง จากนั้นเขาก็นำเข็มเงินออกมา แล้วแทงเขาเข้าไปในจุดต่าง ๆ ตามร่างกายของชายชราทีละจุด
เทคนิคการฝังเข็มของเขามีความพิเศษอย่างมาก ทุกครั้งที่เขาเจาะเข็มสีเงินเข้าไป เขาจะใส่ร่องรอยของพลังปราณเข้าไปด้วย
หลังจากผ่านด่านแรก โจวอี้ก็ดึงเข็มเงินออก แล้วฆ่าเชื้อด้วยสำลีแอลกอฮอล์…
เวลานี้หยางเฉิงโซได้หันไปตอบคำถามของเฉินเจียนหรง “ความเสียหายของปอดเป็นชื่อเก่า การแพทย์แผนจีนสมัยใหม่เรียกว่า ‘พังผืดในปอด’ นี่ทำงานมานานขนาดนี้ยังไม่รู้อีกเหรอ?”
ไม่ละอายใจเหรอ? โจวอี้อายุน้อยกว่ายังรู้เลย
แก้มของเฉินเจียนหรงร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความอับอาย เขากระแอมไอสองสามครั้งออกมาโดยไม่กล้าพูดอะไรอีก
จากนั้นก็มีการฝังเข็มครั้งที่สอง และครั้งที่สาม
จุดฝังเข็มเดียวกัน เทคนิคการฝังเข็มแบบเดียวกัน ย่อมจำเป็นต้องป้อนร่องรอยของพลังปราณเข้าไปด้วย
หลังจากการฝังเข็มและการรมยาสามครั้ง โจวอี้ก็เอาเข็มเงินออกมาฆ่าเชื้อ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “จากนี้ใช้ยาต้มต่อไป แล้วอีกสามวันผมจะกลับมาฝังเข็มและรมยาอีกครั้ง”
“ต้องฝังเข็มกี่ครั้ง?” หวงไห่เทารีบร้อนถาม
“ท่านหวงมีอาการกำเริบจากโรคเก่า แต่อาการของเขายังไม่รุนแรง ใช้เวลาเพียงสามครั้งเท่านั้น ผมจะให้ใบสั่งยา รับประทานไประยะหนึ่งแล้วก็จะค่อย ๆ ฟื้นตัวได้ตามปกติ” โจวอี้กล่าว
“แล้วมันจะไม่เกิดขึ้นอีกเหรอ?” หวงไห่เทาถามอย่างกังวล
“ถ้าคุณไม่ติดหนี้ คุณจะไม่ป่วยอีก” โจวอี้ตอบอย่างใจเย็น
เป็นหนี้?
หวงไห่เทาเหลือบมองผู้เป็นปู่ทันที ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าสาเหตุที่ปู่ของเขามีอาการกำเริบก็เพราะเขาเป็นหนี้อาจารย์ของโจวอี้
ถ้าเขาคืนเงินไปตั้งแต่แรก อีกฝ่ายก็อาจติดตามผลการรักษาให้ สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการให้ใบสั่งยาสำหรับการรักษา และการพักฟื้นเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่กำเริบขึ้นอีก
หลังจากคิดเรื่องนี้ได้ก็พลันรู้สึกเสียใจยิ่งขึ้น เขายังรู้สึกหนาวเล็กน้อยเมื่อนึกนึกยาจีนที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้น
เขาจำสิ่งที่ปู่ของเขาเคยพูดไว้ได้ ทักษะทางการแพทย์สามารถช่วยชีวิตคนตายและรักษาผู้บาดเจ็บได้ แต่ก็ยังสามารถฆ่าผู้คนได้โดยไม่ปรานี
อาจารย์ของโจวอี้สามารถปล่อยให้อาการเจ็บป่วยของปู่เขากำเริบขึ้นมาได้จากการทิ้งบางอย่างไว้ข้างหลัง
วิธีการนี้ไม่ฉลาดนัก แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะไปแก้ไข…
เวลาห้าทุ่มกว่า
พวกเขาพากันออกมาจากคฤหาสน์ของตระกูลหวง และโจวอี้ถูกหยางเฉิงโซรั้งเอาไว้
“โจวอี้ เราหาที่คุยกันได้ไหม? ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณ”
“โอ้ คุณสามารถถามผมได้ตลอดเวลา ว่ามาสิครับ”
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
“ขึ้นแท็กซี่มา”
“งั้นตอนนี้ก็ขึ้นรถของเฉินเจียนหรง! เราจะพาคุณกลับเอง และเราจะคุยกันระหว่างทาง” หยางเฉิงโซกล่าว
“ขอบคุณนะครับ”
เฉินเจียนหรงขับรถและมองไปยังถนนด้านหน้าด้วยความรู้สึกหมดหนทาง
เขาเป็นถึงรองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง เขามักจะได้รับการชื่นชมและได้รับเกียรติจากทุกที่ที่เขาไป
แต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนขับรถ!
“โจวอี้ ผมเคยเห็นวิดีโอที่คุณช่วยชีวิตผู้คนในที่เกิดเหตุ และเห็นวิธีทางการแพทย์ที่คุณใช้อยู่หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการสัมผัสกระดูกใช่ไหม?” หยางเฉิงโซถาม
“ใช่…” โจวอี้ตอบ
“คุณไปเรียนมาจากไหน?”
“อาจารย์ของผมสอน”
“เป็นไปไม่ได้ ฉู่เทียนหุยไม่รู้วิธีสัมผัสกระดูก เราเป็นเพื่อนกันในสมัยนั้น เธอไม่สามารถปกปิดเรื่องนั้นจากผมได้” หยางเฉิงโซส่ายหัวขณะกล่าว
โจวอี้กะพริบตา เขาไม่แปลกใจเลยที่หยางเฉิงโซจะเดาได้ว่าใครคืออาจารย์ของเขา
“ชื่อเทคนิคการฝังเข็มที่คุณใช้คืออะไร คุณเรียนรู้มาจากใคร?” หยางเฉิงโซถามอีกครั้ง
“เข็มเกิดใหม่” โจวอี้ตอบ
“เข็มเกิดใหม่ของชายชราผู้ไร้หัวใจงั้นเหรอ? คุณ?!” หยางเฉิงโซอ้าปากค้าง
จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจ้องมองไปรอบ ๆ และพึมพำว่า “เข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจที่ฉู่เทียนหุยไม่ต้องการที่จะบอกว่าเธอเรียนรู้มาจากไหน นั่นเพราะเธอเป็นศิษย์ของชายชราผู้ไร้หัวใจคนนั้น!”
“ผมไม่ได้พูดอะไร” โจวอี้หันหน้าออกไปทันที และแสร้งทำทีเป็นมองออกไปนอกกระจกรถ
ไม่ว่าจะเป็น ‘มือสัมผัสกระดูก’ และ ‘เข็มเกิดใหม่’ ก็ล้วนเรียนรู้มาจากชายชราผู้โหดเหี้ยมของอาจารย์ แต่น่าเสียดายที่อาจารย์ผู้นั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนที่โจวอี้อายุเพียงสิบสี่ปี
มีทักษะพิเศษเพียงสองทักษะที่ใช้ถ่ายทอดให้ผู้ชายเท่านั้น ทว่าอาจารย์ของเขาเป็นผู้หญิง เธอจึงล้มเหลวในการเรียนรู้ทั้งสองทักษะนี้ นั่นก็คือมือสัมผัสกระดูก และเข็มเกิดใหม่ อาจารย์ผู้โหดเหี้ยมคนนั้นจึงอารมณ์เสีย และทุบตีอาจารย์ของเขาทุกครั้ง
หยางเฉิงโซเห็นว่าโจวอี้เงียบไป และเขาไม่ต้องการยุติการสื่อสารกับอีกฝ่าย เขาจึงหยิบยกอาการป่วยที่รักษาได้ยากมาหลายกรณีเพื่อหารือกับโจวอี้
ยิ่งพูดคุยกันมากเท่าไหร่ หัวข้อก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้น โจวอี้รู้สึกว่าชายชราผู้นี้หยั่งรู้ อีกทั้งการวินิจฉัยและการรักษาโรคก็ยังมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างมาก
เฉินเจียนหรง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนที่บัดนี้รับผิดชอบหน้าที่คนขับรถ ก็ยังรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ เขาคิดว่าโจวอี้มีความรู้เรื่องยาจีนได้อย่างลึกซึ้ง และตระหนักได้ว่าก่อนหน้านี้เขาคงประเมินอีกฝ่ายต่ำไป
เพราะโจวอี้มีความรู้และความคิดเห็นทางการแพทย์ที่ดีกว่าเขามาก!