หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า [超级奶爸] – บทที่ 54 บาร์ซินเทียน

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า [超级奶爸]

บทที่ 54 บาร์ซินเทียน

บทที่ 54 บาร์ซินเทียน

โจวอี้ถึงกับหมดเรี่ยวแรงเมื่อออกมาจากห้องผ่าตัด

เกือบสองชั่วโมงที่ตึงเครียดเพราะต้องเย็บหลอดเลือดนั้นทำให้พลังปราณของเขาสิ้นเปลืองอย่างมาก

ชายหนุ่มเคยเย็บหลอดเลือดมานับไม่ถ้วน แต่เขาเคยเย็บให้กับพวกสัตว์บนภูเขาเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกในการเย็บหลอดเลือดของมนุษย์

ประสบความสำเร็จ!

แต่ตอนนี้เหนื่อยมาก!

เมื่อมองไปยังเฉินเจี้ยนหรงและแพทย์คนอื่น ๆ ที่อยู่นอกห้องผ่าตัด โจวอี้ก็ทักทายพวกเขาและเดินไปห้องข้าง ๆ เพื่อเปลี่ยนชุด

หลังจากนั้น โจวลี่ลี่ก็รีบมาขอบคุณเขาอย่างซาบซึ้ง “หมอโจวคะ ขอบคุณ! ขอบคุณมาก!”

เธอไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่เธอได้เรียนรู้จากแพทย์คนอื่น ๆ ว่าอาการบาดเจ็บเช่นนี้อันตรายอย่างยิ่ง ถ้าโจวอี้ไม่ได้ช่วยน้องชายของเธอห้ามเลือด เธอกลัวว่าแม้แต่โรงพยาบาลก็ไม่อาจยื้อชีวิตน้องชายเธอได้เพราะเขาสูญเสียเลือดมากเกินไป

โจวอี้เป็นผู้ช่วยชีวิตน้องชายของเธอไว้

“ไม่เป็นไรครับ” โจวอี้ยิ้มและถามต่อ “แล้วพี่หวังอยู่ที่ไหน?”

“เขา…” โจวลี่ลี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”

“คนที่แทงน้องชายฉันอยู่ในบาร์ซินเทียน เขาพาคนไปตามหาฆาตกรอยู่” โจวลี่ลี่เอ่ยอย่างกังวล

“พี่อู๋และพี่หวังตามพวกเขาไปด้วยเหรอ?” โจวอี้ขมวดคิ้ว

“อืม!”

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดเบอร์ของหยางจื่อต้งแต่กลับไม่มีใครรับสาย เขายังคงโทรหาอู๋ฉี่หางและหวังเจิ้งเหว่ย แต่ก็ไม่มีใครรับสายเช่นกัน

มีบางอย่างผิดปกติ!

ถ้าหนึ่งหรือสองคนไม่รับสายก็อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ถ้าทั้งสามคนไม่รับสาย นั่นแสดงว่าอาจมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นแน่!

“ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

จากนั้นโจวอี้จึงรีบออกจากโรงพยาบาลและนั่งแท็กซี่ไปที่บาร์ซินเทียนทันที

ทันทีที่มาถึงบาร์ซินเทียน โจวอี้ก็เห็นชายสองคนในชุดสูทยืนอยู่ที่ประตู พวกเขาดูตื่นตัวอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ไม่มีแขกเข้าออก ทำให้โจวอี้ตระหนักได้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นในบาร์แห่งนี้

“วันนี้ปิดแล้ว เชิญวันอื่นเถอะ!” ชายสองคนในชุดสูทหยุดโจวอี้ไว้ด้วยน้ำเสียงขึงขัง

“ผมจะเข้าไปตามหาคน” โจวอี้กล่าวไปตามตรง

“อย่ามาสร้างปัญหา ไม่อย่างนั้นฉันจะให้นายนอนเป็นผักอยู่ตรงนี้!” ชายในชุดสูทขู่

“ไปให้พ้น!” ดวงตาของโจวอี้ฉายแสงเย็นวาบ ในขณะที่ชายสองคนในชุดสูทเริ่มต่อสู้ในทันที พวกเขาถูกชกไปสองครั้ง

จากนั้นโจวอี้ก็ไม่รีรอ เขาเตะชายสองคนจนหมดสติไป ก่อนจะคว้าคอเสื้อแล้วดึงเข้าไปในบาร์

ทางเดินข้างหน้ายาวกว่าสิบเมตร ภายในประตูด้านในมีฟลอร์สำหรับเต้นที่ส่องสว่างด้วยแสงไฟหลากสี

ทว่าขณะนี้ไม่มีดนตรีร้อนแรง ไม่มีท่าทางที่บ้าคลั่งของชายหนุ่มและหญิงสาว และไม่มีบรรยากาศแห่งแสงและสุรา

รอบ ๆ ฟลอร์เต้นรำมีชายร่างใหญ่จำนวนหนึ่งโหลสวมชุดคล้ายนักเลงคุมบาร์และแนบมีดไว้กับตัว บนฟลอร์เต้นรำมีคนห้าคนที่ไม่รู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่…

และตรงนั้น

มีคนสองคนนั่งอยู่บนโซฟา พวกเขากำลังสูบบุหรี่และดื่มเหล้า และยังมีชายร่างใหญ่สี่คนยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา

ชายสองคนนั่งทรุดตัวลงอยู่ข้างหน้าพวกเขา ศีรษะของพวกเขาแตกและร่างกายมีรอยฟกช้ำ พวกเขาคือหยางจื่อต้งและหวังเจิ้งเหว่ย!

“มีบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ” โจวอี้ รู้สึกหมดหนทางเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

หลักการที่พวกเขาควรทำคือการโทรหาตำรวจตั้งแต่แรก แต่หยางจื่อต้งไม่ได้โทร เขากลับพาใครสักคนมาแก้แค้นแทน

นี่ไม่ฉลาดเลย

เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนที่กล้าทำร้ายผู้อื่นอย่างรุนแรงนั้นต้องไม่ใช่คนดีหรือคนธรรมดาแน่นอน

หลักการอื่น ๆ ของโจวอี้คือพยายามอย่าสร้างปัญหา และอย่าทำตัวเด่น ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาชีวิตและเวลาอันมีค่าในการเลี้ยงดูลูกสาวตัวน้อย

แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันทำเช่นนั้นได้ยาก

เขาเดินเข้าไปในฟลอร์เต้นรำและมาหยุดอยู่ที่อู๋ฉี่หางซึ่งหมดสติไป ชายหนุ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเขาและพบว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น

จากนั้นโจวอี้ก็เข้าไปตรวจสอบอาการบาดเจ็บของคนหนุ่มสาวอีกสี่คนที่หมดสติไป เขาคิดว่าหากคนเหล่านี้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลทันเวลาเพื่อรับการรักษา พวกเขาคงจะไม่พิการ

ที่โซฟา…

เจี่ยงจื่อหาวและจางเหล่ยเฝ้าดูผู้มาใหม่ด้วยความสนใจ และกำลังจะรีบเร่งจะไปจัดการอีกฝ่าย แต่เจี่ยงจื่อหาวกลับยกมือขึ้นห้ามไว้

ทางด้านหวังเจิ้งเหว่ยและหยางจื่อต้งเมื่อพบว่าโจวอี้มาถึงที่นี่แล้ว พวกเขาพลันยินดีขึ้นมา แต่หัวใจของพวกเขาก็ห่อเหี่ยวลงอีกครั้ง

หลังจากตรวจสอบอาการบาดเจ็บของคนทั้งห้าแล้ว โจวอี้ก็เดินไปยังที่นั่งการ์ด

“โจวอี้ คุณ…” ริมฝีปากของหยางจื่อต้งแทบบิดเบี้ยว สุดท้ายเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

เขาต้องการให้โจวอี้รีบหนีไป แต่โจวอี้คงไม่ทำเช่นนั้น

“ไม่เป็นไร”

โจวอี้ยิ้มและเริ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บให้พวกเขาทั้งสองคน

ชายหนุ่มพบว่าขาขวาของหยางจื่อต้งและหวังเจิ้งเหว่ยหัก ส่วนแขนขวาของหยางจื่อต้งก็หักเช่นกัน ส่วนอาการบาดเจ็บอื่น ๆ ตามร่างกายนั้นไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

“ฉัน…” หยางจื่อต้งอ้าปากกำลังจะพูดบางอย่าง แต่โจวอี้กลับยกมือขึ้นขัดจังหวะ

โจวอี้ปรายตามองไปหาทั้งสองคนบนโซฟา เขายิ้มแล้วถามว่า “เราไปได้หรือยัง?”

“ไป? ไอ้หนุ่ม แกคิดว่านี่คือตลาดสดเหรอ? นึกจะไป ๆ มา ๆ ตามใจชอบได้เหรอ? ฮ่า ๆ!” เจี่ยงจื่อหาวหัวเราะ

“แล้วคุณจะทำอะไร คิดจะฆ่าพวกเราให้หมดงั้นเหรอ?” โจวอี้หยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋า จากนั้นจุดไฟและสูบมัน

ชายหนุ่มส่ายหัวและพูดอีกว่า “พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพวกคุณ แต่พวกเขาสมควรถูกทุบตีงั้นเหรอ ควรปล่อยวางไปไม่ดีกว่าเหรอ?”

“ถุย!”

เจี่ยงจื่อหาวมองท่าทางเย่อหยิ่งของโจวอี้และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเขาถูกทุบตี แต่ลูกน้องของฉันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน”

“อย่างที่ผมพูดไปแล้ว ถ้าไร้ความสามารถ คุณก็จะถูกทำร้ายแบบนั้นแหละ” โจวอี้พูดเสียงเรียบ

“แกเป็นใคร? แกเพิ่งตรวจดูอาการบาดเจ็บของคนพวกนั้นไปนี่ รู้วิธีรักษาพวกเขาหรือไง?” เจี่ยงจื่อหาวถามอย่างท้าทาย

“แซ่ของผมคือโจว ผมเป็นเพื่อนบ้านและเพื่อนของพวกเขา” โจวอี้ดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงตรงข้ามกับอีกฝ่าย เขานั่งไขว่ห้างพลางสูบบุหรี่

“…ผมรู้เรื่องยานิดหน่อย ผมเป็นหมอที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง”

“หมอ? โว๊ะ! ฮ่า ๆๆๆ! พวกคนขี้แพ้อ่อนปวกเปียกอย่างนั้นเรอะ?” เจี่ยงจื่อหาวหัวเราะลั่น

ในขณะที่จางเหล่ยกลอกตา คราวแรกเขานึกว่าชายที่เพิ่งมาใหม่จะต้องเป็นคนที่ทรงพลัง ที่แท้ก็แค่หมอโง่ ๆ เองเหรอ?!

โจวอี้ยิ้มให้ชายทั้งสองก่อนจะพูดขึ้น “เอาล่ะ! ทำงานให้เสร็จก่อนก็แล้วกัน จะได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาล”

เจี่ยงจื่อหาวได้ยินดังนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“แกอยากพาพวกเขาออกไปงั้นเหรอ ง่าย ๆ! คุกเข่าลงและโขกศีรษะให้เราสองสามครั้ง จากนั้นก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับพี่น้องของฉันที่บาดเจ็บด้วย เพื่อที่นายจะได้พาพวกเขาออกไปให้พ้นหูพ้นตาพวกฉัน!”

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า [超级奶爸]

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า [超级奶爸]

Status: Ongoing
หลังจากอยู่บนภูเขามานานนับปี แต่ทันทีที่เห็นภาพลูกสาวผู้น่ารักที่เกิดกับภรรยาที่พรากจากกันไป ใจของเขาก็ละลายจนอยากทำหน้าที่ ‘ป๊ะป๋า’ ขึ้นมา!โจวอี้ ชายหนุ่มอัจฉริยะแพทย์แผนจีนและอาศัยอยู่บนภูเขาชางหลางมานานตัดสินใจลงจากเขาทันทีที่รู้ว่าตัวเองมีลูกสาวตัวน้อยน่ารักกับศรีภรรยาคนสวย แต่เมื่อพบกับทั้งภรรยาและลูกแล้ว ดูเหมือนภรรยาจะไม่ต้อนรับเขาสักเท่าไหร่เนี่ยซิ!นอกจากนี้ เขายังได้ค้นพบว่าการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่มันช่างต่างกับอยู่บนภูเขานัก แต่โจวอี้ก็ไม่ยอมแพ้ เขาจะใช้สารพัดวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดจากสุดยอดปรมาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีน การวาดภาพและเขียนพู่กันมาสร้างความมั่งคั่ง และทำให้ภรรยาของเขาและลูกยอมรับและภูมิใจให้ได้!!โจวอี้จะทำสำเร็จหรือไม่?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท