บทที่ 197 ลูกสาวต้องมาก่อน
บทที่ 197 ลูกสาวต้องมาก่อน
เตาหลอมยาโลหะสามขานี้ถูกสลักลวดลายมังกรและหงส์เพลิงร่ายรำคู่กัน ตรงฝาปิดมีรูอยู่หกรู และมีขาตั้งสามขา มันดูเรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง
นี่มันเตาหลอมยาชั้นดี! และยังเป็นเตาหลอมยาโบราณ
โจวอี้เดินไปรอบ ๆ เตาหลอมยาหลายครั้ง เขาและได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของยาจากเตานี้
ในสายตาของนักสะสม มันอาจมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างมาก แต่ในสายตาของนักหลอมยาอย่างโจวอี้ มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ใช้งานได้จริง
โจวอี้ยกฝาออกและชะโงกหน้าไปดูภายใน เขาพบว่ามันทั้งเงาและแวววาว อักขระดั้งเดิมสี่ตัวถูกสลักไว้ที่ส่วนตรงกลางของมัน ซึ่งเป็นชื่อของเตาหลอมยา
“บอกที่อยู่มา ผมจะไปหาคุณที่บ้านอาทิตย์ละครั้งเพื่อรักษาคุณ” โจวอี้พอใจและมองไปที่ซานเฉียนด้วยรอยยิ้ม
“ดี!” ซานเฉียนไม่ลังเลหรือแม้แต่กังวลว่าโจวอี้จะโกง หลังจากบอกที่อยู่แก่โจวอี้แล้ว เขาก็บอกลาหลู่เหวินไห่และออกจากร้านไป
“น้องโจว เยี่ยมมาก” หลู่เหวินไห่ยกนิ้วให้และชมอย่างจริงใจ
ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว
โจวอี้เคยมาที่ร้านของเขาเพื่อซื้อของ ไม่เพียงแต่ซื้อพู่กัน กระดาษ และหินหมึกไปเท่านั้น แต่ยังสร้างรายได้มหาศาลจากทักษะการวาดภาพอันยอดเยี่ยมอีกด้วย ครั้งนี้โจวอี้มาที่นี่โดยไม่เสียเงินสักแดงโดยที่ได้รับเตาหลอมยาจากซานเฉียนไป
หลู่เหวินไห่ศึกษาเกี่ยวกับของเก่ามาเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงสามารถตัดสินได้อย่างง่ายดายว่าเตาหลอมยาสามขานี้มีค่ามาก หากนำไปประมูลในงานประมูลขนาดใหญ่ ราคาของมันอาจสูงถึงแปดหลัก
แปดหลัก!
แม้ธุรกิจร้านของเขาจะดีมาก แต่จำนวนเงินแปดหลักนั้นไม่ใช่จำนวนที่เขาสามารถหาได้ภายในหนึ่งปี
“ไม่หรอกครับ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมแล้ว” โจวอี้ยิ้มอย่างสุภาพ
“คุณเป็นแพทย์แผนจีนจริง ๆ เหรอ? คุณรักษายูเรเมียได้ด้วย?”
“แน่นอน ผมทำงานในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง” หลังจากโจวอี้พูดจบ เขาก็หยิบบุหรี่ออกมาและส่งให้หลู่เหวินไห่ “พี่หลู่ คุณช่วยหารถให้ผมสักหน่อยได้ไหม”
“ไม่มีปัญหา!”
4 ทุ่มครึ่ง โจวอี้กลับไปถึงช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า
ถังเสี่ยวรุ่ยเข้านอนแล้ว แต่ถงหู่ออกมาต้อนรับเขาอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงโครมครามจากการขนเตาหลอมยา
โจวอี้พูดคุยกับถงหู่สองสามคำ จากนั้นก็ถือเตาหลอมยาเข้าไปในบ้านพัก ขณะที่ซุนเหมาไฉ เดินตามเขาเข้าไปพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบ
“เหล่าซุน ดึกเกินไปแล้ว คืนนี้คุณนอนที่นี่เถอะ” โจวอี้กล่าว
“นี่มันจะดีเหรอ?” ซุนเหมาไฉลังเล แต่ในใจของเขามีความสุขมาก การที่โจวอี้อนุญาตให้เขานอนค้างด้วยได้แสดงให้เห็นว่าโจวอี้ไว้ใจเขามากขึ้น
“ไม่เป็นไร คนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ” โจวอี้โบกมือและถือกระเป๋าเดินทางสองใบไปที่ห้องหนังสือชั้นสอง
เขาหยิบวัตถุดิบยาออกมาและจัดเรียงตามลำดับ
เขาต้องการสมุนไพรเหล่านี้เพื่อทำยา
ยาเม็ดตื่นรู้!
เป็นยาวิเศษที่สามารถช่วยในด้านพัฒนาการของความคิดและความจำ หากอธิบายทางวิทยาศาสตร์ก็คือมันสามารถพัฒนาศักยภาพของสมอง
เขาได้กินยาเม็ดตื่นรู้ไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งมันช่วยพัฒนาสมองของเขามาก ดังนั้นเขาจึงเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้การแพทย์แผนจีน การจดจำชนิดและผลของสมุนไพร หรือการเรียนรู้การวาดภาพ ดนตรี ฯลฯ มันง่ายกว่าคนทั่วไปมาก
เขาไม่เคยทำแบบทดสอบ IQ แต่เขารู้สึกว่าถ้าทำอย่างนั้น เขาคงสามารถทำมันออกมาได้ดีกว่าคนอื่น ๆ แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ยาเม็ดตื่นรู้นั้นไม่ง่ายเลยที่จะหลอมปรุง เขาเคยพยายามหลอมมันแล้วถึงเก้าครั้ง แต่สำเเร็จเพียงครั้งเดียว และวัตถุดิบยาล้ำค่าที่ต้องใช้ในแต่ละครั้งก็มีราคาแพงมาก
เขาใช้เงินไปสิบล้านหยวนแล้วกับวัตถุดิบยามากกว่า 20 ชนิด และตอนนี้ก็ยังซื้อไม่ครบ
เขาคาดว่าคงต้องจ่ายสักยี่สิบล้านหยวนหากจะซื้อให้ครบทั้งหมด
เขาไม่แน่ใจการลงทุนในครั้งนี้จะสามารถหลอมยาเม็ดตื่นรู้ได้ถึงห้าครั้งหรือไม่ และจะสำเร็จได้สักครั้งรึเปล่า
แต่เพื่อพัฒนาการทางสมองของลูกสาว ต่อให้ต้องใช้เงินมากเท่าไหร่เขาก็ยอม
นอกจากนี้! เมื่อเห็นถังเสี่ยวถังถูกอาจารย์ของเขาพรากไป หัวใจของเขาก็บังเกิดความคิดอยากจะแข่งขัน
อาจารย์ของเขาต้องการฝึกถังเสี่ยวถัง ดังนั้นเขาก็จะฝึกลูกสาวของเขาทั้งสอง ถังเหมียวเหมี่ยวและถังเสี่ยวรุ่ย เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น พวกเขาจะกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ทรงพลังที่สุดในทุกด้าน
“พี่ใหญ่ จะให้ผมทำอะไร?” ถงหู่มาที่ห้องหนังสือ
“พรุ่งนี้ฉันจะไปตลาดยาเมืองฉู่ ถ้าฉันกลับมา นายช่วยกลับไปที่หมู่บ้านโจวเมี่ยวและไปหาลุงเถี่ยเพื่อซื้อถ่านหินไป่ต้วน” โจวอี้กล่าว
“โอเค” ถงหู่พยักหน้า
หลังจากเห็นโจวอี้นำเตาหลอมยากลับมา ถงหู่ก็รู้ว่าโจวอี้ต้องการหลอมปรุงยา
ถงหู่รู้วัตถุดิบยา แต่เขาไม่รู้วิธีต้มยา ไม่ต้องพูดถึงการหลอมยาเม็ด เพราะเมื่อก่อนเวลาที่โจวอี้หลอมยา เขาก็แค่เล่นไปรอบ ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น
โจวอี้และซุนเหมาไฉรีบไปที่ตลาดวัตถุดิบยาในเมืองฉู่อีกครั้ง
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากรถตู้เข้าสู่ทางด่วน โจวอี้ก็ได้รับโทรศัพท์จากถงหู่
“ว่าไง?”
“เอ่อ…พี่ช่วยกลับมาก่อนได้ไหม ผม…”
เกิดปัญหากับเหมียวเหมี่ยวงั้นเหรอ” โจวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาได้ยินเสียงลูกสาวร้องไห้ดังออกมา
“ผมปลอบได้ไม่เก่งนัก” ถงหู่พูดอย่างขมขื่น
“เข้าใจแล้ว ให้เธอรอฉันก่อน” หลังจากโจวอี้พูดจบ เขาก็หันไปหาซุนเหมาไฉซึ่งกำลังขับรถอยู่และพูดว่า “กลับไปที่ ช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า ให้เร็วที่สุด”
“ต…ตกลง!” ซุนเหมาไฉงุนงงอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ทำตามคำสั่ง
โจวอี้นั่งอยู่บนที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าและหันมองออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าของเขาแสดงรอยยิ้มที่สดใส
การร้องไห้ของลูกสาวทำให้เขาไปเมืองฉู่ช้า แต่เขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ทว่าเขากลับมีความสุขมาก
การที่ลูกสาวร้องไห้หาเขา นั่นย่อมแสดงว่าเขาเป็นคนสำคัญในใจของลูกสาวน่ะสิ!
ไม่ต้องพูดถึงการซื้อวัตถุดิบยา เพราะแม้ว่าจะมีภูเขาทองหรือภูเขาเงินในเมืองฉู่ เขาก็รู้สึกว่าการกลับไปหาลูกสาวเป็นเรื่องสำคัญกว่า
เวลา 07:30 น. รถตู้หยุดที่ลานหน้าวิลล่า
หลังจากกระโดดลงจากรถ โจวอี้ก็รีบไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขามาถึงห้องนอนของลูกสาว เขาพบว่าใบหน้าที่เล็กและบอบบางของเด็กน้อยยังคงเปียกปอนไปด้วยน้ำตา และถังเสี่ยวรุ่ยซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังกอดเธอไว้ในอ้อมแขน
“พ่อจ๋า…” เมื่อถังเหมียวเหมี่ยวเห็นโจวอี้ เด็กน้อยก็ร้องไห้และลุกขึ้นโผเข้าไปในอ้อมแขนของโจวอี้ทันที
ถงหู่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เขายิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัวอย่างลับ ๆ
เขามั่นใจในวิธีการเกลี้ยกล่อมเด็กของตัวเองมาโดยตลอด แต่วันนี้เขาต้องยอมแพ้ต่อหลานสาวคนนี้ของเขาจริง ๆ และในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าแม้ว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมเด็ก ๆ ได้ดีแค่ไหน ตัวเขาก็ไม่สำคัญเท่ากับพ่อของเด็ก
“เหมียวเหมี่ยว อย่าร้องไห้ พ่อกลับมาแล้ว” โจวอี้ลูบหลังของเด็กน้อยเบา ๆ พยายามทำให้เธอสงบ
“ฮือ…ฮือ…พ่อจ๋า…ไม่อยากให้ไป” ถังเหมียวเหมี่ยวกอดคอของโจวอี้แน่น
“พ่อจะไม่ไป และพ่อจะอยู่กับเหมียวเหมี่ยวตลอดไป เหมียวเหมี่ยวไม่ต้องห่วงนะลูก ดูสิ พี่เสี่ยวรุ่ยก็ไม่เห็นจะร้องไห้เลย เราต้องไม่ร้องไห้ด้วยใช่ไหม พ่อทำอาหารไว้แล้ว มีอาหารอร่อยมากมายสำหรับลูกเลยนะ” โจวอี้ยิ้ม
“อืม เหมียวเหมี่ยวจะไม่ร้องไห้จนกว่าพ่อจะไป” หลังจากสะอื้นอีกไม่กี่ครั้ง ถังเหมียวเหมี่ยวก็ค่อย ๆ หยุดร้องไห้ น้ำตาของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้า
“โอ้… เหมียว เหมี่ยว เก่งจัง” โจวอี้จูบลูกสาวที่แก้ม
“ฮิฮิ คัน… พ่อไม่ได้โกนหนวด!” ถังเหมียวเหมี่ยวลูบใบหน้าของโจวอี้ จากนั้นก็จับมือของถังเสี่ยวรุ่ยไว้ “พี่สาวเสี่ยวรุ่ย ไปกินอาหารที่พ่อทำกันเถอะ หนูหิวแล้ว!”
“อืม!” ถังเสี่ยวรุ่ย พยักหน้าเบา ๆ
โจวอี้ยื่นมือออกไปอุ้มลูกสาวสองคนของเขาแล้วหอมแก้มถังเสี่ยวรุ่ยเช่นเดียวกับเหมียวเหมี่ยว ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนด้วยรอยยิ้ม