บทที่ 240 คำเชิญจากตระกูลฮัว
บทที่ 240 คำเชิญจากตระกูลฮัว
วันนี้ท้องฟ้ามีเมฆมาก
ที่ประตูแผนกให้คำปรึกษาของโรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนจินหลิง ชายฉกรรจ์สี่คนในชุดสูทสีดำและแว่นกันแดดกำลังทำตัวหยาบคายด้วยการขับไล่ผู้ป่วยและครอบครัวที่มารอรับคำปรึกษา
ชายชราผมขาวสวมชุดจีนโบราณค้ำไม้เท้ากำลังยืนรออย่างเงียบ ๆ อยู่นอกประตู
“คุณฮัว โปรดเข้าไปนั่งรอข้างในเถอะ!” เหลียนซานเดินออกจากห้องให้คำปรึกษาและพูดอย่างลังเล
“ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากหมอโจว ฉันก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปในห้องให้คำปรึกษาหรอก ฉันจะรออยู่ที่นี่แหละ” ฮัวหมานเหรินกล่าวอย่างดื้อรั้น
“หมอโจวจะมาทำงานเก้าโมงกว่า ๆ แต่ตอนนี้แปดโมงครึ่งเท่านั้นเอง” เหลียนซานชี้ไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์คนของฮัวหมานเหรินด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
จากนั้นก็ชี้ไปที่บรรดาผู้ป่วยและครอบครัวที่กำลังโกรธแค้น “การกระทำของคุณตอนนี้ส่งผลกระทบต่อระเบียบของโรงพยาบาล ถ้าคุณอยู่ที่นี่มันจะแย่เอาได้”
ฮัวหมานเหรินหันไปมองพลางเยาะเย้ยว่า “ฉันไม่ชอบเสียงดัง มันน่ารำคาญ อันที่จริงหากที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล ฉันคงสั่งให้ใครสักคนโยนพวกเขาออกไปแล้ว”
“คุณ…” เหลียนซานขมวดคิ้ว เธออยากจะใจแข็งบอกให้อีกฝ่ายออกไปหรือเข้าไปในห้องให้คำปรึกษา แต่ตัวตนของอีกฝ่ายนั้นพิเศษเกินกว่าที่เธอจะกล้าบังคับ
ทันใดนั้น เธอก็เปลี่ยนสีหน้าและจงใจพูดว่า “เท่าที่ฉันรู้ หมอโจวเกลียดพวกคนที่คิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น ถ้าเขามาที่นี่และเห็นสถานการณ์นี้ เขาต้องปฏิเสธคุณแน่นอน”
“งั้นเหรอ…” ฮัวหมานเหรินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็โบกมือให้ลูกน้อง จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องให้คำปรึกษา
ยี่สิบนาทีต่อมา
โจวอี้ฮัมเพลงป็อปพลางเดินเข้าไปในห้องให้คำปรึกษาท่ามกลางสายตาของผู้ป่วยจำนวนมาก
“หืม?”
โจวอี้รู้สึกแปลกใจเมื่อเข้าไปในห้องให้คำปรึกษาและเห็นฮัวหมานเหรินอยู่ข้างใน
“หมอเหลียน นี่ใคร?”
“หมอโจว นี่คือผู้เฒ่าฮัว เขามาจากหางโจวเพื่อตามหาคุณ” เหลียนซานแนะนำอย่างรวดเร็ว
“นายคือหมอโจว?” ผู้เฒ่าฮัวยืนขึ้นถาม
“ใช่ครับ คุณต้องการพบผมเรื่องอะไร?” โจวอี้มองใบหน้าของอีกฝ่ายและพบว่าแม้อีกฝ่ายจะชราแล้ว แต่ใบหน้ายังดูสุขภาพดี แม้ว่าจะพิงไม้ค้ำ แต่กลับมีพลังชนิดหนึ่งแผ่ออกจากร่างกาย แม้แต่เสียงของอีกฝ่ายก็เต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่เหมือนคนป่วยไข้
“ฉันอยากจะขอให้หมอโจวไปหางโจวกับฉัน” ฮัวหมานเหรินเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
“ไปหางโจว? ไปทำอะไรครับ?”
“ไปตรวจรักษา”
ไปหางโจวเพื่อตรวจรักษา?
อีกฝ่ายคือใคร? ยิ่งใหญ่ขนาดไหนถึงกล้ามาชวนเขาไปตรวจรักษาถึงที่บ้าน? แม้ว่าจินหลิงจะอยู่ห่างจากหางโจวไม่มากนัก แต่เขาก็ยังต้องทำงาน สร้างโรงเรียน และที่สำคัญที่สุดคือดูแลลูกสาว เขาจะมีเวลาว่างไปหางโจวได้ยังไง?
“ขอโทษที ผมไม่มีเวลา ได้โปรดกลับไปเถอะครับ!”
“หมอโจว อย่าเพิ่งปฏิเสธเลย” ฮัวหมานเหรินโบกมือก่อนจะหยิบกล่องหยกออกมาจากกระเป๋าและส่งให้โจวอี้ “สมุนไพรนี้คุ้มค่ากับเวลาของนายไหม?”
วัตถุดิบยา?
โจวอี้รู้สึกประหลาดใจ เขารับกล่องหยกมาเปิดออกดู ก่อนจะพบดอกบัวหมึกสีเข้มอยู่ข้างใน
เขาเงยหน้าขึ้นทันที จ้องเขม็งไปที่ฮัวหมานเหรินและถามด้วยเสียงต่ำอย่างเอาเรื่อง “คุณส่งคนมาเก็บข้อมูลผมงั้นเหรอ?”
“เราไม่ได้สืบข้อมูลของนายเลย แต่ฉันแค่ต้องการให้นายไปตรวจรักษาคนคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้บังเอิญมีนักเก็บสมุนไพรชื่อซุนเม่าไฉกำลังตามหาสมุนไพรชนิดนี้ ฉันจึงเดาว่าคงเป็นนายที่ต้องการสมุนไพรชนิดนี้” ฮัวหมานเหรินกล่าวอย่างใจเย็น
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นผมล่ะ” โจวอี้ขมวดคิ้ว
“ก่อนหน้านี้ นายพาซุนเม่าไฉไปที่ตลาดวัตถุดิบยาในเมืองฉู่ไม่ใช่เหรอ?”
โจวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ถึงอย่างนั้นความจริงที่ว่าอีกฝ่ายส่งคนมาสืบข้อมูลของเขาก็เป็นเรื่องจริง
ชายชราคนนี้คือใครกันแน่?
โจวอี้หันไปมองเหลียนซานด้วยสายตาสงสัย
“ผู้เฒ่าฮัวมาจากตระกูลฮัวในหางโจว ตระกูลฮัวมีชื่อเสียงมากและเป็นตระกูลใหญ่” เหลียนซานดูเหมือนจะเดาความคิดของโจวอี้ได้ เธอจึงอธิบายออกมา
เขาพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
ก่อนที่เขาจะมายังจินหลิง เขาอาศัยอยู่แต่ที่ภูเขาชางหลาง เขาจึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลใด ๆ ในโลกภายนอก
อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายดูเหมือนค่อนข้างมีความสามารถ แค่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็รู้ได้แล้วว่าเขาต้องการดอกบัวหมึกและยังหาซื้อสมุนไพรนี้มาส่งให้เขา
เอายังไงดี?
โจวอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง
ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะไปหางโจว
เพราะเขาต้องการบัวหมึก
ด้วยสมุนไพรนี้ เขาสามารถปรับปรุงสมรรถภาพทางกายของลูกสาวสองคนได้ในระยะสั้น และแม้แต่ในระยะยาว ลูกสาวทั้งสองก็จะได้รับประโยชน์มากมาย
“ใครป่วยครับ?” โจวอี้ถาม
“ผู้นำตระกูลฮัว”
“อาการเป็นแบบไหน?”
“เขาถูกมารครอบงำ” แววตาของฮัวหมานเหรินดูขมขื่นขึ้นมา ชายชราลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เราระงับอาการของเขาได้ชั่วคราว แต่คงอยู่ได้อย่างมากก็เพียงสามวัน ตอนนี้ผ่านไปเกือบหนึ่งวันแล้ว”
“ถ้างั้นส่งคนมารับผมพรุ่งนี้ตอนบ่าย”
“ไปตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ?”
“ผมมีงานต้องทำ ไม่งั้นคุณก็ต้องพาคนไข้มาที่นี่เอง ผมไม่สามารถไปหางโจวระหว่างเวลางานได้” โจวอี้ตอบกลับเสียงเรียบ
“งั้นเราจะรอหมอโจวก็แล้วกัน” ฮัวหมานเหรินพูดจบก็หันหลังจากไป
“เอาบัวหมึกกลับไปก่อน” โจวอี้ท้วงขึ้น
“ไม่ ฉันเชื่อในตัวนาย นายเอาบัวหมึกไปได้เลย! และหลังจากที่รักษาผู้นำตระกูลฮัวแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ดอกบัวหมึกนี้ก็จะเป็นของนายอยู่ดี”
“แบบนั้นก็ได้”
เนื่องจากโจวอี้รับปากว่าจะไปหางโจวแล้ว ดังนั้นดอกบัวหมึกจะเก็บไว้กับใครมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ฮัวหมานเหรินมั่นใจว่าโจวอี้จะไม่กลับคำพูดแน่นอน
“ผมจะรับมันไว้ แล้วพรุ่งนี้ส่งคนมารับผมตอนบ่ายด้วย”
“ดี!”
เมื่ออีกฝ่ายกลับไป โจวอี้ก็มองไปที่เหลียนซานอีกครั้ง
“คุณรู้จักตระกูลฮัวมากแค่ไหน” โจวอี้ถาม
“ตระกูลฮัวเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในหางโจว มีประวัติยาวนานราว ๆ สี่หรือห้าร้อยปี สมาชิกในครอบครัวของพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับทางการ แต่พวกเขาประสบความสำเร็จมากมายในโลกธุรกิจ ว่ากันว่าความมั่งคั่งของตระกูลฮัวนั้นเมื่อเทียบกับชายที่ร่ำรวยที่สุดในมณฑลเจ๋อเจียงแล้ว ตระกูลฮัวสามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้ไม่ยากเลย มีผู้อาวุโสหลายคนในครอบครัวของฉันที่ทำงานให้กับตระกูลฮัวมานานหลายทศวรรษ” เหลียนซานอธิบายด้วยรอยยิ้ม
โจวอี้พยักหน้า
สิ่งที่เขามั่นใจได้ในตอนนี้คือตระกูลฮัวเป็นตระกูลผู้ฝึกยุทธ์แน่นอน
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงเท่านั้นที่จะถูกมารครอบงำ สิ่งนี้แสดงให้เห็นอ้อม ๆ ว่าระดับยุทธ์ของผู้นำตระกูลฮัวนั้นสูงมาก อย่างน้อยก็กึ่งปรมาจารย์
ตอนบ่าย
โจวอี้ไปรับลูกสาวของเขากลับบ้านและเริ่มทำน้ำค้างบัวหมึกทันที
ถงหู่ซื้อสารลดแรงตึงมาแล้ว
จากนั้นโจวอี้ก็ใช้เวลากว่าหกชั่วโมงในการต้มน้ำค้างบัวหมึก
เขาไม่ได้รีบเร่งให้ลูกสาวทั้งสองคนใช้มัน
พวกเธอเพิ่งใช้ยาเม็ดตื่นรู้ และผลของมันยังไม่ถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์ คงต้องใช้เวลาราวหนึ่งสัปดาห์จึงจะสามารถใช้ยาตัวอื่นได้
นอกจากนี้ เขายังต้องไปหางโจว
เขาคิดว่าจะรอจนอาทิตย์หน้า แล้วค่อยให้ลูกสาวทั้งสองใช้น้ำค้างบัวหมึก
“ถ้าพวกเธอดื่มน้ำค้างบัวหมึก ร่างกายของพวกเธอจะดีขึ้นมาก และความแข็งแกร่งของพวกเธอก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า”
“น่าสนใจจริง ๆ ที่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ทั้งสองจะมีพละกำลังไม่ต่างจากคิงคองน้อย ๆ สักสองตัว”
“หวังว่าพวกเธอจะไม่พังบ้านหลังนี้ก่อนที่พวกเธอจะชินกับกำลังที่เพิ่มขึ้นนะ ฮ่า ๆ”