ท่านหมอเฝิงได้ยินแล้วโมโหเป่าหนวดตัวเองถลึงตาใส่ กล่าวว่า เจ้าเด็กคนนี้ ลอกเลียนแบบปู่ของเจ้ามาหมดทุกอย่าง ยังรู้จักขุดหลุมฝังข้าอีก อุบายส่งเสียงดังทางตะวันออกโจมตีทางตะวันตกของเจ้าทำได้ดียิ่ง! คุยเรื่องกินเรื่องดื่มเรื่องเล่นกับข้าก่อน จากนั้นฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่ระวังตัวถามออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้คนตกอกตกใจ ฮึ เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก!
หวังซีวางแผนเช่นนั้นจริงๆ
ท่านหมอเฝิงกันนางออกไปอย่างชัดเจนขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เฉินลั่วและองค์ชายรองมาขอร้องเป็นเรื่องไม่ปกติธรรมดา ท่านหมอเฝิงไม่อยากให้นางเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย
แต่ปัญหาคือตอนนี้นางอาศัยอยู่ในจวนหย่งเฉิงโหว ยังเคยแอบสอดส่องดูเฉินลั่วรำกระบี่มาก่อน เรื่องอะไรที่แน่นอนนั้นไม่น่ากลัว กลัวแต่เรื่องไม่แน่นอนอย่างคำว่าถ้าหากเท่านั้น ถ้าหากว่าเรื่องราวบังเอิญประจวบเหมาะกันพอดี ตอนที่เฉินลั่วไล่สืบต่อไปจนค้นพบว่าคนที่แอบสอดส่องดูเขารำกระบี่คือนาง ชนชั้นสูงผู้มีอำนาจแต่กลัวตายมากกว่าเหล่านั้น ถ้าเฉินลั่วคิดมากเกินไป การที่ท่านหมอเฝิงกันนางออกไปเช่นนั้น ไม่แน่ว่าอาจเป็นปฏิกิริยาเร่งความตายให้นางก็ได้
นางควรเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ ดีกว่า
ในเมื่อถูกมองทะลุแล้ว หวังซีก็ไม่คิดจะปิดบังอีก
ปู่เฝิง ท่านช่างเก่งกาจยิ่งนัก! นางเยินยอท่านหมอเฝิง หวังว่าเขาจะเห็นแก่ที่นางอยากรู้มากขนาดนี้และยอมเล่าให้นางฟัง มิใช่ว่าข้ากลัวว่าตัวเองจะถูกฆ่าปิดปากหรอกหรือ อยากรู้ให้เร็วจะได้เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ ท่านอย่าทำให้ข้าต้องนอนไม่หลับยามค่ำคืนเลย ถ้ากลางคืนข้านอนไม่หลับ ขอบตาก็จะดำคล้ำ ข้าก็ต้องมาหาท่านให้ช่วยปรุงยาบำรุงผิวหรือไม่ก็น้ำรักษาความชุ่มชื้นจำพวกนั้นให้ ข้ามาหาท่านบ่อยๆ ไม่แน่ว่าอาจจะบังเอิญได้พบกับคุณชายรองของจวนเจิ้นกั๋วกงและองค์ชายรองอีกก็เป็นได้…
ท่านหมอเฝิงไม่คิดจะฟังวาจาเหลวไหลของนาง แต่เมื่อได้ยินนางเอ่ยถึงสถานะของผู้มาเยือนอีกครั้ง ทำให้เขากังวลใจเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ ประกอบกับเมื่อเขานึกถึงคุณชายรองของจวนเจิ้นกั๋วกงท่านนั้นขึ้นมา ตอนเจอเขาแรกๆ ดูเย่อหยิ่งเย็นชา แต่เมื่อเห็นว่าหวังซีกำลังจะล้มลงอย่างคาดไม่ถึงนั้นกลับก้าวยาวๆ ออกไปประคองหวังซีเอาไว้
เขาจับจ้องดวงหน้ารูปไข่ที่นุ่มจนคล้ายจะบีบน้ำออกมาได้ของหวังซีไม่วางตา
เจ้าเด็กคนนี้ เลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดของคนสองรุ่นมา ยิ่งโตยิ่งงดงาม
คนหนุ่มสาวชื่นชอบคนงดงาม เฉินลั่วผู้นั้นต่อให้เป็นเย็นชาเพียงใด ก็เป็นหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง ถ้าเขาเกิดสนใจหวังซี อยากรู้ว่าหวังซีเป็นใคร ที่เขากันนางเช่นนั้น อาจกลายเป็นคนโง่อวดฉลาดก็เป็นได้
ท่านหมอเฝิงขบคิด เงยหน้าเห็นชิงโฉวกับหงโฉวสองพี่น้อง พลันรู้สึกว่าที่หวังซีกล่าวมาก็มีเหตุผล แทนที่จะให้นางคาดเดามั่วซั่ว มิสู้พูดคุยกับนางดีๆ ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ นางเป็นเด็กดีและเชื่อฟังผู้หนึ่ง ต้องรู้จักหลบเลี่ยงเฉินลั่วได้ และจะได้ให้ชิงโฉวและหงโฉวเพิ่มความระแวดระวังด้วย
เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าคนแก่เลย! ท่านหมอเฝิงตัดบทคำพูดของหวังซีอย่างขบขัน กล่าวว่า เจ้าบอกข้ามาก่อนว่าเจ้ารู้จักเฉินลั่วและองค์ชายรองได้อย่างไร เจ้าเคยเจอสองคนนี้จากที่ไหน
เขาตั้งใจว่าจะสืบเรื่องบางอย่างให้แน่ชัดเสียก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะพูดอะไรกับหวังซีบ้าง
หวังซียิ้มร่า วิ่งไปหาฉังเคอโอบไหล่ของนางไว้ กล่าวว่า แน่นอนว่าพี่สาวเป็นคนบอกข้า!
นางไม่กล้าบอกเรื่องที่ตนแอบดูเฉินลั่วรำกระบี่ให้ท่านหมอเฝิงรู้ รู้สึกว่าการที่ถูกเฉินลั่วกล่าวเตือนด้วยการปักดาบไว้ตรงนั้นเป็นเรื่องน่าขายหน้าเกินไป จึงพูดเพียงว่าฉังเคอบอกนางตอนที่ท่านหมอเฝิงออกไปส่งแขก ยังกล่าวอย่างภาคภูมิใจด้วยว่า ข้านึกถึงที่ท่านปู่บอกว่าท่านคือเปี๋ยนเฉวี่ย[1]มาปรากฏตัวอีกครั้งกับเป็นฮว่าถัว[2]กลับชาติมาเกิดแล้ว จึงเดาว่ามิใช่ญาติของพวกเขาป่วยไข้ก็เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนักสักคนที่ป่วยไข้ อย่างไรก็ตาม พวกเขามาหาท่านถึงที่นี่ได้ เห็นได้ชัดว่าท่านถือครองท่าเรือที่จิงเฉิงไว้ไม่เล็กเลยทีเดียว ตอนท่านเขียนจดหมายกลับไปไม่เคยพูดถึงมาก่อน ข้าต้องบอกให้ท่านปู่ทราบ ท่านปู่รู้แล้วจะต้องดีใจแทนท่านแน่ๆ เขาชื่นชมท่านที่สุดมาตั้งแต่ต้น บอกว่าท่านเก่งกาจกว่าท่านหมอหม่าของร้านขายยาร้อยติณชาติผู้นั้นมากโข…
ท่านหมอเฝิงฟังแล้วไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เคาะโต๊ะ พลางกล่าว เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องเยินยอข้าแล้ว ข้ารู้ว่าข้ายอดเยี่ยม แต่นิสัยที่พอเอ่ยปากพูดก็เจื้อยแจ้วไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ของเจ้าต้องปรับเปลี่ยนเสียหน่อยแล้ว ว่ามาเถอะ เจ้ายังคาดเดาอะไรได้อีกบ้าง
หวังซีเป็นคนฉลาดเจ้าเล่ห์มาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าเรื่องอะไรเมื่อไปถึงปากนางก็เจื้อยแจ้วไม่หยุด ฟังแล้วเหมือนกำลังดึงไปทางซ้ายทีลากไปทางขวาที แต่นางก็ช่างมีความสามารถที่แปลกประหลาดพูดออกมาเกือบถูกต้องทั้งหมด
เขาอยากปิดบังนาง จะพูดครึ่งหนึ่งเก็บไว้ครึ่งหนึ่ง ก็เกรงว่าจะไม่ง่าย
ท่านหมอเฝิงนึกถึงพวกนี้แล้วสีหน้าดูไร้ทางออกเล็กน้อย
หวังซียิ้มให้ท่านหมอเฝิงอย่างขออภัย
ท่านปู่นางบอกนางเสมอว่าทำการค้านั้น ต้องรู้จักหยอกเย้าคน พูดจาน่าฟัง ผู้อื่นได้ยินแล้วจะได้ดีใจมีความสุข การค้าก็จะสำเร็จโดยง่าย ต่อให้ไม่สำเร็จ หยอกเย้าให้คนมีความสุขได้ ต่างคนก็ต่างมีความสุขไปด้วยเช่นกัน ย่อมดีว่าคนที่เอาแต่กัดฟันทำหน้าถมึงทึงเหล่านั้น
นับตั้งแต่นั้นมานางก็พูดมากขึ้น
รู้แล้วเจ้าค่ะรู้แล้ว! นางวิ่งมานวดไหล่ให้ท่านหมอเฝิง ข้าจะเล่าอย่างกระชับๆ
นี่ยังเรียกว่าเล่าอย่างกระชับอีกหรือ!
ท่านหมอเฝิงมองนางโดยไม่กล่าวอะไรครั้งหนึ่ง
นางรีบกล่าว ข้าคิดแบบนี้เจ้าค่ะ ญาติคงไม่ต้องพูดถึง เพราะมีสำนักหมอหลวงอยู่ หากเป็นขุนนางในราชสำนัก ก็ต้องเป็นคนที่ทำให้พวกเขาสองคนจำต้องประจบประแจง คนที่ทำให้พวกเขาสองคนจำต้องประจบประแจงได้นั้น ข้าคิดไม่ออกว่ามีใครบ้าง นี่คงต้องถามพี่สาว ดูว่านางนึกออกบ้างหรือไม่ ส่วนญาติ ข้าว่ามิใช่ฮ่องเต้ก็ฮองเฮา นี่ก็ต้องถามพี่สาวเช่นกัน ดูว่านางพอจะรู้หรือไม่ว่าพระพลานามัยของฮ่องเต้และฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง
เป็นครั้งแรกที่ฉังเคอได้เห็นหวังซีเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเช่นนี้ กำลังยืนดูความครึกครื้นอยู่ดีๆ คิดไม่ถึงว่าจะถูกลากลงน้ำไปด้วย
นางชี้ตัวเอง กล่าวขึ้นอย่างตกตะลึงว่า ข้าหรือ ข้าเข้าวังไม่ได้ จะรู้ได้อย่างไรว่าพระพลานามัยของฮ่องเต้และฮองเฮาเป็นอย่างไร อีกอย่าง การตรวจวินิจฉัยฮ่องเต้และฮองเฮาต้องเก็บเป็นความลับ ต่อให้เป็นพวกขุนนางใหญ่ก็ไม่รู้เช่นกัน ข้ายิ่งไม่มีทางได้รู้
ทั้งสองคนหันไปมองท่านหมอเฝิงพร้อมกันอีกครั้ง
ท่านหมอเฝิงไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
เด็กคนนี้ ก็พูดถูกอีกเช่นกัน
แต่มีฉังเคออยู่ด้วย เขาไม่คิดจะบอกนางในเวลานี้
กำลังคิดหาข้ออ้างประวิงเวลาเอาไว้ก่อนนั้น ไป๋จื่อก็ถือกล่องผ้าบรรจุถุงหอมเดินเข้ามา
ท่านหมอเฝิงจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปดื้อๆ กล่าวว่า ข้าดูหน่อยว่าถุงหอมที่เฉาอวิ๋นไต้ซือของวัดต้าเจวี๋ยทำมานั้นมีตรงไหนที่ขัดใจเจ้า จิงเฉิงเต็มไปด้วยเสือหมอบมังกรเร้นกาย ผู้อื่นขนานนามให้ว่าเป็นนักผสมเครื่องหอมอันดับหนึ่งของจิงเฉิง ย่อมต้องมีความสามารถจริง บางทีอาจมิใช่เพราะฝีมือการผสมเครื่องหอมของผู้อื่นไม่ดี แต่เป็นเพราะห้องเสื้อเมฆาคำนึงรสนิยมไม่ถึง หยิบเอาเครื่องหอมที่ผู้อื่นสผมแบบลวกๆ มา หรือไม่ก็เป็นเครื่องหอมที่ลูกศิษย์ช่วยผสมให้ก็เป็นได้
เขากล่าวพลางเปิดกล่องผ้าออก
กลิ่นหอมของบุปผานับร้อยค่อยๆ ฟุ้งออกมาจากถุงหอมในกล่องผ้า
ท่านหมอเฝิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย หยิบถุงหอมนั่นขึ้นมาดมที่ปลายจมูก
ครานี้ถึงคราวของหวังซีต้องหน้าเปลี่ยนสีบ้างแล้ว
คนที่ผสมเครื่องหอมเป็นนั้นจมูกไวต่อกลิ่นมาก บางครั้งแค่กลิ่นหอมจางๆ เพียงไม่กี่สายก็แยกออกแล้วว่าในเครื่องหอมนั้นมีวัตถุดิบอะไรบ้าง ท่านหมอเฝิงยิ่งแล้วใหญ่ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในจำนวนนั้น
การหยิบเอาถุงหอมไปดมใกล้จมูกเช่นนี้ เมื่อก่อนนางเคยเห็นเพียงสองครั้งเท่านั้น
ครั้งหนึ่งคือตอนที่ท่านหมอเฝิงแข่งผสมเครื่องหอมกับผู้อื่น อีกครั้งคือตอนที่ท่านปู่ของนางซื้อสูตรผสมเครื่องหอมเก่าแก่ที่สืบทอดต่อกันมาของผู้อื่นได้สูตรหนึ่ง ขอให้ท่านหมอเฝิงช่วยดมดูว่าสูตรเครื่องหอมนั้นถูกต้องหรือไม่
หรือว่าถุงหอมที่ห้องเสื้อเมฆาคำนึงมอบให้นี้มีอะไรแปลกประหลาดอย่างนั้นหรือ
ความคิดนี้เพิ่งแล่นผ่านสมองของนางไป ท่านหมอเฝิงก็วางถุงหอมในมือลง ถามนางด้วยสีหน้าเคร่งเล็กน้อยว่า เจ้าแน่ใจว่านี่เป็นเครื่องหอมที่เฉาอวิ๋นไต้ซือของวัดต้าเจวี๋ยเป็นคนผสม?
ไม่แน่ใจ!
หวังซีรีบกล่าว คนของห้องเสื้อเมฆาคำนึงบอกว่านี่เป็นเครื่องหอมที่เฉาอวิ๋นไต้ซือของวัดต้าเจวี๋ยเป็นคนผสม
ท่านหมอเฝิงลุกขึ้นมา กล่าวว่า นังหนู ข้าต้องการยืมตัวพี่ชายร่วมน้ำนมของเจ้ากับไป๋จื่อหน่อย
ได้เจ้าค่ะ! หวังซีไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว รีบให้คนไปเรียกหวังสี่เข้ามา
ฉังเคอลุกขึ้นอย่างมีไหวพริบ กระซิบกล่าวกับหวังซีว่า ห้องสุขาอยู่ที่ใดหรือ ข้าไปเปลี่ยนชุดสักหน่อย
หวังซียิ่งนับถือฉังเคอมากขึ้น ให้ชิงโฉวพาฉังเคอไปห้องสุขา
ท่านหมอเฝิงเห็นแล้วลอบพยักหน้าอยู่ในใจ รู้สึกว่าสายตาของหวังซีไม่เลว เด็กผู้นี้ก็โปร่งใสยิ่ง เป็นต้นกล้าที่ดีผู้หนึ่ง
หวังซีจึงกระซิบถามท่านหมอเฝิงว่า เครื่องหอมนี้ผิดปกติหรือ
ท่านหมอเฝิงลังเลครู่หนึ่ง กล่าวว่า เครื่องหอมนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแต่ว่าฝีไม้ลายมือในการผสมเครื่องหอมนี้กับของข้าราวกับออกมาจากที่เดียวกัน ทักษะการผสมเครื่องหอมของข้าสืบทอดมาจากตระกูลภรรยา ดังนั้นจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย อยากตรวจสอบดูว่ามีความเกี่ยวพันกับตระกูลภรรยาของข้าหรือไม่
ท่านหมอเฝิงอายุหกสิบกว่าปีแล้ว ภรรยาของเขาก็ดี หรือพ่อภรรยาก็ดี อายุของพวกเขาล้วนห่างจากหวังซีค่อนข้างมาก หวังซีไม่อาจเข้าใจความรู้สึกนั้นได้จริงๆ แต่นางมองออกว่าท่านหมอเฝิงดูร้อนใจเล็กน้อย จึงกล่าวปลอบโยนเขาว่า เช่นนั้นท่านค่อยๆ ตรวจสอบ ไม่แน่ว่าอาจมีความสัมพันธ์บางอย่างเกี่ยวข้องกับตระกูลภรรยาของท่านจริงๆ ก็เป็นได้!
ท่านหมอเฝิงเคยแต่งงานมาก่อน ภรรยาร่วมผูกผมจากไปเพราะความเจ็บป่วยโดยไม่ได้ทิ้งลูกไว้ให้ ทว่าท่านหมอเฝิงกลับไม่แต่งงานใหม่ ท่านปู่นางบอกว่า ท่านหมอเฝิงตัดใจจากภรรยาร่วมผูกผมไม่ได้ เป็นคนลุ่มหลงในรักผู้หนึ่ง ด้วยเหตุนี้สตรีสกุลหวังต่างรู้สึกว่าท่านหมอเฝิงเป็นคนดีที่หาได้ยากผู้หนึ่ง จึงปฏิบัติกับเฝิงเกาอย่างดีไปด้วย
ท่านป้าใหญ่ของนางอยากได้เฝิงเกาไปเป็นหลานเขยของนางยิ่งนัก
ต่อมาเฝิงเกาต้องตามไปดูแลท่านหมอเฝิงออกเดินทางท่องเที่ยว จึงปฏิเสธอย่างสุภาพไป งานแต่งงานนี้ถึงได้ไม่เป็นผลสำเร็จ
หวังซีรู้สึกว่าท่านหมอเฝิงต้องไม่มีกะจิตกะใจรั้งพวกนางอยู่รับประทานมื้อเย็นด้วยเป็นแน่ จึงเอ่ยขอตัวลา รอวันไหนที่ท่านมีเวลาว่างแล้ว ข้าค่อยมาเยี่ยมท่านใหม่ เอาผักดองน้ำปรุงรสถั่วเหลืองของสวนหกรสมาฝากท่านด้วย
ท่านหมอเฝิงไม่มีกะจิตกะใจจะต้อนรับพวกนางต่อจริงๆ กล่าวอย่างขออภัยว่า คราวหน้าปู่เฝิงจะพาพวกเจ้าไปกินไหล่หมูแก้วที่ร้านรสเลิศสี่ฤดู
หวังซียิ้มตาหยีพยักหน้า ถือโอกาสตอนที่ฉังเคอยังไม่กลับมา กระซิบถามท่านหมอเฝิงว่า ฮ่องเต้ประชวรด้วยโรคที่ยากจะกล่าว เพราะเหตุนั้นเฉินลั่วกับองค์ชายรองจึงมาหาท่านให้แอบรักษาเขาเงียบๆ ใช่หรือไม่
ท่านหมอเฝิงมองหวังซี ไม่พูดอะไรกว่าครู่ใหญ่
หวังซีจึงทำท่ารูดปิดปาก กล่าวว่า ท่านวางใจเถิด ท่านวางใจเถิด ข้าไม่บอกผู้ใดอย่างแน่นอน ข้าก็แค่กลัวว่าท่านจะเป็นอันตราย ข้ารู้สึกว่าท่านปฏิเสธถูกต้องแล้ว
เจ้าคนฉลาดแสนรู้! ท่านหมอเฝิงอดลูบศีรษะของนางอีกครั้งไม่ได้ กล่าว่า รู้จักหนักเบาก็ดีแล้ว ช่วงนี้อยู่แต่ในจวนหย่งเฉิงโหวอย่าออกไปไหนตามใจชอบ รอให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปแล้วพวกเราค่อยคุยกัน
หวังซีพยักหน้าหงึกๆ ออกจากร้านขายยาพร้อมฉังเคอ
กลับถึงจวนหย่งเฉิงโหว หวังซีเล่าเรื่องถุงหอมให้ฉังเคอฟัง
ฉังเคอซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก กล่าวว่า เจ้าทำถูกแล้ว! คราวหน้าพวกเราค่อยไปกันใหม่ เอาผักดองน้ำปรุงรสถั่วเหลืองของสวนหกรสไปฝากท่านหมอเฝิงด้วย! ท่านหมอเฝิงเป็นคนดีจริงๆ! ภรรยาของเขาช่างมีวาสนาดียิ่งนัก!
หวังซีรู้อยู่แล้ว ขอเพียงสตรีได้ฟังเรื่องภรรยาร่วมผูกผมของท่านหมอเฝิง ล้วนเป็นเช่นนี้กันทั้งนั้น
เจ้าหยุดก่อน! นางหยุดอารมณ์ซาบซึ้งใจของฉังเคอ กล่าวว่า ข้ายังไม่เคยกินผักดองน้ำปรุงรสถั่วเหลืองของสวนหกรสมาก่อน! ปู่เฝิงบอกว่าอร่อย เช่นนั้นผักดองน้ำปรุงรสถั่วเหลืองนี้ต้องมีอะไรพิเศษเป็นแน่ พวกเราควรซื้อกลับมาชิมเองก่อนสักสองไหไม่ใช่หรือ
เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร! ฉังเคอไม่พอใจในความเลือดเย็นของหวังซีเป็นอย่างมาก กล่าวว่า ข้าเคยกินผักดองน้ำปรุงรสถั่วเหลืองของสวนหกรสมาก่อน หัวไชเท้าดอง แตงกวาดอง กระเทียมดอง และขิงดอง…ร้านของพวกเขามีผักดองน้ำปรุงรสถั่วเหลืองทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดชนิด เจ้าจะซื้ออย่างละเท่าๆ กันกลับมาค่อยๆ ชิมไปก็ได้!
หวังซีตะลึงงัน
…………………………………………………………………
[1] เปี๋ยนเฉวี่ย มีชื่อเสียงด้านการรักษาคนในยุครณรัฐ (Warrings States)
[2] ฮว่าถัว มีชื่อเสียงด้านการรักษาคนในปลายราชวงศ์ฮั่น
ตอนต่อไป