หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 347 – ตลาดเสรี

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 347 – ตลาดเสรี

หลังจากผู้ดูแลต่งกับเสี่ยวโจวจึจากไป โม่เทียนเกอไล่สาวใช้ เข้าห้องฝึกตนวางม่านพลังของตนเอง เข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนไปพักผ่อน

นางสั่งการสาวใช้อาอิ๋นไปแล้วว่านางต้องการพักผ่อนสามถึงห้าวัน ไม่มีธุระห้ามมารบกวน สาวใช้นางนี้คุ้นเคยกับการรับใช้ผู้ฝึกตน รู้กฎระเบียบมาก ไม่ต้องพูดมากก็แสดงออกมาว่าตนเองจะเพียงปัดกวาดในลาน ไม่เข้าห้องเด็กขาด

โม่เทียนเกอรู้สึกพึงพอใจมาก ปุถุชนของเกาะเป่ยจี๋นี้ล้วนรู้ความมาก อาจจะเป็นเพราะคนของอวิ๋นจงเคยชินกับการคลุกคลีกับผู้ฝึกเซียนแต่แรก ดังนั้นสำหรับนิสัยของผู้ฝึกเซียนค่อนข้างจะเข้าใจ

หลายวันถัดจากนั้นโม่เทียนเกอไม่ได้ทำเรื่องสำคัญอะไร ทุก ๆ วันเพียงปรับลมหายใจ หยอกล้ออสูรวิญญาณในยามว่าง อ่านประสบการณ์ฝึกตนของโม่เหยาชิง

เวลากว่าครึ่งเดือนผ่านไป ในระหว่างนี้ผู้ดูแลต่งเคยมาหนึ่งครั้ง นางจ่ายศิลาวิญญาณไปอีกหลายสิบก้อนแสดงออกว่ายังคิดจะอยู่อีกสักพัก ผู้ดูแลต่งเห็นนางจ่ายเงินมาง่าย ๆ ก็มีความสุขมาก แนะนำเรื่องราวของเกาะเป่ยจี๋มากมายแก่นาง แล้วยังบ่งบอกนางว่าหากมีธุระให้สั่งอาอิ๋นไปเรียกเขาได้ตรง ๆ เลย สำหรับแขกที่พักอยู่ที่นี่ทุกคน การสอบถามข่าวสารและซื้อหาข้าวของล้วนไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติม

โม่เทียนเกอขอบคุณเขา บอกเขาว่าอยากได้แผนที่อย่างไม่เกรงใจ

เกาะเป่ยจี๋บนแผนที่วาดเส้นเลือดวิญญาณทุกแห่งหนรวมทั้งการกระจายตัวของอสูรปีศาจไว้อย่างละเอียดยิบ สิ่งที่น่าเสียดายคือ นอกจากนี้ สถานที่อื่น ๆ มีเพียงเค้าโครงคร่าว ๆ แผ่นดินใหญ่อวิ๋นจงยิ่งแค่แบ่งออกเป็นสามอาณาจักร ที่ตั้งของสำนักจำนวนหนึ่งไม่ได้ระบุเอาไว้เลย

นอกจากนี้ โม่เทียนเกอสังเกตเห็นว่าเกาะเป่ยจี๋ห่างจากแผ่นดินใหญ่อวิ๋นจงไกลนัก หากบินไปอาจจะเสียเวลานานมาก นางจึงถาม ๆ กับสาวใช้นางนั้นว่าไปอวิ๋นจงมีกี่หนทาง สาวใช้อาอิ๋นแจ้งนางว่าเกาะเป่ยจี๋มีสถานที่หลายแห่งที่มีม่านพลังเคลื่อนย้าย จากไปได้สะดวกมาก

โม่เทียนเกอวางใจลง ดูท่าปรมาจารย์ม่านพลังของอวิ๋นจงค่อนข้างร้ายกาจทีเดียว ม่านพลังเคลื่อนย้ายเป็นชนิดหนึ่งที่ซับซ้อนที่สุดในหมู่ม่านพลัง ต้องการทักษะอันซับซ้อนถึงสิบส่วนและศิลาวิญญาณนับไม่ถ้วน เทียนจี๋ก็ไม่ได้มีม่านพลังเคลื่อนย้ายสักกี่มากกี่น้อยที่มีก็เป็นระยะทางสั้น ๆ แถมล้วนควบคุมอยู่ในมือของสำนักใหญ่ต่าง ๆ ส่วนที่อวิ๋นจงนี่เป็นแค่เกาะเป่ยจี๋เล็ก ๆ ถึงกับมีม่านพลังเคลื่อนย้ายหลายอัน อยากจะเคลื่อนย้ายแค่จ่ายศิลาวิญญาณก็พอ

พักผ่อนอยู่หลายวัน หลังจากฟื้นฟูกำลังวังชาแล้ว โม่เทียนเกอออกจากเรือนเล็กที่อาศัยอยู่ชั่วคราวในที่สุด เข้าไปเดิน ๆ ในเมือง

สาวใช้อาอิ๋นพูดว่าตลาดของเกาะเป่ยจี๋นี้มีชื่อเสียงที่อวิ๋นจง แม้แต่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานยังมาซื้อสิ่งของที่นี่

โม่เทียนเกอฟังแล้วประหลาดใจอยู่บ้าง ต้องรู้ว่าเมืองคุนจงที่ผู้ฝึกตนอิสระรุ่งเรืองที่สุดในเทียนจี๋ก็แค่เท่านี้ เกาะเป่ยจี๋นี้เป็นแค่เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งตรงเหนือสุดของอวิ๋นจงเท่านนั้น ห่างไกลกับความรุ่งเรืองของแผ่นดินอวิ๋นจง

“ท่านเซียน ถนนสายนี้เป็นถนนที่คึกคักที่สุดของพวกเรา บนถนนสายนี้ ท่านอยากซื้ออะไรล้วนไม่มีปัญหา โดยเฉพาะแกนปีศาจ มีเพียงสิ่งที่คิดไม่ถึง ไม่มีสิ่งที่ซื้อไม่ได้” อาอิ๋นเดินอยู่ข้างหน้า แนะนำต่อนางด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

โม่เทียนเกอเดิมทีวางแผนจะมาเดินเล่นคนเดียว แต่อาอิ๋นบอกว่านางคุ้นเคยกับตลาดของเกาะเป่ยจี๋ยิ่งนัก โม่เทียนเกอคิดแล้วก็พานางมาด้วย

“เป็นเช่นนี้หรือ” สำหรับวาจานี้ของอาอิ๋น โม่เทียนเกอเพียงยิ้มบาง ๆ ถามไปหนึ่งประโยค นางย่อมรู้ว่านี่เป็นคำพูดเกินจริง แต่ว่าอาอิ๋นกล้าพูดประโยคนี้ ตลาดแห่งนี้ย่อมจะมีคุณค่าให้ชมเชย

“แน่นอนเจ้าค่ะ” อาอิ๋นพูด “เกาะเป่ยจี๋เราว่ากันว่าหลายหมื่นปีก่อนยังกันดารมาก ภายหลังมีผู้ฝึกตนท่านหนึ่งมาถึงที่นี่ ค้นพบเส้นเลือดวิญญาณ จึงได้ค่อย ๆ คึกคักขึ้นมา เริ่มแรกก็เป็นตระกูลฝึกเซียนและสำนักเล็ก ๆ ที่มาลงหลักปักฐานที่นี่ ภายหลังคนอื่น ๆ ค้นพบว่าอสูรทะเลที่นี่เยอะมากก็มาล่าอสูรที่นี่ กลายเป็นเกาะเป่ยจี๋ในวันนี้อย่างช้า ๆ”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้”

“ไม่หยุดเท่านี้นะเจ้าคะ!” อาอิ๋นยิ้มเอ่ยว่า “เดิมทีผู้ฝึกตนเหล่านี้ล่าอสูรทะเลแล้วล้วนจะเอาไปขายในแผ่นดินใหญ่ แต่เพราะคนที่มาล่าอสูรยิ่งมายิ่งมาก สกุลการค้ามากมายก็เลยมาตั้งสาขาที่นี่เสียเลย รับแกนอสูรทะเลโดยเฉพาะ อย่างช้า ๆ เกาะเป่ยจี๋ก็กลายเป็นตลาดแกนอสูรปีศาจที่ใหญ่ที่สุดของอวิ๋นจงทั้งหมด แม้แต่แกนของอสูรปีศาจแผ่นดินใหญ่ก็ล้วนเอามาขายที่นี่ พูดได้ว่าแกนปีศาจที่หาไม่เจอที่เกาะเป่ยจี๋ ทั่วทั้งอวิ๋นจงก็หาเจอได้ยากมาก”

“จริงรึ” เกาะเล็ก ๆ อย่างนี้ถึงกับเป็นตลาดแกนอสูรปีศาจที่ใหญ่ที่สุดของอวิ๋นจง หากเป็นเช่นนี้ นางสามารถดู ๆ ว่ามีแกนอสูรปีศาจที่พบเห็นได้น้อยอะไร เหมาะสมจะได้ซื้อกลับไป

เดินเข้า “ถนนแกนปีศาจ” ที่เรียกกันนี้แล้วใบหูได้ยินเสียงตะโกนเรียกที่นั่นที่นี่ทันทีว่า “สหายเต๋า ซื้อแกนปีศาจไหม ที่ข้ามีแกนอสูรทะเลชั้นยอด ถ้ามีตำหนิชดใช้สองเท่า!”

“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ร้านมีแกนปีศาจชุดใหม่ เพิ่งมาถึงจากแผ่นดินใหญ่ รับประกันว่าสินค้าทุกชิ้นคุณภาพดีเยี่ยม มาก่อนได้ก่อน รีบซื้อก่อนของจะหมด!”

“แกนอสูรแหวกเมฆาขั้นห้าหนึ่งเม็ด ราคาหนึ่งพันศิลาวิญญาณ หากสนใจเข้ามาคุยกัน!”

โม่เทียนเกอมองอย่างตื่นตาตื่นใจ ตลาดของเทียนจี๋น้อยนักจะครึกครื้นขนาดนี้ เหล่าผู้ฝึกตนถึงจะทำธุรกิจก็จะไม่ร้องขายอย่างปุถุชน ส่วนมากเพียงตั้งร้านกันเงียบ ๆ รอให้มีลูกค้ามาเยือน ที่อวิ๋นจงกลับไม่เป็นเช่นนี้ เหล่าผู้ฝึกตนก็ร้องขายสินค้าดึงดูดลูกค้าอย่างปุถุชน อาจเป็นเพราะว่าปุถุชนของอวิ๋นจงก็ฝึกเซียนด้วยกระมัง? ดังนั้นพวกเขาที่นี่ ผู้ฝึกตนกับปุถุชนไม่ได้ตัดขาดกันอย่างเทียนจี๋

กำลังคิดอยู่ก็มีคนเดินมาที่เบื้องหน้า “สหายเต๋าท่านนี้ แกนของอสูรอัสนีเมฆาย่ำหิมะขั้นสี่ สนใจไหม”

โม่เทียนเกอโบกมือใส่ผู้ฝึกตนที่ชักชวนทำธุรกิจผู้นี้แสดงออกว่าไม่สนใจ พาอาอิ๋นทอดน่องบนถนนสายนี้ต่อไป

ผู้ที่สนทนากับนางเป็นผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังผู้หนึ่ง หากเป็นที่เทียนจี๋ ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังคนหนึ่งไหนเลยจะทำธุรกิจเยี่ยงนี้ เกรงว่าแม้แต่ตั้งแผงลอยยังไม่เต็มใจ ธรรมเนียมของอวิ๋นจงนี้ไม่เหมือนกับเทียนจี๋มาก ๆ จริง ๆ ด้วย

“ท่านเซียนเพียงดูหรือเจ้าคะ ไม่มีสิ่งของที่ต้องการหรือเจ้าคะ” อาอิ๋นถามอย่างกระสับกระส่าย

โม่เทียนเกอมองนางแวบหนึ่ง ยิ้มถามว่า “มีร้านค้าอะไรที่แนะนำหรือ”

อาอิ๋นบิดผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างขัดเขิน เอ่ยว่า “เถ้าแก่พวกเราก็มีร้านค้าที่นี่ หากแนะนำลูกค้าไป ท่านสามารถลดราคาหนึ่งส่วน ข้าน้อยก็มีค่านายหน้า”

จากประสบการณ์แรกที่มาเกาะเป่ยจี๋ รวมทั้งสิ่งที่ได้เห็นได้ยินในช่วงเวลานี้ โม่เทียนเกอทราบธรรมเนียมเช่นนี้ของอวิ๋นจงแล้ว วิถีในการค้าขายของพวกเขาเทียบกับเทียนจี๋แล้วรุ่งเรืองกว่ามาก ด้วยเหตุนี้จึงเพียงแค่ยิ้ม

เห็นท่าทางโม่เทียนเกอไม่สนใจเลย อาอิ๋นไม่ได้พูดมากอีก เริ่มแนะนำร้านค้าที่อยู่ตรงหน้าอีก

“ท่านเซียนโปรดดู หออวี้หลินนี้เป็นร้านค้าของสำนักเทียนเหยี่ยนอันเป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดของเกาะเป่ยจี๋เรา ภายในมีสิ่งของมากยิ่งนัก แม้แต่แกนปีศาจขั้นหกขั้นเจ็ดก็สามารถหาเจอที่นี่ ได้ยินว่าสมบัติล้ำค่าแห่งร้านของหออวี้หลินเป็นแกนของอสูรปีศาจขั้นแปดหนึ่งเม็ดเจ้าค่ะ!”

“แกนขั้นแปด? สำนักเทียนเหยี่ยนนี้มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่?”

“อืม” อาอิ๋นพยักหน้า “สำนักเทียนเหยี่ยนมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สองท่าน นอกจากนี้โรงเรียนอู๋เหวยยังมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่หนึ่งท่าน เกาะเป่ยจี๋เราเล็กมาก มีเพียงผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สามท่านนี้”

เกาะเป่ยจี๋เล็กมากจริง ๆ โม่เทียนเกอเคยเห็นแผนที่ เทียบกับแผ่นดินใหญ่อวิ๋นจงแล้ว เกาะเป่ยจี๋เป็นเพียงจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่งทิศเหนือ คาดว่าเพียงเทียบเท่ากับเมืองเมืองหนึ่งของอาณาจักรใหญ่ทั้งสาม แต่เกาะเล็ก ๆ อย่างนี้ถึงกับมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สามคน ไม่รู้จริง ๆ ว่าทั่วทั้งอวิ๋นจงควรจะมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มากน้อยเท่าไร อาจจะเป็นสองเท่าของเทียนจี๋* เลยกระมัง

“ท่านเซียนเจ้าคะ อยากจะเข้าหออวี้หลินไปดูหน่อยไหมเจ้าคะ”

โม่เทียนเกอพยักหน้าอย่างไม่อินังขังขอบ “ได้” ว่างก็คือว่าง เดินท่องไปก็พอ

เข้าหออวี้หลินก็มีผู้ฝึกตนขึ้นหน้ามาต้อนรับทันที “ผู้อาวุโสท่านนี้ เชิญเข้าขอรับ ๆ” ถึงจะเป็นร้านค้าของสำนักอันดับหนึ่งเกาะเป่ยจี๋ การต้อนรับลูกค้าก็อบอุ่นถึงสิบส่วน โม่เทียนเกอได้ยินว่าเส้นเลือดวิญญาณเกาะเป่ยจี๋ถึงจะไม่เลว แต่สายแร่ศิลาวิญญาณกลับไม่มาก ดังนั้นพวกเขาพึ่งพาการซื้อขายของผู้ฝึกตนต่างถิ่นกว่าปกติ มีเพียงอย่างนี้พวกเขาจึงสามารถได้รับศิลาวิญญาณอย่างเพียงพอสำหรับการฝึกตนของตนเอง

“ผู้อาวุโสต้องการอะไรขอรับ แกนปีศาจของร้านเราพรั่งพร้อมที่สุดบนเกาะเป่ยจี๋แล้ว ไม่ว่าท่านต้องการแกนปีศาจอะไร ขอเพียงพูดชื่อออกมาจะสามารถหาพบในร้านเสียแปดส่วน! นอกจากนี้ หญ้าวิญญาณ, อุปกรณ์เวทต่าง ๆ ร้านพวกเราก็ล้วนมี” ผู้ที่พุ่งเข้ามาต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นปุถุชนผู้ฝึกเซียน ยิ้มแย้มเต็มหน้า

อาอิ๋นเหลือบมองสีหน้าของโม่เทียนเกอ คารวะให้คนผู้นี้ เอ่ยว่า “พี่ชายท่านนี้ พวกเราขอดูก่อน หากมีอะไรที่ต้องการค่อยเรียกท่าน”

“ได้ ทั้งสองท่านโปรดค่อย ๆ ดู” คนคนนี้อบอุ่นแต่ไม่เกินไป ทักทายหนึ่งประโยคแล้วก็ถอยกลับไปอย่างสุภาพ

โม่เทียนเกอแอบคิดในใจว่าคนอวิ๋นจงช่างทำธุรกิจโดยแท้ ทั้งทำให้คนรู้สึกได้รับการต้อนรับ แต่ไม่เหนียวหนึบเหมือนขนมคอเป็ด อบอุ่นได้พอดิบพอดี ทำให้คนรู้สึกสบายอย่างยิ่ง อดคิดไม่ได้ว่าหากสิ่งของใช้ได้ ซื้อไปสักชิ้นสองชิ้นก็ไม่เลว

เงยหน้ามองรอบด้าน หออวี้หลินนี้ใหญ่นัก จัดเรียงชั้นวางสินค้าแน่นขนัด ผู้คนไป ๆ มา ๆ ล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับต่ำ สนทนาเสียงเบา ๆ กับสหาย

“ท่านเซียน สิ่งที่ขายชั้นแรกล้วนเป็นแกนปีศาจขั้นต่ำ สำหรับท่านแล้วคาดว่าไม่มีอะไรน่าดู สิ่งที่ขายชั้นสองเป็นแกนปีศาจขั้นกลาง หากสิ่งที่ท่านต้องการคือแกนปีศาจขั้นสูงสามารถไปถามทางผู้ดูแลได้โดยตรงเจ้าค่ะ แต่ว่าหากท่านเซียนเพียงมาเดินเล่นมิสู้ไปที่โถงใหญ่ใต้ดิน ที่นั่นจึงเป็นสถานที่อันมีสีสันที่สุดของหออวี้หลิน”

“โถงใหญ่ใต้ดิน?” โม่เทียนเกอถามอย่างสนอกสนใจ “สีสันอย่างไร”

อาอิ๋นยิ้มกล่าวว่า “ท่านเซียนไปดูก็ทราบแล้วเจ้าค่ะ”

โม่เทียนเกอคิด ๆ ดูแล้วไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าเอ่ยว่า “นำทางเถอะ”

อาอิ๋นคารวะ นำนางเดินอ้อมชั้นวางสินค้าเหล่านี้อย่างชำนาญทาง เข้าประตูศิลาแกะสลักบานหนึ่ง เดินไปตามขั้นบันไดศิลาหลังประตูศิลา

โม่เทียนเกอสัมผัสได้แล้วว่าข้างล่างมีคนมากมาย รอจนนางถึงขั้นต่ำสุดก็เข้าประตูใหญ่ที่เปิดอ้าอีกบาน เบื้องหน้าสายตากระจ่างจ้าอย่างอดไม่ได้

เบื้องหน้าเป็นโถงใหญ่ที่โอ่โถงถึงสิบส่วน แทบจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นลานกว้าง ภายในมีแผงลอยแน่นขนัด ผู้ฝึกตนปุถุชนนับไม่ถ้วนเดินกันขวักไขว่ เสียงบนสนทนาดังอึงอลข้างหู

“นี่คือ……”

อาอิ๋นยิ้มเอ่ยว่า “โถงใหญ่ใต้ดินนี้จึงเป็นป้ายยี่ห้อของหออวี้หลิน นี่เป็นตลาดเสรีแห่งหนึ่ง ที่นี่ไม่มีร้านค้า มีเพียงลูกค้า ไม่ว่าจะฝึกตนอะไร อยากซื้อหรืออยากขายล้วนสามารถมาดู ๆ ที่นี่ หออวี้หลินไม่เก็บค่าธรรมเนียม”

โม่เทียนเกอกวาดสายตาไปช้า ๆ เอ่ยว่า “เช่นนี้แล้วจะไม่เหมือนกับแผงลอยข้างนอกอย่างไร”

“ไม่เหมือนอยู่ตรงนี้ที่นี่หออวี้หลินมีนายช่างผู้ประเมินทรัพย์สมบัติ ซื้อขายสองฝ่ายหากบรรลุข้อตกลงสามารถหานายช่างผู้ประเมินทรัพย์สมบัติ ที่นี่มาแยกแยะความแท้และคุณภาพ หากธุรกิจสัมฤทธิ์ผล หออวี้หลินจะเก็บค่าธรรมเนียมหนึ่งส่วน หากสิ่งของไม่ตรงกับที่ผู้ขายบอก ไม่อาจบรรลุข้อตกลง เช่นนั้นจะไม่เก็บค่าใช้จ่ายเลย”

“อ้อ” โม่เทียนเกอเข้าใจแล้ว “พวกเขาค้าขายที่นี่ปลอดภัยกว่าหน่อยหรือ”

“เจ้าค่ะ สมมติว่านายช่างผู้ประเมินทรัพย์สมบัติทำพลาด หออวี้หลินยังจะชดเชยให้ตามราคา ผู้ฝึกตนมากมายมาซื้อแกนปีศาจที่เกาะเป่ยจี๋ สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือหลอกของเลวเป็นของดี ดังนั้นพวกเขาล้วนเต็มใจจะจ่ายเงินเพิ่มอีกหน่อย ซื้ออย่างสบายใจ”

………………………………..

* ตรงนี้ต้นฉบับเขียนว่า 两极 เหลี่ยงจี๋ ซึ่งอาจจะแปลได้ว่าสองขั้ว แต่เราเดาว่าน่าจะพิมพ์ผิดจากคำว่าเทียนจี๋มากกว่าค่ะ

ตอนที่ 348 – ภัยพิบัติอันไม่สมควร

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท