หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 354 – ไปจากเกาะเป่ยจี๋

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 354 – ไปจากเกาะเป่ยจี๋

เนี่ยอู๋ชางไปไม่นาน โม่เทียนเกอลุกขึ้น เก็บสิ่งของของตนเองทั้งหมด

ถึงเนี่ยอู๋ชางจะไปแล้ว แต่สำนักเทียนเหยี่ยนนั่นมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สองคน ถ้าเผื่อมีของวิเศษอะไรที่พวกเขาไม่รู้สืบมาได้จะทำอย่างไร มิสู้ฉวยตอนนี้ที่สำนักเทียนเหยี่ยนยังไม่ระแวงนางจากไปดีกว่า

เข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนเอาเสี่ยวหั่วและเสี่ยวฝานเขากระเป๋าอสูรวิญญาณ เก็บอาวุธเวทต่าง ๆ นานาทีละอันให้เรียบร้อย สุดท้ายถอนม่านพลังที่วางไว้ที่ห้องฝึกตน

“อาอิ๋น”

ได้ยินเสียงของนาง อาอิ๋นที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่นอกเรือนวิ่งมา เมื่อครู่เนี่ยอู่ชางเพิ่งจะจากไปต่อหน้าต่อตานาง นางกลับไม่ได้ค้นพบสักนิด

“ท่านเซียน ท่านมีคำสั่งอะไรเจ้าคะ”

“ข้าจะไปแล้ว” โม่เทียนเกอพูดด้วยเสียงอบอุ่น ล้วงศิลาวิญญาณหลายก้อนออกมาจากในอกเสื้อยัดใส่มือนาง “หลายวันนี้ เจ้ารับใช้อย่างตั้งใจมาก ศิลาวิญญาณเหล่านี้เป็นรางวัลของเจ้า ค่าห้องข้าจ่ายไปพอแต่แรกแล้ว หลังข้าจากไป เจ้าเพียงไปรายงานต่อผู้ดูแลก็พอ”

อาอิ๋นตะลึงไป “ท่านเซียน ไปเร็วขนาดนี้เลย……”

“ฝึกตนระยะนี้ ข้าหยั่งรู้ถึงหลักการลึกล้ำบางอย่าง จะต้องกลับไปที่แผ่นดินใหญ่อวิ๋นจงก่อนสักรอบ พวกเราหากมีชะตาลิขิตค่อยพบกันใหม่” โม่เทียนเกอบอกลานางด้วยรอยยิ้ม ก้าวเท้าไปจากลานเล็กแห่งนี้

“ท่านเซียนเจ้าคะ!” อาอิ๋นมือกำศิลาวิญญาณ ไล่ออกไปอยากจะขอบคุณสักคำ แต่กลับค้นพบว่านอกลานไร้ผู้คนแล้ว นางถอนหายใจอย่างเสียใจ หันกลับไปเงียบ ๆ นางเป็นสาวใช้ในโรงเตี้ยมนี้ น้อยนักจะได้พบกับผู้ฝึกตนที่รับใช้ง่ายขนาดนี้ ก่อนไปยังตกรางวัลศิลาวิญญาณให้นางตั้งมากมาย ก็ไม่รู้ว่าภายหลังยังจะมีโอกาสได้พบกันอีกหรือไม่……

ไปจากโรงเตี้ยม โม่เทียนเกอก้าวเท้าเดินไปตลาดเสรี

ม่านพลังเคลื่อนย้ายที่ไปจากเกาะเป่ยจี๋ นางได้ไต่ถามมาแต่แรกแล้ว เกาะเป่ยจี๋นี้มีม่านพลังเคลื่อนย้ายหลายแห่ง ส่วนใหญ่ควบคุมโดยสำนักฝึกเซียน ถึงตามชื่อจะไม่ได้เป็นของสำนักเลยก็ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับสำนักเหล่านั้นไม่มากก็น้อย หรือพูดได้ว่า ไม่ว่าจะไปที่ม่านพลังเคลื่อนย้ายไหนล้วนไม่อาจเลี่ยงจากสำนักเทียนเหยี่ยน

ดังนั้น โม่เทียนเกอเลือกม่านพลังเคลื่อนย้ายแห่งนี้ที่เป็นของสำนักเทียนเหยี่ยนในตลาดเสรี ในเมื่อไม่อาจหลบเลี่ยง เช่นนั้นก็ขอยืมสำนักเทียนเหยี่ยนอย่างตรงไปตรงมาเลยดีกว่า เนี่ยอู๋ชางไปแล้ว ขอเพียงนางแสดงออกว่าไม่มีอาการสันหลังหวะสักครึ่งส่วน คาดว่าสำนักเทียนเหยี่ยนก็ดูอะไรไม่ออก

ไปที่หออวี้หลินอย่างคุ้นทาง ผู้ฝึกตนที่ขึ้นหน้ามาต้อนรับร้องทักทาย อาศัยผู้ฝึกตนคนนี้ชี้ทางมาถึงห้องโถงอีกแห่งที่มาคนไป ๆ มา ๆ

ห้องโถงใหญ่นี้เทียบกับโถงที่อยู่ตลาดเสรีแล้วเล็กกว่ามาก คนก็น้อยกว่ามาก ถึงอย่างไรการเคลื่อนย้ายใช้จ่ายไม่เบา ผู้ฝึกตนระดับต่ำพวกนั้นมักจะสะสมเงินมาเนิ่นนานจึงเคลื่อนย้ายได้หนึ่งครั้ง

โม่เทียนเกอพอเข้าห้องโถงใหญ่ก็สัมผัสได้ถึงจิตหยั่งรู้ของผู้ฝึกตนกวาดผ่านร่างตนเอง นางขนลุกในพริบตา ตื่นตัวขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะว่าจิตหยั่งรู้นี้เป็นของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่!

ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ของสำนักเทียนเหยี่ยนออกหน้ามาแล้วจริง ๆ? โม่เทียนเกอประหลาดใจอยู่บ้าง สิ่งที่เนี่ยอู๋ชางขโมยมาสรุปแล้วคือสิ่งของอะไร ในเมื่อวางไว้ที่หออวี้หลิน คงไม่สำคัญถึงกับทำให้ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ออกมาเสาะหาด้วยหรอกกระมัง

ถึงในใจจะกังขาเต็มเปี่ยม ใบหน้าโม่เทียนเกอกลับไม่เปลี่ยนสีหน้าไป เดินไปที่จุดลงทะเบียนข้าง ๆ ม่านพลังเคลื่อนย้ายอย่างผู้ฝึกตนคนอื่น

เมื่อเห็นว่านางเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน ศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณที่รับผิดชอบการลงทะเบียนเชิญนางไปรอที่ด้านข้างอย่างนอบน้อม ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังหลายคนที่ดูแลม่านพลังกลับจับจ้องนางอย่างระแวดระวังประดุจเผชิญศัตรูร้าย

โม่เทียนเกอยิ้มนิด ๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น รอพลางจิบชาตามสบายพลาง สำนักเทียนเหยี่ยนนี้ดูท่าจะค่อนข้างมั่งคั่งที่เดียว ใบชาต้อนรับในหออวี้หลินถึงกับมีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมเช่นนี้

ผ่านไปพักหนึ่ง มีคนรีบร้อนออกมาจากห้องข้างด้านในมาทางนาง

โม่เทียนเกอเงยหน้ามอง ยิ้มแล้ว บังเอิญขนาดนี้เลย ถึงกับเป็นฉื่อสู้ฟูเหรินผู้นั้นอีกแล้ว

ฉื่อสู้ฟูเหรินเห็นนางก็ยิ้มขึ้นมาก่อนโดยไม่พูดไม่จา ทั้งสองคนคารวะทักทายกันและกันอย่างรู้ใจถึงสิบส่วน

“สหายเต๋าฉื่อสู้”

“สหายเต๋าชิงเวย”

คารวะกันเสร็จ ฉื่อสู้ฟูเหรินยิ้มถามว่า “สหายเต๋าชิงเวยนี่คืออยากไปจากเกาะเป่ยจี๋แล้วหรือ ทำไมไม่อยู่อีกสักหลายวัน”

โม่เทียนเกอยิ้มบางตอบว่า “ฝึกตนระยะนี้ จู่ ๆ มีการหยั่งรู้ จะต้องรีบกลับแผ่นดินใหญ่อวิ๋นจงสักรอบให้เร็วที่สุด วาสนาไม่รอคน ถึงจะยังเที่ยวเกาะเป่ยจี๋ไม่พอก็ไม่อาจไม่จากไป”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้” เหตุผลนี้ไม่มีผู้ฝึกตนที่จะกังขา สำหรับผู้ฝึกตน ไม่มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าวาสนาแล้ว

โม่เทียนเกอมองไปรอบ ๆ ถามอย่างอยากรู้นิดหน่อยว่า “สหายเต๋าฉื่อสู้ หรือว่าพวกท่านยังหาหัวขโมยคนนั้นไม่พบ” ถึงในสถานที่ไม่มีผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน แต่ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังเหล่านี้สีหน้าเคร่งเครียดตรวจสอบผู้ฝึกตนที่จากไป ภายในยังมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นั่งประจำการ พอพบเห็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน ฉื่อสู้ฟูเหรินคนนี้ยังออกมาตรวจสอบด้วยตนเอง เหตุการณ์นี้ไม่ได้ใหญ่ระดับธรรมดาเลย

โม่เทียนเกออดแอบกังวลใจไม่ได้ ถึงเนี่ยอู๋ชางเพียงปลอมตัวเป็นผู้ฝึกตนที่ออกทะเล แต่คิดว่าทางนั้นก็จะมีการตรวจสอบด้วยกระมัง ไม่รู้ว่านางจะผ่านด่านไปแล้วหรือไม่……

ฉื่อสู้ฟูเหรินหัวเราะอย่างจนใจยิ่ง “ใช่แล้ว ซือป๋อจิตวิญญาณใหม่สำนักข้ามีคำสั่ง ผู้ฝึกตนที่ไปจากเกาะเป่ยจี้ช่วงเวลานี้ล้วนต้องตรวจสอบให้ดี สหายเต๋าชิงเวยไม่ถือสากระมัง”

โม่เทียนเกอกังวลในใจ ใบหน้ากลับไม่ใส่ใจ เอ่ยว่า “สหายเต๋าตรวจสอบเต็มที่เถอะ เพียงหวังว่าจะสามารถปล่อยข้าจากไปโดยเร็วที่สุด หากพลาดวาสนาครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะเป็นเวลาใด”

“นี่ย่อมแน่นอน” ฉื่อสู้ฟูเหรินตกปากรับคำ เอ่ยว่า “สหายเต๋าชิงเวย เชิญ”

โม่เทียนเกอลุกขึ้น ตามฉื่อสู้ฟูเหรินเข้าห้องข้างไร้ผู้คนหนึ่งห้อง เพียงเห็นฉื่อสู้ฟูเหรินล้วงเอาถาดหยกออกมาใบหนึ่งวนรอบโม่เทียนเกอตรวจดูอย่างละเอียดสองรอบ จากนั้นผ่อนลมหายใจ ยิ้มเอ่ยว่า “เอาล่ะ สหายเต๋าสามารถไปดำเนินตามขั้นตอนได้แล้ว”

ได้ยินประโยคนี้ เส้นประสาทที่ตึงเปรี๊ยะของโม่เทียนเกอผ่อนคลายลง สัมผัสได้ว่าจิตหยั่งรู้ที่พันรอบตนเองสายนั้นจางหายไปในที่สุด ใบหน้านางยังคงเป็นสีหน้าอย่างเดิม คารวะให้ฉื่อสู้ฟูเหริน “สหายเต๋าฉื่อสู้ ข้าขอลาก่อน ภายหลังค่อยพบกัน”

“ภายหลังค่อยพบกัน จังหวะเวลาที่ได้ทำความรู้จักสหายเต๋าช่างไม่ดีโดยแท้ สำนักข้าพอดีเกิดเรื่องใหญ่ สหายเต๋ามาเกาะเป่ยจี๋อีกในภายหลัง เชี่ยเซินค่อยทำหน้าที่เจ้าบ้านใหม่”

ฉื่อสู้ฟูเหรินส่งนางไปยังม่านพลังเคลื่อนย้าย บอกศิษย์ที่คุ้มกันม่านพลังเคลื่อนย้ายว่ายกเว้นค่าธรรมเนี่ยมเคลื่อนย้ายของนาง ทั้งสองเกรงอกเกรงใจต่อกันอีกรอบจึงได้เอ่ยลาอย่างเป็นทางการ

มีฉื่อสู้ฟูเหรินอนุญาตด้วยตนเอง ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังทั้งหลายที่คุ้มกันม่านพลังเคลื่อนย้ายทัศนคติเกรงใจขึ้นมากมายทันที ถามอย่างเคารพว่า “ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสต้องการเคลื่อนย้ายไปที่ใดขอรับ”

โม่เทียนเกอยิ้มบาง ถามว่า “ม่านพลังเคลื่อนย้ายนี้ของเจ้าสามารถเคลื่อนย้ายไปถึงกี่ที่”

“เรียนผู้อาวุโส ม่านพลังเคลื่อนย้ายของพวกเราพอดีเคลื่อนถึงสามแห่ง คืออาณาจักรตงถัง, อาณาจักรหนานโจว, อาณาจักรเป่ยหลิน”

โม่เทียนเกอเอ่ยว่า “ไปอาณาจักรตงถัง แต่เคลื่อนย้ายตรงไปถึงเมืองหลวงเลยไหม”

“มิใช่ขอรับ” ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังนั้นกางแผนที่ ชี้ไปที่อาณาจักรตงถังบนนั้น “ผู้อาวุโสโปรดดู ตำแหน่งเคลื่อนย้ายของพวกเราคือที่นี่ เรียกว่าเมืองเทียนเสวี่ย”

“ที่นี่หรือ……” โม่เทียนเกอพึมพำหนึ่งคำ “เหมือนจะไกลหน่อยนะ”

ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังนั้นเผยสีหน้าขออภัย “เมืองหลวงไกลเกินไป ค่าเคลื่อนย้ายสูงเกินไป ทว่าเมืองเทียนเสวี่ยก็มีม่านพลังเคลื่อนย้าย ผู้อาวุโสคิดจะกลับสำนักน่าจะสะดวกมาก”

โม่เทียนเกอรู้ว่าเขาเข้าใจผิด แต่นางไม่ได้อธิบายเลย คนอื่นนึกว่านางเป็นผู้ฝึกเต๋าของอาณาจักรตงถัง สำหรับนางแล้วยังมีประโยชน์กว่า สมมติทราบว่านางมาจากเทียนจี๋อันห่างไกล ใครจะรู้ว่าจะมีคนอยากได้อะไรจากนางเพราะความอยากรู้หรือไม่

นางพยักหน้า “เอาเถอะ เช่นนั้นก็เมืองเทียนเสวี่ย”

…………………………………………..

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท