วันที่สิบห้าของหนานกงเยี่ย เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงไม่ต้องไปทำงาน
แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับไม่ได้รู้สึกว่าวันที่เป็นสุดสัปดาห์จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าไม่ต้องไปบริษัท เธอก็ตื่นแต่เช้า
งานออกแบบของเธอเสร็จแล้ว ร่างเอฟเฟกต์และภาพประกอบทางเทคนิคก็ร่างเสร็จแล้ว ต่อไป เธอก็ต้องทำโมเดลแบบจำลองขึ้นมา เธอต้องการห้องทำงานส่วนตัว แต่ถ้าไม่ได้ขออนุญาตจากหนานกงเยี่ย เธอก็ไม่กล้าไปใช้ห้องอื่น ดังนั้นเธอจึงใช้ห้องของตัวเองแล้วซื้อเครื่องแกะสลักเลเซอร์มาตั้งไว้ จากนั้นก็ซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างโมเดลจำลองมาด้วย
เพราะว่าหนานกงเยี่ยไม่อยู่ เธอก็ไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง ตอนที่ตื่นขึ้นมา ก็ยังไม่ทันได้ล้างหน้าแปรงฟันก็ไปนั่งทำโมเดลจำลองของสิ่งปลูกสร้างตรงโต๊ะข้างๆ
ตอนนี้เธอก็ยังมีความสวยงามในสภาพที่พึ่งตื่นนอน ผมยาวที่ดำเงาของเธอปล่อยยาวสลวยไว้ตรงหัวไหล่ ใบหน้าที่ไม่ได้ผ่านการแต่งเติมใดๆ ดูเหมือนยังง่วงนอนอยู่ ชุดนอนและกางเกงนอนผ้าซาตินสีเนื้อทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่เรียบง่าย พอเห็นเธอในสภาพแบบนี้ ก็คงไม่มีใครนึกถึงว่าเธอเป็นนักฆ่าที่เดินเพียงสิบก้าวก็สามารถเอาชีวิตของคนอื่นได้
หนานกงเยี่ยไม่อยู่ที่นี่ ประมาณครึ่งเดือนแล้ว เธอดูนิ่งสงบ และเหมือนจะเป็นเงียบสงบที่ถูกปลดปล่อย เธอไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขา เวลาที่เธอทำงานขึ้นมาก็จะดูเป็นตัวเองมากขึ้น
ทว่าวันนี้เธอเริ่มรอคอยให้เขากลับมา เพราะว่าเธอจะรายงานความคืบหน้าของงาน เธออยากจะได้รับการยอมรับจากเขาเร็ววัน จากนั้นก็จะได้รับอำนาจในการสร้างสิ่งปลูกสร้างที่เป็นแลนด์มาร์ก หลังจากที่เธอเจอลั่วเฮิ่ง ความอยากจะแก้แค้นของเธอก็ยิ่งอยู่ยิ่งร้อนใจขึ้นมา เธออดใจทนรอไม่ไหวที่จะเห็นท่าทางที่ร้องห่มร้องไห้ของลั่วเฮิ่งตอนที่อยู่ตรงหน้าประตูนรก
จู่ๆก็มีเสียงแตรรถดังมาจากชั้นล่าง เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกตื่นเต้นในใจ จึงได้วางอุปกรณ์ในมือลงแล้ววิ่งไปตรงริมหน้าต่าง จากนั้นก็เปิดม่านให้มีรู แล้วมองไปข้างล่าง
คนที่ลงจากรถไม่ใช่หนานกงเยี่ย แต่คืออวี้หลานซี
เหลิ่งรั่วปิงขมวดคิ้ว เธอคิดไม่ออกว่าอวี้หลานซีมาที่นี่เพราะอะไร เธอมาเมืองหลงในวันแรก ก็เคยเห็นหน้าเธอที่สนามบิน ดูจากนัยน์ตาที่อวี้หลานซีมองหนานกงเยี่ย ก็รู้ว่าเธอชอบหนานกงเยี่ย
เหลิ่งรั่วปิงไม่รู้จักอวี้หลายซี สิ่งแรกที่เธอตัดสินว่าวันนี้อวี้หลานซีมาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาจัดการผู้หญิงเลวๆ คนหนึ่ง และอยากจะมาดูว่าผู้หญิงคนไหนที่ถูกผู้ชายที่เธอชอบเลี้ยงดู ยิ่งไปกว่านั้น หนานกงเยี่ยมีความรู้สึกที่ดีกับเธอ
หนานกงเยี่ยให้ความสำคัญกับอวี้หลานซี เหลิ่งรั่วปิงรู้ดี เพราะราชาที่เลือดเย็นที่ชอบวิธีที่โหดเหี้ยมในการจัดการทุกปัญหา จะยอมที่จะปกป้องผู้หญิงคนหนึ่ง โดยการทำข้อตกลงกับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้มากๆ
เหลิ่งรั่วปิงแสยะยิ้มเยาะแสตัวเองขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องนอน แล้วเดินลงไปชั้นล่าง เธอไม่อยากจะเป็นเต่า เหลิ่งรั่วปิงไม่อยากกลายเป็นเต่าที่งุดหัวเข้าไปหลบอยู่ในกระดอง
ตอนที่เธอลงไปชั้นล่าง อวี้หลานซีก็ยืนอยู่ตรงห้องรับแขกแล้ว และกำลังจับจ้องมาที่เธอ
อวี้หลานซีแต่งตัวอย่างสง่าและเป็นผู้ดีมากจริงๆ นัยน์ตาที่มองเหลิ่งรั่วปิงก็เหมือนจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย แค่สื่อถึงความรู้สึกแปลกใจและกำลังสังเกตมองดูอย่างละเอียดอยู่
จนกว่าเหลิ่งรั่วปิงเดินไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย อวี้หลานซีก็ค่อยเอ่ยพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “เธอก็คือเหลิ่งรั่วปิง?”
จริงๆ อวี้หลานซีเริ่มแรกก็ไม่รู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงมีตัวตนอยู่ ตอนที่คุยเล่นกับอวี้ไป่หัน อวี้ไป่หันก็แอบหลุดปากพูดออกมา พอเธอรู้ว่าวิลล่าหย่าเก๋อของหนานกงเยี่ยมีผู้หญิงเข้ามาอยู่ ทันใดนั้นเธอเลยอยากจะมาดู ว่าผู้หญิงแบบไหนกันแน่ที่สามารถดึงดูดเขาได้ เขาครองโสดมาสองปี เธออุตส่าห์ดีใจว่าเขาคงไม่มีทางซื้อผู้หญิงคนไหนอีกแน่นอน เธอก็เฝ้ารอคอยให้เขามาสู่ขอเธออยู่ทุกๆ วัน
ตอนนั้น หนานกงจวิ้นที่เป็นนายท่านของตระกูลหนานกงก็เคยพูดต่อหน้าเธอและหนานกงเยี่ยว่าอนาคตจะให้เธอเป็นสะใภ้ของตระกูลหนานกง ดังนั้นเธอจึงเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ยมาโดยตลอด
จริงๆ ตำแหน่งสะใภ้ของตระกูลหนานกงนั้นไม่ได้สำคัญสักเท่าไหร่ ที่สำคัญที่สุดก็คือเธอชอบหนานกงเยี่ยจริงๆ
Related