ระหว่างที่รอหนานกงเยี่ยมารับ เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ขึ้นรถของมู่เฉิงซี ทางด้านมู่เฉิงซีเองก็ไม่มีทีท่าจะเชิญเธอขึ้นไปนั่งบนรถ สายตาที่เขามองมาทางเหลิ่งรั่วปิงตั้งแต่ต้นจนจบเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา เหมือนอยากจะมองให้ทะลุทะลวงอะไรบางอย่าง แต่เหลิ่งรั่วปิงยืนนิ่งอยู่ใต้ร่ม ราวกับว่ากำลังฟังเสียงฝนตกอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีความประหม่าใด สุดท้ายมู่เฉิงซีก็คว้าน้ำเหลว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถของหนานกงเยี่ยขับมาถึงถนนซีเฉิงจงด้วยความเร็วสูง เขาจอดระตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิง
ลงจากรถ หนานกงเยี่ยคว้าตัวเหลิ่งรั่วปิงไปกอดทันที “อย่าให้ผมหาคุณไม่เจออีก!”
เขากอดเธอแน่นมาก ราวกับกลัวจะสูญเสียเธอไป ทุกคนดูออกว่าเขากังวลแค่ไหน เหมือนเพิ่งผ่านมรสุมกลับมา
มู่เฉิงซีหันไปมองทางอื่น เขาเองก็จนปัญญา เวลาที่ผู้ชายคนหนึ่งตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว หัวใจของผู้ชายคนนั้นไม่สามารถตัดขาดจากเธอได้ ไม่เจอกันแค่วันเดียว เหมือนไม่ได้เจอกันมานานเป็นปี ดังนั้นเขาไม่สามารถช่วยหนานกงเยี่ยได้
เนื้อตัวของเหลิ่งรั่วปิงเปียกไปหมด มือของเธอเย็นเฉียบ ปอยผมตรงหน้าผากเปียกจนพันกันเป็นเกลียว ใบหน้าของเธอซีดขาว หนานกงเยี่ยโล่งอก ทว่าจู่ๆ เขาก็โมโหขึ้นมาทันที เขาไม่สนใจเนื้อตัวที่เปียกปอนของเหลิ่งรั่วปิง คว้ามือของเธอแนบชิดกับเสื้อของตน ตามด้วยต่อว่าเสียงดัง “คุณโง่หรือไง ฝนตกทำไมไม่รู้จักหาที่หลบฝน แล้วทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาหาผมให้ผมสนคนมารับ”
หนานกงเยี่ยต่อว่าเหลิ่งรั่วปิง ในขณะเดียวกันเขาก็อุ้มเธอขึ้นรถ จากนั้นเอาผ้าห่มมาห่มให้กับเธอ แล้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมให้เธอ การกระทำของเขาไม่อ่อนโยนแม้แต่น้อย เคล้าไปด้วยความโมโห ปกติเธอเป็นคนฉลาดไม่ใช่หรอ ทำไมวันนี้ถึงโง่แบบนี้ ไม่รู้จักโทรศัพท์มาหาเขาและยังทำให้ตนเองหมดสภาพขนาดนี้อีก
เหลิ่งรั่วปิงเงียบไม่ยอมพูดอะไร ปล่อยให้หนานกงเยี่ยอุ้มเธอ เช็ดผมให้เธอ พูดตามตรง หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงรู้สึกอบอุ่น ถึงแม้ท่าทีของหนานกงเยี่ยจะหยาบกระด้างไปบ้าง เหมือนกำลังระบายอารมณ์กับเธอ แต่ทุกคำที่เขาพูดออกมา ทุกการกระทำของเขา แววตาที่มองมา ทั้งหมดนี้เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้เธอจะเป็นคนที่เหี้ยมโหด แต่เธอก็มีเลือดเนื้อและหัวใจ การที่มีคนรักและปกป้องตนเองด้วยใจจริงแบบนี้ เธอเองก็หวั่นไหวเป็นเหมือนกัน
ไม่นาน ก่วนอวี้พาคนของเขามาถึง พร้อมทั้งเอาเสื้อผ้ามาตามคำสั่งของหนานกงเยี่ย
เวลานี้รถของหนานกงเยี่ยถูกเหลิ่งรั่วปิงทำให้เปียกไปหมดแล้ว ส่วนรถที่ก่วนอวี้ขับมานั้นเป็นรถยนต์ที่หรูหราที่สุดของหนานกงเยี่ย เป็นรุ่นพรีเมี่ยมของรถยนต์ที่หรูที่สุด หนานกงเยี่ยใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมตัวเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ เขาช้อนตัวเธอขึ้นแล้วอุ้มไปที่รถยนต์คันที่ก่วนอวี้ขับมา หนานกงเยี่ยวางเธอลงตรงเบาะหลัง ภาพในรถยนต์อุ่นมาก เพราะก่วนอวี้เปิดฮีตเตอร์เอาไว้ให้ตั้งแต่แรกแล้ว เวลาเดียวกับที่หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงรู้สึกอบอุ่น ร่างกายของเธอเองก็ค่อยๆ อบอุ่น
หลังจากจัดการเรื่องของเธอเรียบร้อย เวลานี้หนานกงเยี่ยอารมณ์เย็นลงมาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมไปเอาของที่รถคันนั้นก่อน”
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า มองดูแผ่นหลังของเขาที่เดินกางร่มอยู่กลางสายฝน เธอรู้สึกมีน้ำใสๆ รื้นขึ้นมา
หนานกงเยี่ยกลับมาเอาของที่รถ ขณะที่เขากำลังจะกลับไปหาเหลิ่งรั่วปิง มู่เฉิงซีเดินมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หนานกง”
หนานกงเยี่ยเพิ่งคิดได้ว่ามู่เฉิงซีก็อยู่ในที่นี่ด้วย ก่อนหน้านี้จิตใจของเขาคิดถึงแต่เหลิ่งรั่วปิง จึงลืมมู่เฉิงซีไปเสียสนิท เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “เฉิงซี คืนนี้ขอบใจแกมาก”
“เพื่อนรัก ไม่จำเป็นต้องขอบคุณกันหรอก” มู่เฉิงซีถอนหายใจ “หนานกง ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าแกคงไม่พอใจ แต่ฉันจำเป็นต้องพูด เหลิ่งรั่วปิงมีบางอย่างน่าสงสัย ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับแก”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วมองไปทางมู่เฉิงซี “เฉิงซี หลังจากนี้ถ้าแกเลือกที่จะหุบปาก ฉันจะขอบใจแกมาก” พูดจบ หนานกงเยี่ยเดินสาวเท้าก้าวใหญ่ไปหาเหลิ่งรั่วปิงที่รถ เขาเข้าไปนั่งในรถ ถอดเสื้อกันหนาวของตนเอง แล้วกอดเธอเอาไว้
เขารู้ดีว่าเหลิ่งรั่วปิงมีบางอย่างน่าสงสัย เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ไม่ใช่อย่างที่เธอพูด แต่เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้หัวใจของเขาอยู่เหนือการควบคุมของตนเอง ต่อให้เธอมาเพื่อฆ่าเขา เขาก็ไม่อยากปล่อยเธอไป
ก่วนอวี้นั่งประจำที่คนขับ เขากดปิดแผงกั้นตรงกลาง แล้วขับรถออกไปช้าๆ
มองดูรถของหนานกงเยี่ยที่ขับไกลออกไป มู่เฉิงซีขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนหน้านี้ คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลง คนที่ใช้ชีวิตสุดขั้วที่สุดคือหนานกงเยี่ย เขาเป็นคนดูแลตระกูลหนานด้วยตนเอง มีวิธีการทำงานที่เฉียบขาด แม้แต่นายท่านหนานกงยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้ สำหรับเรื่องของผู้หญิง เขาเฉยชากับเรื่องนี้มาก มีผู้หญิงผ่านเข้ามาและผ่านไปนับไม่ถ้วน เขาเหมือนนกอินทรีย์ที่โบยบินได้อย่างอิสระ ทำทุกอย่างตามความต้องการของตนเอง ไม่มีอะไรสามารถส่งผลต่อจิตใจเขาได้ แต่ว่าหนานกงเยี่ยในตอนนี้ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยผู้หญิงที่ชื่อเหลิ่งรั่วปิง เขาไม่ใช่หนานกงเยี่ยคนเดิมที่ใช้ชีวิตตามความต้องการของตนเองอีกแล้ว ทุกย่างก้าวและทุกการกระทำของเธอส่งผลต่อเขา
หลังจากอุณหภูมิในรถยนต์เริ่มอุ่นขึ้นมา หนานกงเยี่ยถอดเสื้อของเหลิ่งรั่วปิง หลังจากถอดเสื้อของเธอทิ้งเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ให้กับเธอ หลังจากเปลี่ยนทุกอย่างเสร็จ หนานกงเยี่ยดึงตัวเธอเข้ามากอดอีกครั้ง เอามือและเท้าของเธอซุกเข้าไปในเสื้อผ้าของตน
เท้าของเธอเย็นจนเขาถึงกับสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าไป หนานกงเยี่ยอดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา เขากอดเธอแน่นและพูดตำหนิ “คุณกลายเป็นคนโง่ไปแล้วใช่ไหม ทำไมไม่โทรให้ผมมารับ”
เหลิ่งรั่วปิงซบแผงอกกว้างของเขาด้วยความว่าง่าย “ฉันไม่อยากให้คุณต้องลำบาก”
หนานกงเยี่ยเชยคางเธอขึ้นด้วยความโมโห เขาจับคางเธอขึ้นมา “ผมเป็นผู้ชายของคุณ ถ้าคุณไม่อยากรบกวนผมแล้วอยากไปรบกวนใคร”
เหลิ่งรั่วปิงกระพริบตาปริบๆ มองดูนัยน์ตาที่เคล้าความโมโหของเขา “ฉันชินกับการพึ่งพาตนเองไปแล้วค่ะ”
แววตาของหนานกงเยี่ยฉายความเจ็บปวด จากนั้นกดใบหน้าของเธอไปอยู่ที่คางของตนเอง แก้มของเขาถูกกับหน้าผากของเธอ หนานกงเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลังจากนี้ ผมจะเป็นที่พึ่งพิงของคุณเอง”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไร เธอเงียบแล้วซบอยู่ที่ซอกของเขา ขนตางอลยาวถูกับซอกคอของหนานกงเยี่ยเบาๆ ทั้งสองแนบชิดกัน หัวใจของเธอและเขาแทบจะเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน เธอสามารถพึ่งพิงผู้ชายคนนี้ได้จริงๆ หรอ
กลับมาถึงวิลล่าหย่าเก๋อ ฝนในฤดูใบไม้ผลิยังคงตกโปรยปรายไม่หยุด
หนานกงเยี่ยอุ้มเธอเหมือนอุ้มเด็กน้อย เขาอุ้มเหลิ่งรั่วปิงไปที่ห้องนอนชั้นสอง ถอดเสื้อผ้าให้เธอด้วยตนเอง จากนั้นอุ้มเธอเข้าไปในอ่างอาบน้ำ เขาสระผมให้เธอด้วยความตั้งใจ ทุกอย่างที่เขาทำดูเป็นธรรมชาติมาก ราวกับสิ่งที่ทำอยู่นี้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาไปแล้ว
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาอุ้มเธอกลับไปบนเตียง เป่าผมและเปลี่ยนชุดนอนให้กับเธอ จากนั้นห่มผ้าให้เธอ เหลิ่งรั่วปิงกลัวความหนาว ข้อนี้เขาจำขึ้นใจ ถึงแม้ตอนนี้จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศยังคงหนาวเย็น คืนนี้ฝนยังตกอีกด้วย เธอเดินอยู่บนท้องถนนคนเดียวเป็นเวลานาน จนเนื้อตัวเปียกไปหมด เขาปวดใจมาก
“อยู่ในผ้าห่มนะครับ ผมไปอาบน้ำก่อน” หนานกงเยี่ยประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากคู่สวย จากนั้นหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
เหลิ่งรั่วปิงที่เวลานี้ร่างกายอบอุ่นแล้ว เธอมองไปที่ประตูห้องน้ำ มีเสี้ยววินาทีหนึ่งที่ใจเธอลอย จากนั้น เธอหันไปมองนอกหน้าต่าง เม็ดฝนตกระทบกับหน้าต่าง กลายเป็นหยดน้ำกลมๆ จากนั้นมันก็ไหลลงมา โคมไฟริมถนนส่องแสงสลัวกระทบหน้าต่าง ทำให้หยดน้ำฝนมีประกายวิบวับราวกับไข่มุก
คืนวันฝนตกในฤดูใบไม้ผลิ ดูงดงามขึ้นมาทันที
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกยิ้มมุมปาก เธอเลิกผ้าห่มออก เดินลงจากเตียงไปยืนตรงหน้าต่าง นิ้วมือเรียวยาววาดกับกระจกหน้าต่าง เธอใจลอยอีกครั้ง
สายฝนตกลงจากท้องฟ้า ตกกระทบบนพื้นดิน กลายเป็นสายน้ำเล็กๆ สะท้อนกับแสงไฟสลัวไหลไปตามทาง ตอนที่พวกมันตกลงสู่พื้นดิน คงจะมีความสุขมาก?
หนานกงเยี่ยเดินออกมาจากห้องน้ำ สิ่งแรกที่เขามองคือบนเตียง ทว่าเมื่อไม่เห็นคนอยู่ หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ เขากลัวเธอหายไปทุกวินาที
หนานกงเยี่ยกวาดตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เขาก็โล่งใจทันที เขารู้สึกโมโหอยากจะเข้าไปต่อว่าเธอ แต่ภายในใจของเขากลับอ่อนระทวย ความสวยของเธอ ทำให้เขาขาดสติ
ผมยาวสลวยของเธอเป็นลอนเล็กน้อย เส้นผมยาวประบ่า ชุดนอนสีชมพูดตัวใหญ่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ ทำให้เธอดูสวยมาก มือทั้งสองวาดลวดลายบนหน้าต่าง เหมือนกำลังสีเชลโล่ เธอไม่ได้ใส่รองเท้า เท้าขาวเนียนเผยออกมานอกกางเกง ยืนเหยียบบนพื้นไม้ คล้ายกับกระต่ายตัวน้อย นอกหน้าต่างมีแสงไฟสลัวส่องสะท้อนมา ทำให้มีแสงไฟสีเหลืองทองปกคลุมเธอไว้
เหลิ่งรั่วปิงยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนวิวทิวทัศน์ที่งดงาม
หนานกงเยี่ยโยนผ้าเช็ดตัวทิ้ง เขาเดินไปหาเธอ แล้วสวมกอดจากด้านหลัง “กำลังมองอะไรอยู่ครับ”
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ รอยยิ้มของเธอเหมือนต้นหลิวในฤดูใบไม้ผลิ เธอเอนตัวมาด้านหลัง ซบอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย ทิ้งน้ำหนักตัวลงที่เขา จากนั้นนิ้วมือเรียวยาวของเธอวาดรูปยิ้มบนหน้าต่าง เธอวาดรูปเขา
หนานกงเยี่ยยิ้ม จับมือของเธอแล้ววาดรูปตรงหน้าต่าง เขาวาดใบหน้ายิ้มอีกรูปหนึ่ง เป็นรูปของเธอ หน้ายิ้มทั้งสองใกล้ชิดอยู่ด้วยกัน
ผ่านไปนานครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงหันหลัง มือของเธอกอดคอเขาเอาไว้ เขย่งเท้าจูบริมฝีปากเย็นเฉียบของเขา
การที่เธอเป็นฝ่ายรุกแบบนี้ ทำให้เขาชอบมาก เขากลัวว่าเธอจะจูบด้วยความลำบาก จึงรีบก้มหน้าลง มือทั้งสองจับเอวของเธอเอาไว้
มีเสียงฝนตกเป็นทำนองประกอบ ค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิมีเสน่ห์น่าหลงใหลขึ้นมาทันที ความงดงามภายในห้องทำให้ดอกไม้ใบหญ้าที่อยู่ด้านนอกดูงดงามมากขึ้น…
*****
นับตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงและอาเธอร์ออกไป หลินมั่นหรูโมโหเหมือนคนบ้า เธอพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง เปิดคอมพิวเตอร์ แล้วเริ่มหาข้อมูล
ยาของตระกูลถังมีชื่อเสียงดังระดับโลก ดังนั้นเธอจึงมีงานวิจัยมากมายของตระกูลถัง ยาพิษที่เหลิ่งรั่วปิงพูดถึง พอกินแล้วตัวยาจะกัดกินเลือดเนื้อ จนสุดท้ายเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก จากข้อมูลที่หามานั้น หลินมั่นหรูรีบหาสูตรยาของตระกูลถังอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้วเธอมั่นใจว่ายาที่ตนเองกินเข้าไปคือยาสูบเนื้อของตระกูลถังที่สืบทอดมานานนับร้อยปี ยาชนิดนี้ถ้ากินเพียงเล็กน้อยจะช่วยให้ลดน้ำหนักสำเร็จ แต่ถ้ากินเข้าไปมากจะทำให้เซลล์ในร่างกายถูกกัดกร่อน พอเวลาผ่านไปนานเข้าเซลล์ในร่างกายได้รับผลกระทบรุนแรง ทำให้ขาดน้ำ แล้วร่างกายก็จะค่อยๆ ซูบผอม จนสุดท้ายเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
หลังจากสืบข้อมูลแล้ว หลินมั่นหรูกระตุกยิ้ม เธอหัวเราะอย่างได้ใจ “เหลิ่งรั่วปิง แกคิดว่ายาแค่เม็ดเดียวสามารถทำอะไรฉันได้งั้นหรอ หลังจากที่ฉันได้ยาถอนพิษ ฉันจะทำให้แกตายอย่างอนาถแน่”
กดปิดวิจัยยา หลินมั่นหรูรีบหาที่อยู่ของถังเฮ่าทันที เธอเดาว่า ยาตัวนี้ถังเฮ่าเป็นคนให้เหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นในวิลล่าของเขาต้องมียาถอนพิษซ่อนเอาไว้แน่ ได้ยินมาว่าถังเฮ่าเป็นคนคลั่งยามาก ในวิลล่าของเขามีห้องทดลองขนาดใหญ่และยังมีห้องยาอีกด้วย ไปสืบค้นวิลล่าของเขาต้องได้อะไรกลับมาแน่
หลินมั่นหรูเป็นสายสืบที่มีความสามารถ เธอไม่เคยกลัวฟ้าไม่เคยกลัวดิน ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจไปหายาถอนพิษที่วิลล่าของถังเฮ่า