ลู่หวาหนงหัวเราะในลำคอ เหมือนจิ้งจอกเก้าหาง “คุณผู้หญิงลั่วอย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ อันที่จริงต่อให้ฉันไม่พูด ในใจของพวกคุณก็น่าจะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเป็นฝีมือใคร เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเหลิ่งรั่วปิง” ลู่หวาหนงชำเลืองมองสองแม่ลูกเจี่ยนชิว เธอพอใจกับปฏิกิริยาของทั้งสองมาก “ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่ายัยนั่นกับพวกคุณมีความแค้นอะไรกัน แต่ยัยนั่นทำกับพวกคุณขนาดนี้ พวกคุณไม่คิดอยากจะแก้แค้นบ้างหรอคะ”
“แน่นอนสิ!”ลั่วซูเยียงลุกขึ้นด้วยความโมโห “นางคนชั้นต่ำเหลิ่งรั่วปิง ฉันจะเอามันให้ถึงตาย!” พูดจนถึงประโยคสุดท้าย จู่ๆ เสียงของลั่วซูเยียงก็เบาลง เพราะเธอเพิ่งคิดได้ว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นที่รักของหนานกงเยี่ย อีกทั้งเธอกลัววิญญาณของเจียงหน่วนซินมากๆ เลยด้วย
“ดีมากค่ะ” ลู่หวาหนงพยักหน้าด้วยความพอใจ “ฉันเองก็มีเรื่องบาดหมางกับเหลิ่งรั่วปิงเหมือนกัน พวกเราสามารถร่วมมือกันกำจัดมันได้นะคะ”
“ร่วมมือกันยังไง” ลั่วซูเยียงถามอย่างอดใจรอไม่ไหว เรื่องที่ลู่หวาหนงถูกเหลิ่งรั่วปิงถอดเสื้อผ้าจนโป๊เปลือยในไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ เป็นความลับที่ถูกพูดถึงในสังคมชั้นสูงแล้ว ดังนั้นลั่วซูเยียงจึงไม่สงสัยว่าอะไรเป็นแรงจูงใจของลู่หวาหนง
“ฉันจะเกลี้ยกล่อมจั่วเยี่ยนเหาให้จัดงานเลี้ยงที่หลิ่วเย่ว์วานซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง เมื่อถึงเวลาจะมีการเชิญคุณลั่วและครอบครัว หนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงเองก็จะถูกเชิญมาด้วย พวกเธอรับผิดชอบจัดการเหลิ่งรั่วปิงให้ตายที่นั่น”
เจี่ยนชิวขมวดคิ้ว “ฉันได้ยินมาว่า เหลิ่งรั่วปิงต่อสู้เป็น พวกฉันเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ แล้วจะฆ่าเธอให้ตายได้ยังไง”
ลู่หวาหนงสะบัดผม แววตาของเธอฉายความเหี้ยมโหดออกมา “พวกเรา ทำแบบนี้…”
*****
เวลานี้ได้เข้าสู่เดือนที่สามของฤดูใบไม้ผลิแล้ว ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถของอวี้ไป่หันได้มาการซ่อมแซมตกแต่งใหม่จนแล้วเสร็จ เวลานี้หรูหรามากกว่าเดิมเสียอีก ถึงแม้เมื่อปีที่แล้วที่นี่จะเกิดการยิงปะทะกันขึ้น แต่การตกแต่งที่หรูหราและการบริการระดับพรีเมี่ยมดึงดูดลูกค้ามากมาย จึงทำให้ธุรกิจรุ่งเรืองเหมือนเดิม อีกทั้งยังเป็นไนท์คลับอันดับต้นๆ ของเมืองหลงเหมือนเดิม
เพื่อฉลองการเปิดไนท์ครับอีกครั้งของอวี้ไป่หัน คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงจึงมารวมตัวกัน อวี้ไป่หันเป็นคนชอบความครึกครื้น เขาจึงเสนอตนเองเป็นเจ้าภาพ แล้วเปิดห้องวีไอพีขนาดใหญ่ที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ พร้อมกับสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ
หนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงมา ทางด้านมู่เฉิงซีเองก็พาเวินอี๋มาด้วย
เวลานี้มู่เฉิงซีตกอยู่ในสถานะกระอักกระอ่วน เพราะเขาประกาศความสัมพันธ์ของตนกับเวินอี๋ บอกกับครอบครัวว่าจะแต่งงานกับเธอ ดังนั้นช่วงนี้เขาจึงได้รับแรงกดดันจากครอบครัว ปู่และพ่อของเขาล้วนเป็นทหาร ต่างก็ต่อสู้เก่ง ทุกครั้งที่เจอเขาทั้งคู่ก็เจอทำร้ายเขา ถึงแม้แม่ของมู่เฉิงซีจะคอยปกป้องลูกชายของตนเองเอาไว้ แต่เธอก็ไม่เห็นด้วยที่เขาจะแต่งงานกับเวินอี๋ พวกเขาบีบบังคับมู่เฉิงซีทุกด้าน ทว่าเรื่องนี้เขาแบกรับมันไว้คนเดียวเงียบๆ โดยที่เวินอี๋ไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย
งานเลี้ยง จั่วเยี่ยนเหาพาลู่หวาหนงมาส่งการ์ดเชิญ ความเป็นจริงการส่งการ์ดเชิญนั้น ให้พวกลูกน้องของเขาทำก็ได้แล้ว แต่เพราะคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงเป็นคนที่สูงศักดิ์ของเมืองหลง เพื่อแสดงความเคารพ จั่วเยี่ยนเหาจึงมาส่งด้วยตนเอง ตอนแรกเขาไม่อยากพาลู่หวาหนงมาด้วย แต่ทนกับความออดอ้อนของเธอไม่ได้
การที่ลู่หวาหนงดึงดันจะมาด้วยนั้นย่อมมีเหตุผล เธอรู้ดีว่าหนานกงเยี่ยไม่ชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงเหล่านี้ เธอจึงต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อโน้มน้าวเขาไปร่วมงานเลี้ยง เป็นจริงตามที่คิด หนานกงเยี่ยนั่งทำหน้านิ่งอยู่ในงาน เขาไม่ปรายตามองเธอและจั่วเยี่ยนเหาแม้แต่น้อย แม้แต่การ์ดเชิญก่วนอวี้เป็นคนรับให้
สำหรับหนานกงเยี่ย ลู่หวาหนงกลัวเขามาก ถึงแม้คำพูดเพียงคำเดียวของเขาได้ทำลายอนาคตของเธอ แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกเกลียดเขา เธอเอาความเกลียดแค้นเรานั้นไปลงที่เหลิ่งรั่วปิง
เธอไม่กล้าพูดกับหนานกงเยี่ย จึงคลายยิ้มแล้วพูดกับเหลิ่งรั่วปิง “คุณเหลิ่งคะ งานเลี้ยงในครั้งนี้ บริษัทจั่วซื่อจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมความงามตัวใหม่ ถ้าคุณไม่ไปคงน่าเสียดายมากเลยนะคะ”
เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนที่บุกน้ำลุยไฟมาก่อน สำหรับความเจ้าเล่ห์ของลู่หวาหนงเธอมองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้ว ตอนนั้นเธอหักหน้าลู่หวาหนง ทำให้เธอต้องอับอาย อีกทั้งยังถูกหนานกงเยี่ยขึ้นบัญชีดำ เหลิ่งรั่วปิงไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างลู่หวาหนงจะไม่เกลียดเธอ ดังนั้นเหลิ่งรั่วปิงจึงแสดงสีหน้าที่ดีแต่อย่างใด เธอกินอาหารในจานของตนเองช้าๆ ทำเหมือนมองไม่เห็นลู่หวาหนง
ลู่หวาหนงหน้าชาวาบ เธอคลายยิ้ม “คุณเหลิ่ง เรื่องในอดีตฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ครั้งนี้ฉันอยากเชิญคุณไปร่วมงานจากใจจริง เพื่อเป็นการขอโทษ หวังว่าคุณจะให้เกียรติกันนะคะ”
“…” เหลิ่งรั่วปิงยังคงไม่สนใจ
ลู่หวาหนงหน้าชา จั่วเยี่ยนเหาที่อยู่ข้างๆ เธอก็หน้าชาไปด้วย เขายืนเป็นตัวตลกตรงหน้าหนานกงเยี่ย อยากจะบีบคอลู่หวาหนงให้หัก
ลู่หวาหนงรู้ดี ถ้าวันนี้เธอไม่สามารถเชิญเหลิ่งรั่วปิงและหนานกงเยี่ยไปร่วมงานได้ จั่วเยี่ยนเหาไม่เอาเธอไว้แน่ ดังนั้นเธอจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยความใจกล้า “คุณเหลิ่ง งานเลี้ยงในครั้งนี้เป็นงานขนาดใหญ่ คุณหญิงคุณนายในสังคมชนชั้นสูงทุกคนของเมืองหลงต่างก็มาร่วมงาน อีกทั้งยังมีดาราดังมาร่วมงานด้วย ภรรยาของคุณลั่วเฮิ่งที่ทำงานร่วมกับคุณหนานกงก็มาด้วยนะคะ เป็นงานที่ครึกครื้นมาก”
เธอคาดเดาในใจ งานเลี้ยงฉลองปีใหม่เมื่อคราวที่แล้ว เหลิ่งรั่วปิงทำกับสองแม่ลูกเจี่ยนชิวไว้แสบมาก พวกเธอต้องเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนแน่ ดังนั้นการพูดชื่อพวกเขาออกมา ต้องสามารถดึงดูดให้เหลิ่งรั่วปิงไปร่วมงานได้แน่นอน
คำพูดประโยคสุดท้ายของลู่หวาหนงโดนใจเหลิ่งรั่วปิง แต่คนที่เงียบและเย็นชาเหมือนเธอ ไม่ได้มีท่าทีอะไรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แต่งานเลี้ยงในครั้งนี้เธอตัดสินใจไปร่วมงานแล้ว
ถึงแม้เธอจะคอยบอกให้เวินอี๋ลืมอดีต ต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนความเจ็บปวดของการจากลาเป็นความคิดถึง แต่ตัวเธอกลับไม่สามารถทำใจให้สงบได้ ความเจ็บปวดตลอดหลายปีที่เวินจี๋ไห่ต้องทนทุกข์ เป็นเพราะครอบครัวของลั่วเฮิ่ง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะไม่สามารถแก้แค้นได้ แต่ก่อนที่เธอจะแก้แค้นครั้งยิ่งใหญ่ เธอจะให้พวกเขาได้ลองชิม “น้ำจิ้ม” จากเธอก่อน ไม่อย่างนั้นชีวิตของพวกเขาคงจะสงบสุขเกินไปแล้ว
ขณะที่เธอกำลังวางแผนว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะได้เจอเจี่ยนชิวกับลั่วซูเยียง คิดไม่ถึงว่าโอกาสจะมาหาถึงที่
ตั้งแต่เวินอี๋เสียพ่อไป เธอยิ่งเกลียดแค้นตระกูลลั่วมากกว่าเดิม เมื่อได้ยินว่าคนของตระกูลลั่วทั้งสามคนจะมาร่วมงานเลี้ยง เธออดไม่ได้ที่จะไปดู เธอรู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงต้องจัดการพวกเขาแน่ แต่เธอไม่อยากเอาแต่มองดูอยู่ข้างๆ เธออยากร่วมมือกับเหลิ่งรั่วปิง ด้วยเหตุนี้ จึงหันไปบอกกับเหลิ่งรั่วปิง “พี่รั่วปิงคะ ฟังดูแล้วน่าสนุกมากเลย พวกเราไปร่วมงานกันดีไหมคะ”
คำพูดของเวินอี๋ปูทางให้เหลิ่งรั่วปิง เธอกระตุกยิ้มมุมปาก “ดีจ๊ะ เวินอี๋อยากไปเดี๋ยวพี่ไปด้วยเอง แต่ไม่รู้ว่าคุณหนานกงจะยอมรึเปล่า”
หนานกงเยี่ยที่นั่งเงยบอยู่นาน อยู่ดีๆ ก็หัวเราะขึ้นมา เขามองไปที่เหลิ่งรั่วปิงด้วยความรัก “ถ้าคุณอยากไปผมก็จะไปกับคุณ” พูดจบ หนานกงเยี่ยรับการ์ดเชิญมาจากก่วนอวี้ จากนั้นหันไปพูดกับจั่วเยี่ยนเหา “อีกสามวันใช่ไหมครับ ผมไปแน่นอน”
พอจั่วเยี่ยนเหาได้ฟังก็ดีใจทันที การที่สามารถเชิญหนานกงเยี่ยไปร่วมงานได้ หมายความว่าเขามีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง ดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วพยักหน้าไม่หยุด “คุณเยี่ยให้เกียรติผมจริงๆ ครับ เป็นเกียรติของผม”
“ครับ ไปเถอะ” หนานกงเยี่ยผายมือด้วยความรำคาญ เขาเกลียดการไปร่วมงานพวกนี้ แต่ที่เขายอมไปกับเหลิ่งรั่วปิง เป็นเพราะเขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ในเมื่อเธอจะไปฆ่าคน เขาก็ต้องไปจับตาดูเธอเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บ
“ครับๆๆ ผมไม่รบกวนคุณชายทุกท่านแล้ว” จั่วเยี่ยนเหาหดหัวเหมือนเต่า เขาพาลู่หวาหนงเดินออกไป
ลู่หวาหนงเกลียดท่าทีแบบนี้ของเขามาก แต่ใบหน้าของเธอกลับแต้มไปด้วยรอยยิ้ม เธอไม่เพียงแต่ประจบเขา แต่ทำแบบนี้เพื่อให้แผนการของเธอสำเร็จ ครั้งนี้เธอจะต้องทำให้เหลิ่งรั่วปิงจนตรอกให้ได้
หลังจากจั่วเยี่ยนเหาและลู่หวาหนงออกไป ทุกคนทำราวกับไล่แมลงวันออกไปได้อย่างไรอย่างนั้น พวกเขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
อวี้ไป่หันเบะปาก “ตั้งแต่จั่วเยี่ยนเหาเอาลู่หวาหนงมาเป็นเด็กของตัวเอง เหมือนว่าเขาจะชอบจัดงานเลี้ยงบ้าบออะไรนั่นบ่อยมาก ดูท่าแล้วต้องเป็นความคิดของลู่หวาหนงแน่ ผู้หญิงคนนี้ใจกล้ามาก”
ถังเฮ่าหัวเราะในลำคอ “จั่วเยี่ยนเหาไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยไม่คิด เขาทำพวกนี้ล้วนได้ผลประโยชน์ การจัดงานเลี้ยงด้านหนึ่งทำให้เขาสามารถเอาใจเด็กของตนเอง อีกด้านหนึ่งเขาสามารถใช้งานเลี้ยงพวกนี้ โปรโมตผลิตภัณฑ์ของเขาให้กับพวกคุณหญิงคุณนายและพวกดาราเซเลบริตี้ เขาได้รับผลประโยชน์จากงานเลี้ยง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
หนานกงเยี่ยและมู่เฉิงซีสบตากัน โดยไม่พูดอะไร เพราะพวกเขารู้ว่าผู้หญิงของตนเองคิดอยากจะทำอะไร ดูท่างานเลี้ยงในครั้งนี้คงได้มีการนองเลือด
นั่งอยู่ครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เธอเดินออกไปจากห้องวีไอพี เมื่อไปถึงห้องน้ำเธอเปลี่ยนซิมการ์ดอย่างรวดเร็ว แล้วติดต่ออาเธอร์
“รั่วปิง ช่วงนี้ผมสืบได้ข้อมูลใหม่มา ลั่วเฮิ่งจ้างผู้หญิงมาอุ้มบุญให้กับเขาที่หมู่บ้านคนรวยแห่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาอยากจะได้ลูกชาย ยังมีอีกเรื่องหนึ่งก็คือเมื่อหลายวันก่อนลู่หวาหนงไปที่วิลล่าตระกูลลั่ว”
หลังจากฟังสิ่งที่อาเธอร์พูดจบ มุมปากของเหลิ่งรั่วปิงกระตุกขึ้น เธอแสยะยิ้มออกมา
ดูท่า งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิที่หลิ่วเย่ว์วานในครั้งนี้ เป็นงานเลี้ยงที่ลู่หวาหนงและสองแม่ลูกเจี่ยนชิวจัดขึ้นเพื่อลวงเธอไป ในเมื่อพวกเธอลงทุนลงแรงจัดงานเลี้ยงถึงขนาดนี้เพื่อเชิญเธอไปร่วมงาน เธอควรจะ”ขอบคุณ”พวกเขาเสียหน่อย!
เหลิ่งรั่วปิงถอดซิมการ์ดออกมาแล้วหักทิ้ง เธอโยนไปที่ชักโครกแล้วกด จากนั้นเดินออกไป เวินอี๋ยืนรอเธออยู่ตรงอ่างล้างมือด้านนอก
“พี่รั่วปิง” เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงเดินออกมา เวินอี๋รีบเดินไปหาทันที “ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเจี่ยนชิวและลั่วซูเยียงกำลังเสพสุข หัวใจของฉันเจ็บจนอยากร้องไห้”
“อย่าเพิ่งใจร้อน งานเลี้ยงในครั้งนี้เป็นจุดจบของพวกเขา”
*****
สามวันผ่านไป
งานเลี้ยงในฤดูใบไม้ผลินี้ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์ คุณหญิงคุณนายดาราและเหล่าเซเลบริตี้ของเมืองหลง ขับรถส่วนตัวมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเพื่อไปยังหลิ่วเย่ว์วาน
หลิ่วเย่ว์วานเป็นสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามมาก เต็มไปด้วยต้นหลิวและดอกไม้นานาพันธุ์ ต้นหญ้าเขียวชอุ่มนกกระจิบโบยบิน ใต้สะพานมีแม่น้ำใสแจ๋ว ทั้งยังมีน้ำตกสูงใหญ่ ที่นี่คือสระจระเข้ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยมากแห่งหนึ่ง สาเหตุที่เรียกว่าสระจระเข้นั้น เป็นเพราะในน้ำมีจระเข้ น้ำในสระมาจากน้ำตกที่ตกลงมา ในน้ำไม่ได้มีเพียงจระเข้ แต่ยังมีปลาชนิดอื่นๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมีอาหารจากด้านนอกคอยให้พวกมันกิน ปลาในสระก็คืออาหารอันโอชะของจระเข้ หากมีกระต่ายหรือแพะภูเขาหลงมากินน้ำในสระ พวกมันก็จะกลายเป็นอาหารอันโอชะแทน แน่นอน ที่แห่งนี้เคยมีคนมากมายพลัดตกลงไปจนกลายเป็นอาหารของจระเข้
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานเลี้ยงในครั้งนี้ จั่วเยี่ยนเหาได้ยื่นเรื่องเพื่อเช่าหลิ่วเย่ว์วานกับทางรัฐบาล คนนอกจึงห้ามเข้า เขาได้สร้างซุ้มหลายหลังบนพื้นหญ้า ทั้งยังกางเต้นท์ส่วนตัวสุดหรูเอาไว้หนึ่งหลัง ในวันจัดเลี้ยงมีการเสริฟผลไม้ ไวน์และอาหารอีกมากมายวางเรียงรายเอาไว้