เดิมพันเสน่หา – ตอนที่ 127 ไม่ฆ่าแค่ครั้งเดียวเท่ากับ

เดิมพันเสน่หา

หนานกงเยี่ยหยุดชะงัก เขาหัวเราะเสียงดัง เดินเข้ามาหยิบกล่องยาบนโต๊ะ “มาเอากล่องยา!” จากนั้นก็ชำเลืองมองมาที่เธอ แล้วหมุนตัวเดินออกไป พร้อมกับปิดประตู

เหลิ่งรั่วปิงยีผมตัวเองด้วยความโมโห เธอยังเป็นนักฆ่าที่ไร้ร่องรอยคนเดิมอยู่ไหม

หนานกงเยี่ยเอากล่องยากลับไปเก็บที่ห้องพยาบาล จากนั้นเดินไปที่ห้องรับแขกที่อยู่ภายในเรือ มู่เฉิงซี ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันล้วนอยู่ที่นั่น

อวี้ไป่หันมองมาที่หนานกงเยี่ย เห็นเขายิ้มกรุ้มกริ่มจึงพูดขึ้น “นี่ๆ หนานกง ฉันจำได้ว่าแกถูกยิงที่แขนไม่ใช่หรอ ทำไมเข้าไปห้องเหลิ่งรั่วปิงแค่แป๊บเดียว ถึงมีแผลที่ปากได้?”

หนานกงเยี่ยปรายตามองไปที่อวี้ไป่หัน เขานั่งลงบนโซฟาโดยไม่พูดอะไร

จากสิ่งที่อวี้ไป่หันพูด ทำให้มู่เฉิงซีและถังเฮ่าพร้อมใจกันหันไปมองหนานกงเยี่ย พวกเขาหลุดหัวเราะออกมา ไม่ต้องเดาก็รู้ เขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ

“หนานกง ตอนนี้รู้หรือยังว่าเป็นฝ่ายไหน” มู่เฉิงซีถามเข้าประเด็น

“น่าจะเป็นคนของบริษัทประมูลฮั่นไห่” หนานกงเยี่ยเหมือนเสือดำที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด แม้ว่าจะเงียบ แต่กลับเต็มไปด้วยพลัง

“มั่นใจได้ยังไง” ถังเฮ่าถาม

“กระสุนที่ยิงมาโดนแขนของฉัน มาจากชั้นหก” ถ้าตอนนั้นเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ผลักเขา เวลานี้เขาคงไม่ได้นั่งบนโซฟานี้แล้ว

มู่เฉิงซีขมวดคิ้ว “แกเคยมีปัญหากับฮั่นไห่?”

“ไม่เคย” หนานกงเยี่ยมั่นใจ “บริษัทหนานกงกับฮั่นไห่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกัน”

ถังเฮ่าเกาคางด้วยความไม่เข้าใจ “ถ้าอย่างนั้นก็แปลก ทำไมพวกเขาต้องลอบทำร้ายแก”

หนานกงเยี่ยไม่ได้พูดอะไร เขาพอจะเดาออก แต่เขาไม่ยอมพูดมันออกไป คืนวันนั้นเหลิ่งรั่วปิงอยู่ที่ชั้นหกตลอดทั้งคืน การที่คนของบริษัทประมูลฮั่นไห่ต้องการฆ่าเขา มีความเป็นไปได้สูงว่าเกี่ยวข้องกับเธอ

แววตาของมู่เฉิงซีฉายความคิดบางอย่าง “หนานกง ฉันพอจะเดาอะไรบางอย่างออก เรื่องนี้อาจจะทำให้แกไม่พอใจได้ แต่ฉันจำเป็นต้องพูดออกมา เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเหลิ่งรั่วปิงแน่ๆ”

อวี้ไป่หันขมวดคิ้วเป็นปม เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่มู่เฉิงซีพูด “ฉันว่าก็เป็นไปได้”

ถังเฮ่าไม่ได้พูดอะไร เขานึกถึงหลินมั่นหรู เขาเดาว่าหลินมั่นหรูก็ไปซ่อนตัวอยู่บนชั้นหก หรือว่าหลินมั่นหรูกับเหลิ่งรั่วปิงมีส่วนเกี่ยวข้องกัน

มู่เฉิงซีพูดด้วยความมั่นใจ “หนานกง ฉันคิดว่าเหลิ่งรั่วปิงต้องมีความลับอะไรบางอย่างซ่อนเอาไว้แน่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ผลดีต่อแก เธอไม่ควรอยู่กับแกอีกต่อไปแล้ว”

หนานกงเยี่ยเงียบ เขาเดาว่าการที่บริษัทประมูลฮั่นไห่ต้องการฆ่าเขาเกี่ยวข้องกับเหลิ่งรั่วปิง แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะทำร้ายเขา เพราะเธอเป็นคนช่วยเขา เธอคาดคะเนได้อย่างแม่นยำว่ากระสุนจะยิงมาจากทางไหน แล้วผลักเขาออกไป ซึ่งก็หมายความว่าเมื่อคืนเธออยู่ที่ห้องนั้น แล้วคนที่อยู่ในห้องนั้น เป็นใครกันแน่

เงียบอยู่ครู่หนึ่ง หนานกงเยี่ยพูดขึ้นเสียงเรียบ “ต่อให้เธอจะเป็นใครก็ไม่มีวันทำร้ายฉัน ดังนั้นฉันไม่มีเหตุผลในการฆ่าเธอ” ถึงแม้เธอจะฆ่าเขาขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่มีวันฆ่าเธอ เพราะเธอทำให้เขาทำผิดกฎของตนเองไปนานแล้ว อีกทั้งเขายังตกหลุมรักเธอ ไม่ฆ่าแค่ครั้งเดียวเท่ากับไม่ฆ่าตลอดชีวิต

มู่เฉิงซีถอนหายใจ “หนานกง เพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว แกเอาชีวิตของตนเองเข้ามาตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ มันคุ้มหรอ ครั้งแรกที่เห็นฝีมือการต่อสู้ของเธอก็ควรจะฆ่าเธอตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ฝีมือของเธอไม่ใช่แค่ระดับที่ได้รับการอบรมจากตำรวจ เห็นได้ชัดว่าเธอผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนัก ไม่ว่ายังไงฉันก็มองว่าเธอเหมือนสายลับ”

หนานกงเยี่ยมองไปที่มู่เฉิงซีนิ่งๆ “ถ้าวันหนึ่งแกรู้ว่าเวินอี๋เป็นนักฆ่าที่ปลอมตัวมาเข้าใกล้แก แกจะฆ่าเธอไหม”

มู่เฉิงซี “…” ไม่มีวัน เขาไม่มีวันฆ่าเวินอี๋

หนานกงเยี่ยดึงสายตากลับ “ดังนั้น อย่าพูดอะไรแบบนี้กับฉันอีก ฉันไม่มีวันฆ่าเหลิ่งรั่วปิง ไม่เพียงแต่ไม่มีวันทำร้ายเธอ แต่ฉันจะปกป้องเธอด้วย”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ การที่ผู้ชายคนหนึ่งตัดสินใจจะทำอะไรเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว ไม่มีใครห้ามได้

สุดท้าย หนานกงเยี่ยพูดขึ้น “เมื่อคืนเหนื่อยมาทั้งคืน ทุกคนเองก็เหนื่อยมาก กลับไปนอนกันเถอะ”

ทุกคนไม่ได้นอนกันทั้งคืน พวกเขารู้สึกเหนื่อยมาก จึงแยกย้ายกันกินอาหารเช้าแล้วกลับไปนอน ทางด้านอวี้หลานซี เหตุเพราะมีก่วนอวี้คอยดูแลเธออยู่ตลอดเวลา หนานกงเยี่ยจึงไม่อยากไปหาเธอแล้ว เขายกอาหารเช้าไปที่ห้องของเหลิ่งรั่วปิง เธอกำลังนอนหลับสนิท หายใจเป็นจังหวะ คิ้วสวยขมวดเป็นปม

หนานกงเยี่ยวางถาดอาหารเอาไว้บนโต๊ะ เขามองดูเธอเงียบๆ ยื่นมือไปคลายคิ้วที่ผูกเป็นปมของเธอ เป็นเพราะอะไรกันแน่ ทำไมเธอต้องเครียดขนาดนี้ เธอเป็นใครกันแน่ ถึงทำให้บริษัทประมูลฮั่นไห่คิดจะฆ่าเขา

เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นแค่มือของเขาสัมผัสลงมาเธอก็สะดุ้งตื่น ภาพที่เธอเห็นคือรอยยิ้มอ่อนโยนของหนานกงเยี่ย “ตื่นมากินอะไรสักหน่อยแล้วค่อยนอนนะ”

เหลิ่งรั่วปิงหิวมาก เธอจึงลุกขึ้นนั่งแล้วรับจานขนมปังมาจากเขา “ฉันกินเองได้ค่ะ คุณไปอยู่กับว่าที่เจ้าสาวของคุณเถอะ”

หนานกงเยี่ยหัวเราะ เขาหยิบขนมปังขึ้นมาหนึ่งชิ้น “เหลิ่งรั่วปิง คุณยังหึงผมอยู่หรอ หนานซียังไม่ใช่ว่าที่เจ้าสาวของผม คุณอย่าเพิ่งกังวล”

“มีแค่ผีเท่านั้นที่กังวล!”

“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะแล้วยื่นนมให้เหลิ่งรั่วปิง “ผมเห็นคุณหึงแบบนี้แล้วรู้สึกดีมาก คุณไม่ต้องปิดบังเอาไว้หรอก”

“ฉันบอกแล้วไง ฉันไม่ได้หึง!” เหลิ่งรั่วปิงพูดแก้ตัว “อีกอย่าง คุณหนานกง คุณกำลังจะหมั้นอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของเราควรจะจบลงได้หรือยังคะ ฉันกำลังรอค่าเลิกลาครั้งที่สองของคุณ!”

หนานกงเยี่ยโมโหขึ้นมาทันที “การที่ผมหมั้นหมายเกี่ยวอะไรกับคุณ หลานซีบอกแล้ว เธอไม่ถือสา ผมสามารถเลี้ยงดูคุณข้างนอกได้”

เหลิ่งรั่วปิงมองหน้าหนานกงเยี่ยนิ่งๆ เธอมองอยู่นานครึ่งนาที ใช่แล้ว นี่ต่างหากที่เป็นความคิดที่แท้จริงของเขา ครอบครองทั้งผู้หญิงที่อยู่ในบ้าน ทั้งยังเสพสุขกับผู้หญิงข้างนอก เขาแต่งงานกับอวี้หลานซีแต่ก็ยังคงสามารถรักษาความสัมพันธ์กับเธอได้ หนานกงเยี่ยพูดมาตั้งนานแล้ว เขาไม่มีวันแต่งงานกับเธอ แน่นอนเธอเองก็ไม่คิดที่จะแต่งงานกับเขา แต่ว่าเธอไม่อยากทำตามความต้องการของเหลิ่งรั่วปิง เธอไม่มีวันปล่อยให้เขากักขังตนเอง อีกไม่นาน เธอก็จะไปจากที่นี่

ดังนั้น สุดท้ายเหลิ่งรั่วปิงดึงสายตากลับมา แล้วดื่มนมในแก้วจนหมด จากนั้นวางเอาไว้บนโต๊ะ สีหน้าของเธอนิ่งเฉย ท่าทีของเธออ่อนโยน เธอยังคงมีสง่าเหมือนครั้งแรกที่เขาเจอ

เหลิ่งรั่วปิงในตอนนี้ทำให้หนานกงเยี่ยรู้สึกกลัว เขาเสียใจกับสิ่งที่เมื่อกี้ตนพูดออกไปมาก “เหลิ่งรั่วปิง ผม…”

เหลิ่งรั่วปิงยิ้มอย่างสง่างาม เธอพูดเสียงหวาน “คุณหนานกง ฉันเหนื่อยมากเลยค่ะอยากจะนอนสักงีบ แต่ถ้าตอนนี้คุณอยากให้ฉันบริการคุณ ฉันก็ยอมฝืนใจตนเองได้ค่ะ”

รอยยิ้มที่งดงามของเธอ ทำให้ภายในใจของหนานกงเยี่ยหวาดกลัวจนสั่นไปหมด เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ถนัดด้านการอธิบาย สุดท้ายเขาจึงพูดออกมาสั้นๆ สองพยางค์ “หลับเถอะ”

เหลิ่งรั่วปิงยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มของเธอเหมือนนางฟ้า “ขอบคุณคุณหนานกงมากนะคะที่เข้าใจ” พูดจบ เธอซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้วหลับตาลง หันหลังให้เขา

หนานกงเยี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง เขาถอดรองเท้าแล้วขึ้นมานอนบนเตียง โอบกอดเธอเอาไว้ด้วยความทะนุถนอม “เหลิ่งรั่วปิง อันที่จริง…ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”

แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับทำแค่หายใจเท่านั้น เธอไม่ได้พูดตอบอะไร เหมือนเธอจะนอนหลับไปแล้ว

หัวใจของหนานกงเยี่ยหนักอึ้งอีกครั้ง เขาคิดไม่ถึง คำพูดแค่คำเดียวจะทำให้หัวใจของคนเราตีตัวออกห่างจากกัน

*****

ภายในห้องมู่เฉิงซี

เวินอี๋นั่งอยู่ตรงเตียงเงียบๆ ความรุนแรงที่หนานกงเยี่ยทำกับเหลิ่งรั่วปิงเมื่อเช้าที่ผ่านมา กระทบจิตใจของเธอมาก เธอร้องไห้จนตาแดงก่ำ

มู่เฉิงซีเดินไปนั่งข้างๆ เธอด้วยความระมัดระวัง “กินอาหารเช้าก่อนนะ”

“ไม่ค่ะ” เวินอี๋ดูบอบบางมาก เสียงของเธอแผ่วเบา

“เสียใจเพราะเรื่องของคนอื่น คุ้มไหมครับ”

“คุ้มสิคะ เธอคือพี่รั่วปิง เป็นญาติของฉัน” น้ำตาของเวินอี๋ไหลลงมาอีกครั้ง “คุณหนานกงใจร้ายมาก ทำไมเขาต้องทำแบบนั้นกับพี่รั่วปิงด้วย”

มู่เฉิงซีถอนหายใจ “ผมว่าคนที่ใจร้ายคือเหลิ่งรั่วปิงต่างหาก ดูสิทรมานหนานกงจนหมดสภาพ”

เวินอี๋เบิกตาโตมองไปที่มู่เฉิงซีด้วยความตกใจ “คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงคะ เขาเป็นคนรังแกพี่รั่วปิง แล้วทำไมถึงบอกว่าพี่รั่วปิงทรมานเขา”

“…” มู่เฉิงซีอ้าปากพะงาบๆ สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมา เรื่องบางอย่างบางครั้งมันซับซ้อนเกินไป เขาไม่อยากให้เวินอี๋รู้

เวินอี๋ผลักเขาทิ้งด้วยความกลัว “ฉันเข้าใจแล้ว พวกผู้ชายก็เหมือนกันหมด ตอนที่รักเอาแต่พูดคำหวาน พอไม่รักก็ทำร้ายตามใจชอบ คุณหนานกงซึ้งใจกับสิ่งที่คุณอวี้หลานซีทำให้ ก็เลยไม่ชอบพี่รั่วปิงแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ทะนุถนอมพี่รั่วปิง พอคุณเจอคนใหม่ก็จะทำแบบนี้กับฉันใช่ไหมคะ”

มู่เฉิงซีกัดฟันด้วยความจนปัญญา “เป็นเรื่องของพวกเขา ทำไมถึงเอามาโยงกับผม”

มู่เฉิงซีหมดความอดทนแล้วจริงๆ เวินอี๋หวั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก แม้แต่ตอนดูละคร พอเห็นผู้ชายทำตัวไม่ดีกับผู้หญิง เธอก็จะเอามาโยงกับตัวเอง มันทำให้เขาปวดหัวมาก

“เพราะคุณพูดเข้าข้างคุณหนานกง คุณหนานกงใจร้ายขนาดนั้น มีผู้หญิงทั้งซ้ายทั้งขวา ไม่รักเดียวใจเดียว แล้วคุณยังจะบอกอีกว่าเป็นความผิดของพี่รั่วปิง”

“เช้าวันนี้คุณแค่เห็นหนานกงโมโหเหลิ่งรั่วปิง แต่คุณรู้ไหมว่าหนานกงทำอะไรเพื่อเหลิ่งรั่วปิงบ้าง เพื่อเหลิ่งรั่วปิง เขาเกือบจะเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว! เมื่อก่อนหนานกงเยี่ยเป็นคนเด็ดเดี่ยวแค่ไหนคุณรู้บ้างไหม ตอนนี้หนานกงกลับอารมณ์แปรปรวนเพราะเหลิ่งรั่วปิง เขารักและตามใจเธอมาก แต่เธอกลับไม่สนใจ หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงทำจากน้ำแข็ง ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีวันใจอ่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนทำร้ายจิตใจหนานกง คุณเข้าใจไหม”

“ฉันไม่เข้าใจ ฉันรู้แค่ว่าคุณหนานกงจะแต่งงานกับคุณอวี้หลานซี แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยพี่รั่วปิงไป เขากักขังพี่รั่วปิงทำกับเธอเหมือนของเล่น อีกทั้งยังทำร้ายพี่รั่วปิงอีกด้วย”

มู่เฉิงซีถอนหายใจ “สิ่งที่คุณเห็นเป็นแค่ภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น สิ่งที่หนานกงเยี่ยทำให้เหลิ่งรั่วปิงนั้นอยู่ข้างใน คุณคิดว่าผมกับหนานกงไม่รู้จริงๆ หรอว่าคุณกับเหลิ่งรั่วปิงเกี่ยวข้องกันยังไง”

เวินอี๋ตกใจจนเบิกตากว้าง “คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร”

“เหลิ่งรั่วปิงคือคนเดียวกับเจียงหน่วนซินเมื่อสิบปีก่อน เรื่องนี้หนานกงรู้มานานแล้ว แต่เขายังคงปล่อยให้เธอเป็นคนดูแลโปรเจคโรงแรมอิมพีเรียลและแลนด์มาร์คเมืองหลง ปล่อยให้เธอวางแผนการต่างๆ อีกทั้งยังแอบช่วยเธอทำให้ลั่วเฮิ่งติดกับ เพื่อที่เหลิ่งรั่วปิงจะได้แก้แค้นด้วยความราบรื่น เธอจะได้กดดันน้อยหน่อยและมีความสุขมากขึ้น เพื่อที่จะให้เธอมีความสุข เขายินดีที่จะเอาแลนด์มาร์คเมืองหลงมาแลก คุณรู้ไหมว่ามันจะทำให้เขาขาดทุนมากแค่ไหน”

เวินอี๋จับแขนของมู่เฉิงซีแน่นด้วยความกลัว “คุณบอกว่าคุณหนานกงรู้เรื่องนี้มานานแล้ว?”

เดิมพันเสน่หา

เดิมพันเสน่หา

Status: Ongoing
หลังจากพ่อของเธอถูกสังหารจนชีวิตต้องระหกระเหินอยู่ในมรสุมแห่งความยากลำบาก สิบปีให้หลัง เหลิ่งรั่วปิง นักฆ่าสาวฝีมือดีของประเทศซีหลิงเจ้าของฉายานางฟ้ารัตติกาลผู้แสนเย็นชาและไร้หัวใจจึงกลับมาที่เมืองหลงอีกครั้งเพื่อเอาคืนเจ้าของหนี้แค้นที่พรากครอบครัวและทำให้เธอต้องสูญเสียทุกสิ่งไปอย่างสาสมและใบเบิกทางของแผนการแก้แค้นในครั้งนี้ก็คือ หนานกงเยี่ย ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหนานกงหนึ่งในคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงที่ผู้หญิงทุกคนต่างใฝ่ฝัน เขาคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยกรุยทางให้เธอไปถึงจุดหมายเพราะฉะนั้นต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เธอก็ยินดีที่จะทำ ถึงแม้ว่าสิ่งๆ นั้นจะเป็นร่างกายหรือหัวใจของเธอเองก็ตามที

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท