ลั่วเฮิ่งล้มลงบนโซฟาด้วยความตกใจ “เธอ…เธอบอกว่าอะไรนะ?!” ลูกชายที่เขารอคอยมานานแท้งไปแล้ว?
ถิงถิงร้องไห้สะอึกสะอื้น “เมื่อกี้ จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งบุกมาที่บ้าน เขาบังคับให้ฉันกินยาที่ทำให้แท้ง ตอนนี้…เลือดฉันไหลไม่หยุดเลยค่ะ…ฮือๆ…”
ลั่วเฮิ่งเม้มกัดฟันด้วยความปวดใจ กระทืบเท้าและทุบหน้าอกของตนเองอย่างแรง เขามีศัตรูไม่น้อย ไม่ว่าใครก็มีความเป็นไปได้ที่จะเอาคืนเขาในเวลานี้ ดังนั้นลั่วเฮิ่งจึงไม่มั่นใจว่านี่จะเป็นฝีมือของเหลิ่งรั่วปิง
หัวใจของเขาเจ็บปวดแต่เขาก็ตั้งสติกลับมา ตัดสินใจที่จะหนีไปคนเดียว แน่นอนว่าเขายังต้องแบกทองคำแท่งหนักห้าสิบกิโลไปด้วย
ก่อนที่ฟ้าจะสว่าง เฮลิคอปเตอร์บินออกไปจากวิลล่าตระกูลลั่ว คนที่นั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์คือลั่วเฮิ่งและคนขับเครื่องบินของเขา
เจี่ยนชิวได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเฮลิคอปเตอร์ เธอกัดฟันแน่นมองขึ้นไปบนเพดาน “ลั่วเฮิ่ง ไอ้คนสารเลว!”
*****
หลังจากที่หนานกงเยี่ยทราบข่าว เขาก็รีบมาที่วิลล่าหย่าเก๋อ เขากำลังวิตกกังวล วันนี้หลังจากที่เหลิ่งรั่วปิงแก้แค้นสำเร็จ เธอจะไปจากเขาเมื่อไหร่ก็ได้?
ตอนที่กลับมาถึงวิลล่าหย่าเก๋อ ท้องฟ้าเริ่มสว่าง เหลิ่งรั่วปิงนั่งกินอาหารเช้าบนโต๊ะ กิริยาท่าทางของเธอสง่างาม เธอเหมือนนางฟ้าที่บินลงมายังโลกมนุษย์ แสงของพระอาทิตย์ที่สาดส่องมาจากทิศตะวันออกทำให้เธอดูสวยเป็นพิเศษ
หนานกงเยี่ยเดินเข้ามาในห้องอาหาร เขามองดูเธอเงียบๆ หัวใจของเขาในตอนนี้สับสนเป็นอย่างมาก
ทว่าเหลิ่งรั่วปิงกลับยิ้มอย่างสง่างาม “คุณหนานกง ได้ยินว่าแลนด์มาร์คเมืองหลงถล่มลงมา น่าเสียดายมากเลยนะคะ ฉันที่เป็นสถาปนิกของโปรเจคนี้ ยินดีที่จะเข้ารับการตรวจสอบค่ะ”
รอยยิ้มของเธอทำให้เขาเจ็บปวด แต่เวลานี้เขาไม่โมโหแม้แต่น้อย หนานกงเยี่ยเดินไปนั่งตรงหน้าเธอ “งานออกแบบของคุณไม่มีปัญหาอะไร แล้วทำไมต้องตรวจสอบด้วย”
“พูดแบบนี้ คุณหนานกงคิดว่าฉันเป็นผู้บริสุทธิ์?”
“ครับ” หนานกงเยี่ยพยักหน้า
เหลิ่งรั่วปิงส่ายหน้าแล้วคลายยิ้มบางๆ “ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณคุณมากนะคะ คุณหนานกง”
หนานกงเยี่ยมองดูเธอเงียบๆ อยู่หลายวินาที เขายิ้มแล้วพูดขึ้นมา “เหลิ่งรั่วปิง วันนี้ท้องฟ้าสดใส เดี๋ยวผมพาคุณไปคฤหาสน์หนานกงดีไหมครับ”
“?” เหลิ่งรั่วปิงขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ เธอรู้จักคฤหาสน์หนานกง ที่นั่นเป็นคฤหาสน์โบราณของตระกูลหนานกงที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ หลายร้อยไร่ ซึ่งเป็นมรดกที่สืบทอดกันมานับร้อยปีแล้ว
หนานกงเยี่ยพูดต่อ “ที่นั่นสวยมาก มีต้นไม้และดอกไม้มากมาย อีกทั้งยังเลี้ยงปลาด้วยครับ มีสนามหญ้าสามารถไปขี่ม้าได้ คุณต้องชอบแน่ๆ”
“…” เหลิ่งรั่วปิงชะงักกับสิ่งที่หนานกงเยี่ยพูดขึ้นมากะทันหัน เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบเขายังไง แลนด์มาร์คเมืองหลงบริษัทหนานกงเป็นผู้รับผิดชอบ มาวันนี้แลนด์มาร์คถล่มลงมา เขาควรจะรีบไปสืบหาความจริงไม่ใช่หรอ เขาจะพาเธอไปคฤหาสน์หนานกงทำไม
“กินอิ่มหรือยังครับ”
“…ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ” หนานกงเยี่ยจับมือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ เขาเดินออกไปจากวิลล่าหย่าเก๋อ ขับรถพาเธอไปคฤหาสน์หนานกงด้วยตนเอง
ระหว่างทาง พระอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้น แสงสีทองที่สาดส่องบนท้องถนนเป็นอะไรที่สวยมาก และแสงแดดที่ส่งมานั้นทำให้รถสวยมากเป็นพิเศษ
เหลิ่งรั่วปิงทั้งสับสนและลังเล ทว่าสีหน้าของหนานกงเยี่ยกลับเต็มไปด้วยความสุข เขาไม่เคยพาเธอไปที่คฤหาสน์หนานกงมาก่อน อยู่ๆ ก็คิดอยากจะพาเธอไป เขาอยากให้สิ่งที่ดีกว่านี้กับเธอ อยากให้เธอมีความสุข อยากให้เธอจดจำเขา อยากให้เธอคิดถึงและล้มเลิกความคิดที่จะจากเขาไป
“คุณหนานกง คุณไม่ไปสืบหาความจริงถึงสาเหตุที่แลนด์มาร์คถล่มหรอคะ”
“ก่วนอวี้จะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง” หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วหันมามองเธอ เขายื่นมือออกมากุมมือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ “วันนี้ผมจะอยู่กับคุณ”
จู่ๆ เขาก็อบอุ่นขึ้นมากะทันหัน ทำให้เธอนึกถึงครั้งแรกที่เขาบอกเลิกเธอ ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันเขาก็อ่อนโยนและอบอุ่นแบบนี้ หรือว่าเขาตัดสินใจแล้ว เขาจะหมั้นกับอวี้หลานซีแล้วยุติความสัมพันธ์กับเธอ ความอบอุ่นที่เขามอบให้เธอเป็นแค่การเลี้ยงส่งครั้งสุดท้าย?
คิดถึงตรงนี้ เหลิ่งรั่วปิงยิ้มร่า “ได้ค่ะ หวังว่าจะคุ้มค่าในการจดจำนะคะ”
หัวใจของหนานกงเยี่ยหล่นวูบ มันตกลงไปในก้นบึ้งและหนักอึ้งเป็นอย่างมาก คำพูดของเธอ ต้องการจะบอกเขาว่าอีกไม่นานเธอก็จะไปจากที่นี่แล้ว หวังว่าวันนี้จะเป็นความทรงจำที่ดี ด้วยเหตุนี้ หนานกงเยี่ยจึงจับมือเหลิ่งรั่วปิงแน่น
รถขับมาถึงคฤหาสน์หนานกง หนานกงเยี่ยลงจากรถ แล้วเดินอ้อมไปอีกทาง เขารับเหลิ่งรั่วปิงลงมา ตั้งแต่วินาทีนั้น เขาจับมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อย
พวกเขาเข้าไปในคฤหาสน์เป็นอันดับแรก สาวใช้ในบ้านจัดเตรียมเสื้อผ้าและรองเท้าลำลองให้กับพวกเขา ภายในห้อง หนานกงเยี่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหลิ่งรั่วปิงด้วยตนเอง เขาคุกเข่าลงใส่รองเท้าให้เธอ เหลิ่งรั่วปิงคิดว่าเขาจะทิ้งเธออีกครั้ง ในใจของคงรู้สึกผิด การที่เขาทำดีกับเธอแบบนี้เพราะอยากให้ตนเองสบายใจ ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอจึงให้โอกาสเขา ในการดูแลเธออย่างเงียบๆ
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้าเสร็จ หนานกงเยี่ยจับมือเธออีกครั้ง เขายิ้มบางๆ “ไปกันเถอะ ผมพาคุณไปดูดอกไม้ในป่า”
ป่าอยู่ห่างจากตัวคฤหาสน์มาก เหลิ่งรั่วปิงนึกว่าจะขับรถยนต์ไป เธอคิดไม่ถึงว่าหนานกงเยี่ยจะสั่งให้คนจูงม้าสีน้ำตาลแดงมา เขาอุ้มเธอขึ้นไปบนหลังม้าส่วนตัวเขาก็กระโดดขึ้นมา มือข้างหนึ่งของเขากอดเธอเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จับบังเหียนม้าไว้แน่น
หนานกงเยี่ยขี่ม้าเก่งมาก เขาขี่ได้เร็วและนิ่ม ตลอดทางเธอเห็นภูเขา สวนผัก แม่น้ำ ฝูงวัวและแกะ เป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงาม อากาศหลังฝนตกเป็นอะไรที่วิเศษมาก ตอนที่สูดดมกลิ่นหอมสดชื่นของหญ้าและดิน ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
เหลิ่งรั่วปิงอารมณ์ดีขึ้นมา เธอคลายยิ้มบางๆ
หนานกงเยี่ยก้มหน้ามองสีหน้าของเธอตลอดเวลา เมื่อเห็นรอยยิ้มจากใจจริงของเธอ ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมา พูดกระซิบอยู่ข้างหูของเธอ “ชอบที่นี่ไหมครับ”
“ค่ะ”
“ถ้าคุณชอบ ผมจะพาคุณมาที่นี่ทุกปี”
“…” เหลิ่งรั่วปิงยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาจะยุติความสัมพันธ์กับเธอไม่ใช่หรอ ทำไมต้องพูดจาแบบนี้ด้วย ปีหน้าจะมาที่นี่อีก คงเป็นเขากับอวี้หลานซีต่างหาก ถึงแม้เธอจะคบกับเขาต่อก็เป็นได้แค่นางบำเรอเท่านั้น เธอไม่ต้องการ
หนานกงเยี่ยอ่านใจเธอไม่ออก เขาก้มหน้าลงแล้วจูบหูของเธอเบาๆ ความอบอุ่นที่ลึกซึ้งนี้ อยากให้เธอละลายในอ้อมกอดของตน
กลิ่นหอมของดอกไม้หอมมากขึ้นเรื่อยๆ เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นมองออกไป ด้านหน้าเป็นป่าขนาดใหญ่ ในป่ามีดอกไม้นานาพันธุ์ อาจจะเป็นเพราะบนกลีบดอกไม้ยังคงมีหยดน้ำใส ทำให้แสงแดดที่ส่องกระทบลงมานั้น มีประกายเล็กๆ บนหยดน้ำ ที่นี่สวยเหมือนสวรรค์
“ที่นั่นสวยมากเลยค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงชี้ไปที่ป่าตรงหน้า เธอพูดอย่างมีความสุข
“ผมพาคุณไปเดี๋ยวนี้เลยครับ” หนานกงเยี่ยกระชับขาทั้งสองข้าง ควบไปที่ตัวม้า ทำให้ม้าวิ่งเร็วขึ้น
พวกเขามาถึงในทางเข้าป่าอย่างรวดเร็ว หนานกงเยี่ยอุ้มเหลิ่งรั่วปิงลงมา พวกเขาทั้งสองคนเดินเข้าไปในป่า
ความรู้สึกตอนอยู่ในป่ากับข้างนอกช่างแตกต่างกัน ด้านในป่าเป็นอะไรที่วิเศษมาก เป็นโลกของต้นไม้ ทะเลดอกไม้ ไม่มีทางเดิน กลิ่นดอกไม้หอมตลบอบอวล มีเสียงน้ำไหลผ่าน แสงแดดสาดส่อง ทุกอย่างดูลึกลับมหัศจรรย์และสวยงาม
หนานกงเยี่ยจับมือเหลิ่งรั่วปิงแน่น พวกเขาเดินเข้าไปด้านในป่า ระหว่างที่เดินเข้าไปมีไก่ป่าบินหนีด้วยความตกใจ ทั้งยังมีกระต่ายกระโดดผ่านหน้าไป สิ่งที่ทำให้เหลิ่งรั่วปิงแปลกใจที่สุดก็คือ ที่นี่มีกวางด้วย
“ที่นี่มีกวางด้วย?”
“ใช่ครับ” หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วก้มลงมองเธอ “เมื่อหลายสิบปีก่อน คุณปู่ของผมท่านสั่งให้คนเอากวางมาปล่อยที่นี่หนึ่งฝูง พวกมันค่อยๆ เพิ่มจำนวน จนกลายเป็นกวางฝูงใหญ่
“สมแล้วที่เป็นโลกของคนรวย” เหลิ่งรั่วปิงพูดหยอกล้อเขา
หนานกงเยี่ยพูดขึ้น “ถ้าคุณอยู่กับผม คุณจะมีทุกอย่าง”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ “ไม่ได้มีทุกอย่างค่ะ แค่มีโอกาสในการได้เห็นก็เท่านั้น”
หนานกงเยี่ยรู้ว่าเธอมีมุมมองความคิดที่เรียบง่าย เขาจึงไม่ได้ถือสาอะไร เขาจับมือเธอเดินลึกเข้าไปในป่า จนมาถึงทุ่งหญ้าสีเขียวขจี
ช่วงนี้เป็นช่วงปลายฤดูร้อน หญ้าสีเขียวเข้ม ปกคลุมไปทั้งผืนป่า ทำให้ดูอุดมสมบูรณ์มาก
จู่ๆ เหลิ่งรั่วปิงก็เห็นเห็ดขึ้นอยู่ในทุ่งหญ้า “ว้าว มีเห็ดด้วยค่ะ!”
หนานกงเยี่ยหัวเราะ “มันน่าแปลกมากหรอครับ”
“คุณไม่รู้หรอคะ เห็ดที่ขึ้นตามธรรมชาติอร่อยมาก!” ขณะที่พูด เหลิ่งรั่วปิงก็ย่อตัวลงเก็บเห็ดทีละต้นๆ
“หรอครับ” หนานกงเยี่ยย่อตัวลง เขามองเห็ดในมือเหลิ่งรั่วปิง “อร่อยแค่ไหน” เขาไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน
“ถ้าคุณได้กินก็จะรู้เองค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงยังคงเก็บเห็ดต่อ “วันนี้คุณลาภปากแล้ว ฉันจะทำอาหารให้คุณกินฟรีๆ”
หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ “อาหารอะไรครับ”
“ไก่ตุ๋นเห็ดค่ะ”
“ฟังดูน่ากินดีนะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก แค่ชื่อจะรู้ได้ยังไงว่าน่ากิน เห็นได้ชัดว่าเขาชวนคุยมากกว่า
“คุณหนานกง คุณถอดเสื้อกันหนาวออกได้ไหม”
“ทำไมครับ”
“เอาเห็ดใส่ หรือคุณจะให้ฉันถอดเสื้อกันหนาวมาใส่เห็ด?”
หนานกงเยี่ยหัวเราะ เขาถอดเสื้อกันหนาวแล้วปูไว้บนพื้น เหลิ่งรั่วปิงเอาเห็ดที่อยู่ในมือทั้งหมดใส่ไว้บนเสื้อกันหนาว แล้วเก็บเห็ดที่เหลือต่อ
หนานกงเยี่ยมองอยู่พักหนึ่ง แล้วเก็บเห็ดข้างๆ เธอ เขาเพิ่งเก็บไปได้สองดอก เหลิ่งรั่วปิงมองมาด้วยความดูถูก “คุณเก็บเป็นไหมเนี่ย”
“มีอะไรรึเปล่า” หนานกงเยี่ยมองดูเห็ดในมือด้วยความไม่เข้าใจ เห็ดในมือไม่ได้เสียหนิ
“เห็ดที่คุณเก็บมีพิษค่ะ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว “คุณรู้ได้ยังไง”
“นี่ เดี๋ยวฉันสอนคุณเอง การเก็บเห็ดก็เหมือนกับการมองคน สิ่งที่ดูธรรมดาๆ เป็นสิ่งที่ไม่มีพิษภัย ส่วนสิ่งที่สวยงามมักจะมีพิษภัย เข้าใจไหมคะ”
หนานกงเยี่ยพยักหน้าแล้วยิ้ม “เข้าใจแล้วครับ ความหมายของคุณก็คือ เห็ดที่ยิ่งสวยก็ยิ่งกินไม่ได้เพราะมีพิษ ส่วนเห็ดที่รูปร่างหน้าตาธรรมดาทั้งยังดำปี๊ เป็นเห็ดที่อร่อยมีรสชาติดี ถูกไหมครับ”
“ถูกต้องค่ะ”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยนั่งบนพื้นหญ้าแล้วหัวเราะเสียงดัง “เหลิ่งรั่วปิง แค่เก็บเห็ดคุณก็มีหลักการขนาดนี้ ผมนับถือคุณจริงๆ”
เหลิ่งรั่วปิงเบะปากอย่างไม่สนใจ แล้วเก็บเห็ดต่อ หานกงเยี่ยนั่งอยู่ข้างๆ คอยมองดูเธอ เขามองอยู่นานจนใจลอย
เขาอยากจะถามเธอมากว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ เธอต้องการอะไรเขาก็จะให้สิ่งนั้นกับเธอ ถ้าเป็นสิ่งที่เขาสามารถให้เธอได้ก็ยินดีที่จะให้ ขอแค่เธออย่าไปจากเขา
ตอนที่เขาดึงสติกลับมานั้น เหลิ่งรั่วปิงเดินถือเห็ดจำนวนมากมาตรงหน้าเขา “คุณหนานกง คุณคิดมานานพอรึยังคะ”
หนานกงเยี่ยดึงสติกลับมา เขาคลายยิ้ม “คุณอยากกลับไปแล้วหรอ”
“ใช่ค่ะ เห็ดพวกนี้ต้องกินสดใหม่ ถึงจะอร่อย”
“ครับๆ กลับกันเถอะ ผมรอกินอาหารมื้อใหญ่จากคุณ”
“ค่ะ หวังว่าจะทำให้คุณไม่ลืมไปตลอดชีวิต”
หนานกงเยี่ยชะงัก คำพูดของเธอ ยังคงสื่อความหมายว่าจะไปจากเขา หนานกงเยี่ยรู้สึกเศร้าทันที