วันนี้อวี้หลานซีแต่งตัวสวยมาก เธอสวมชุดแต่งงานสไตล์จีนโบราณสีแดง รวบผมขึ้นสูง ทั้งยังปักปิ่นหงส์สีทองประดับไว้บนผม ริมฝีปากบางทาทับด้วยลิปสติกสีแดงกุหลาบ เธอดูสวยเหมือนเจ้าสาวสไตล์จีนโบราณ
ตอนที่เห็นอวี้หลานซี เหลิ่งรั่วปิงนึกถึงคำพูดที่หนานกงเยี่ยเคยพูดบนเรือยอร์ช ผมหมั้นหรือไม่หมั้นมันเกี่ยวอะไรกับคุณ หลานซีเคยพูดแล้ว เธอไม่ถือสาที่ผมจะเลี้ยงผู้หญิงคนอื่นเอาไว้ด้านนอก
ที่แท้ คำอ้อนวอนขอร้องให้เธอรักเขา คือการที่เขาแต่งงานกับอวี้หลานซี แล้วยังอยากให้เธอเป็นนางบำเรออยู่ในวิลล่าหย่าเก๋อ แล้วมีความสุขกับการกระทำของตนเอง นี่สินะคำว่ารักของเขา! หึ ไม่ว่าจะมองยังไง ก็เป็นแค่ต้องการครอบครองเท่านั้น!
อวี้หลานซีจับแขนหนานกงเยี่ยแน่น เธอคลายยิ้มบางๆ มองไปที่เหลิ่งรั่วปิง ดูเป็นผู้หญิงใจกว้างและจิตใจดี แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาของเธอกลับเป็นการดูถูกและเย้ยหยัน ก่วนอวี้หลุดพูดระหว่างที่กำลังพูดคุยกับเธอ ทำให้อวี้หลานซีรู้ว่าหนานกงเยี่ยอยากจะหาผู้หญิงหนึ่งคนมาลองใจเหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นเธอจึงไปหาอวี้ไป่หัน เพื่อจะเป็นผู้หญิงคนนั้น ตอนแรกอวี้ไป่หันไม่เห็นด้วย เขากลัวหนานกงเยี่ยรู้แล้วจะโมโห แต่สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนให้กับลูกอ้อนของอวี้หลานซี ยอมให้เธอทำ
เธอรู้ดี ด้วยนิสัยหยิ่งทระนงของเหลิ่งรั่วปิง ถึงแม้เธอจะชอบหนานกงเยี่ยแต่ก็ไม่มีวันยอมให้เขามีผู้หญิงคนอื่น ทางด้านหนานกงเยี่ย ตอนที่เขารู้ว่าผู้หญิงใต้ผ้าคลุมคืออวี้หลานซี ทุกอย่างก็สายไปแล้ว เขาไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะในใจของเขา แม้จะไม่ได้รักเธอ แต่ก็รู้สึกกับเธอเหมือนญาติคนหนึ่ง เขาไม่มีวันทำร้ายเธอ
นัยน์ตาของอวี้หลานซีเคล้าไปด้วยความเย้ยหยัน เหลิ่งรั่วปิงรับรู้ได้ ทว่าเหลิ่งรั่วปิงกลับเย้ยกลับยิ่งกว่า “คุณอวี้ คุณเคยบอกว่า ขอให้ฉันอวยพรให้คุณกับคุณหนานกง ส่วนฉันก็เคยบอกว่า ไม่มีวันอวยพรให้คุณแน่นอน แต่ถ้าวันหนึ่งฉันไม่ต้องการเขาแล้ว ฉันยินดีที่จะพูดว่าขอบคุณที่มารับเขากลับไป ตอนนี้ ฉันอยากจะบอกคุณกว่า ยินดีที่คุณรับกลับไปนะคะ”
สีหน้าของอวี้หลานซีถอดสีทันที เธอไม่ได้ปากคอเราะร้ายเหมือนเหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นจึงหาคำมาเถียงกลับไม่ได้ ทำได้เพียงมองหนานกงเยี่ยด้วยความน้อยใจ หวังว่าเขาจะปลอบใจเธอเล็กน้อย แต่หนานกงเยี่ยทำเหมือนไม่เห็นเธอ สายตาของเขาเอาแต่มองไปที่เหลิ่งรั่วปิง
อวี้หลานซีปรี๊ดแตก เธอมองไปที่เหลิ่งรั่วปิงด้วยสายตาดูถูก “คุณเหลิ่ง ขอบคุณมากนะคะที่มาร่วมงานหมั้นของฉันกับเยี่ย ถ้าคุณไม่อยากออกไป คุณสามารถนั่งดื่มเหล้ามงคลต่อได้ค่ะ เยี่ยเป็นผู้ชายที่ดี ฉันไม่ถือสาถ้าเขาอยากจะเลี้ยงอีหนูสักคนเพิ่ม ดังนั้น ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่วิลล่าหย่าเก๋อต่อก็อยู่ได้ค่ะ”
อีหนู? อาชีพนี้มีอยู่ในสังคมอย่างชัดเจน ไม่ใช่ความลับอะไร แต่ถึงยังไงก็เป็นอาชีพที่น่าอับอาย การถูกคนอื่นเอามาพูดก็เป็นเรื่องขายหน้า
สายตาของคนในงานที่มองมายังเหลิ่งรั่วปิง มีทั้งดูถูกและเย้ยหยัน เหมือนกำลังมองผู้หญิงขายบริการ
หนานกงเยี่ยกำหมัดแน่น ถ้าผู้หญิงที่ยืนข้างๆ ไม่ใช่อวี้หลานซี เวลานี้เธอคงตายไปแล้ว คำพูดเหล่านั้นเป็นคำดูถูกเหลิ่งรั่วปิง แต่กลับทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด เขาหันไปมองสีหน้าของเหลิ่งรั่วปิง อยากจะเข้าไปปลอบโยนเขา แต่เห็นได้ชัดว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่ต้องการแม้แต่น้อย
“คุณหนานกง ขอให้คุณมีความสุขนะคะ งานเลี้ยงอำลานี้ฉันรับเอาไว้แล้ว” เหลิ่งรั่วปิงยกเหล้าในมือขึ้น คลายยิ้มบางๆ แล้วดื่มหมดแก้วในคราวเดียว เสียงเพล้งดังขึ้น แก้วหล่นลงพื้น แตกเป็นเสี่ยงๆ เหลิ่งรั่วปิงหมุนตัวหันหลังอย่างมีสง่า เธอเดินออกไปจากงานเลี้ยง
“เหลิ่งรั่วปิง!” หนานกงเยี่ยก้าวเท้าออกไปคว้าแขนของเธอเอาไว้ เขาดึงตัวเธอกลับมา “ไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถไปจากผมก่อนที่จะผมจะพูดคำว่าเลิก คุณเองก็ทำไม่ได้!”
เหลิ่งรั่วปิงไม่กระวนกระวายและไม่รีบร้อน ริมฝีปากบางคลายยิ้ม “คุณหนานกง ผู้หญิงที่คุณหมายถึงน่าจะเป็นผู้หญิงที่คุณเลี้ยงเอาไว้ใช่ไหมคะ แต่ฉันจำได้ว่า ความสัมพันธ์แบบนั้นของเราจบลงไปนานแล้ว ตอนที่คุณพาฉันกลับมาจากเมืองเฟิ่ง คุณบอกว่าเรามีความสัมพันธ์แบบชายหญิง ไม่มีพันธะสัญญาอะไรต่อกัน ถ้าอย่างนั้นทั้งสองฝ่ายก็มีสิทธิ์ที่จะจบความสัมพันธ์ได้ตลอดเวลาค่ะ ตอนนี้ฉันอยากจะบอกลาคุณ คุณก็แต่งงานกับคุณอวี้หลานซี ส่วนฉันก็ไปหาผู้ชายคนใหม่ หลังจากนี้พวกเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
หนานกงเยี่ยกัดฟันกรอด มือที่จับแขนของเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้เขาอยากจะฟันอวี้ไป่หันเป็นแปดส่วน เพราะเป็นห่วงความรู้สึกและเกียรติของอวี้หลานซี คำพูดบางอย่างเขาไม่สามารถพูดออกมาได้ จึงทำได้แค่ปล่อยให้เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจผิด
เหลิ่งรั่วปิงมองไปที่มือของหนานกงเยี่ย เธอยิ้มอย่างสง่างาม “คุณหนานกง ถึงแม้ฉันจะชอบคนใจปล้ำอย่างคุณมาก แต่ฉันไม่หน้าด้านพอที่จะใช้ผู้ชายคนเดียวกับผู้หญิงคนอื่น ดังนั้น ลาก่อนค่ะ”
ลาก่อน ไม่ต้องเจอกันอีก!
หนานกงเยี่ยจ้องมองไปที่หน้าของเหลิ่งรั่วปิง หัวใจของเขาบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เธอยิ้มได้สวยงามมาก เหมือนดอกไม้ที่สะท้อนในกระจก เธอยังคงเป็นเหมือนครั้งแรกที่เขาเจอ สง่างามไร้หัวใจ เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาอีกแล้ว
ผ่านไปนานครู่หนึ่ง หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ เขาปล่อยมือที่จับมือเธอเอาไว้ “ไสหัวไป!” ในเมื่อเธอไม่มีหัวใจขนาดนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเธอเอาไว้
รอยยิ้มของเหลิ่งรั่วปิงสวยเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า เสียงหวานของเธอดังขึ้น “งานค่าเลิกกันครั้งที่สองคุณไม่ต้องจ่ายฉันแล้วค่ะ ขอบคุณที่คุณคอยดูแลฉันมานานขนาดนี้ เงินค่าเลิกถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานที่ฉันให้คุณกับคุณอวี้ก็แล้วกันนะคะ สิ่งที่ฉันอยากจะพูดเพิ่มเติมก็คือ ถึงแม้ว่าคุณจะช่วยเหลือฉันมามากมาย แต่ฉันก็เอาตัวเข้าแลกแล้ว พวกเราไม่มีใครติดค้างอะไรกัน หลังจากนี้ถ้าเป็นไปได้ขอให้เราอย่าได้เจอกันอีก”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงหมุนตัวเดินออกไป ตอนที่เธอเดินออกไปก็หยิบของขวัญที่เธอเตรียมเอาไว้ออกไปด้วย
เธอดูสง่างามมาก เหมือนดั่งต้นหญ้าที่พัดปลิวไปกับลม เธอทำให้ทุกคนรับรู้ได้ถึงความอวดดีของเธอ แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถคว้าจับเธอได้ คนที่ตอนแรกหัวเราะเยาะเธอและคนที่รอดูเรื่องสนุก ต่างพากันชื่นชมเหลิ่งรั่วปิง บนโลกใบนี้จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่สามารถเท่ห์และเข้มแข็งได้ขนาดนี้
ถังเฮ่ายกแก้วขึ้นมา มองไปที่แผ่นหลังของเหลิ่งรั่วปิง แล้วดื่มจนหมดแก้ว เหลิ่งรั่วปิง ขอให้คุณโชคดี!
มู่เฉิงซีที่ไม่ค่อยชอบหลิ่งรั่วปิงมาโดยตลอด เขากลับรู้สึกเสียใจและชื่นชมเธอในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงคนนี้เข้มแข็งมาก บางทีเขาอาจจะตั้งแง่กับเธอจนเกินไป
ทางด้านอวี้ไป่หันนอกจากจะรู้สึกชื่นชมเธอแล้ว เขายังรู้สึกผิด ความเป็นจริงเขารู้สึกว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง
อวี้หลานซีจับแขนหนานกงเยี่ยแน่น เพราะเธอรู้สึกว่าเขากำลังจะไปจากเธอ
อย่าได้เจอกันอีก! คำพูดนี้แล่นไปในโสตประสาทของหนานกงเยี่ย แต่ละพยางค์เหมือนฟ้าที่ผ่าเข้ามา เหมือนสัญชาตญาณร้องบอก เขาสะบัดมือของอวี้หลานซีทิ้ง แล้วรีบวิ่งออกไป กคว้าจับมือของเหลิ่งรั่วปิงอีกครั้ง “เหลิ่งรั่วปิง ผมขอถามคุณอีกครั้ง คุณไม่เคยรักผมเลยหรอ”
“…ไม่ค่ะ ไม่เคย!”
หนานกงเยี่ยเม้มกัดริมฝีปาก แววตาของเขากำลังจะแตกสลาย “แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณเห็นผมเป็นอะไร”
เหลิ่งรั่วปิงแสยะยิ้ม “เป็นคนที่คอยเลี้ยงดูฉันไงคะ ฉันรู้ดีว่ามาตลอดว่าตนเองเป็นใคร”
หนานกงเยี่ยพยายามควบคุมตนเองไม่ให้หักข้อมือของเธอ “หลังจากที่ไปจากผมคุณจะไปหาใคร ไซ่ตี้จวิ้น?”
เหลิ่งรั่วปิงเลิกคิ้ว “ก็อาจจะใช่ค่ะ”
หนานกงเยี่ยกัดฟันกรอด “คุณกล้าทำก็ลองดูสิ!”
“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเสียงดังเหมือนได้ฟังเรื่องตลก “คุณแต่งงานกับคนอื่นได้ ฉันเองก็แต่งงานกับคนอื่นได้ คุณไซ่ตี้จวิ้นเคยบอกว่าเขายินดีที่จะแต่งงานกับฉัน ฉันซึ้งใจในคำพูดของเขา”
“คุณอยากแต่งงานมากนักหรอ” เป็นเพราะเขาไม่ยอมแต่งงานกับเธอ เธอจึงไม่รักเขาใช่ไหม แต่ว่า แม้เขาจะไม่แต่งงานกับเธอ เขาก็ไม่แต่งงานกับคนอื่นเหมือนกัน เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ดีหรือไง
“อยากหรือไม่อยากก็เป็นเรื่องของฉัน มันไม่เกี่ยวกับคุณหนานกง” เหลิ่งรั่วปิงดึงมือตนเองกลับ เธอมองไปที่กล่องของขวัญ “ของขวัญชิ้นนี้คุณหนานกงไม่ต้องการมันแล้ว ฉันขอเอาคืนนะคะ”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงหมุนตัวหันหลังอีกครั้ง เธอเดินออกไป ไม่เหลือเยื่อใยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะหันกลับไป
หนานกงเยี่ยมองดูแผ่นหลังของเธอ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น นัยนต์ของเขาแดงก่ำ “เหลิ่งรั่วปิง ผมยังไม่ได้จบความสัมพันธ์ของเรา คุณอย่าแม้แต่จะคิดว่าจะออกไปจากเมืองหลงได้ อย่าคิดที่จะไปหาผู้ชายหน้าไหน!”
“หนานกง” เสียงของอวี้ไป่หันดังขึ้นด้านหลังหนานกงเยี่ย
หนานกงเยี่ยหันหลัง เขาไม่ให้โอกาสพูดแม้แต่คำเดียว ชกไปที่หน้าของอวี้ไป่หัน อวี้ไป่หันไม่กล้าชกเขากลับ ทำได้เพียงปล่อยให้หนานกงเยี่ยชกตน หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่ง หน้าของเขาเขียวช้ำไปหมด มุมปากมีเลือดไหลออกมา หนานกงเยี่ยยังคงไม่หายโมโห เขากระโดดเตะอวี้ไป่หันอีกครั้ง จนอวี้ไป่หันปลิวไปชนกำแพง
อวี้ไป่หันพยายามลุกขึ้นยืน เขาเช็ดเลือดที่มุมปาก หัวเราะแล้วพูด “หนานกง ถ้าแกชกฉันแล้วแกรู้สึกดีขึ้นก็ชกมาอีก แต่ฉันไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ทำ ฉันต้องทำแบบนี้แกถึงจะตัดใจจากเหลิ่งรั่วปิงได้ แกถึงจะยอมปล่อยเธอและตนเอง”
หนานกงเยี่ยหายใจกระเพื่อม มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น กัดฟันกรอด “มึงกับกูไม่ใช่เพื่อนกันอีก”
“เยี่ย!” อวี้หลานซีรีบวิ่งออกมาจากงานเลี้ยง เธอกอดแขนของหนานกงเยี่ยเอาไว้ “เยี่ย อย่าทำแบบนี้กับไป่หันเลยค่ะ เขาทำแบบนี้เพราะหวังดีกับพวกเรา เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงไม่มีหัวใจ คุณอย่าเอาแต่คิดถึงเธออีกเลย”
หนานกงเยี่ยหันมามองอวี้หลานซี นัยน์ตาของเขานิ่งงัน แต่ไร้ซึ่งความอ่อนโยน “หลานซี สิ่งที่ควรพูดผมก็พูดกับคุณไปหมดแล้ว ถ้าคุณต้องการผมยินดีที่จะปกป้องคุณเหมือนน้องสาวไปตลอดชีวิต แต่คุณไม่มีวันเป็นผู้หญิงของผม ถ้าแม้จะไม่มีเหลิ่งรั่วปิง คุณก็ไม่มีวันเป็นผู้หญิงของผม”
พูดจบ หนานกงเยี่ยชักมือกลับแล้วเดินออกไป อวี้หลานซีรีบวิ่งไปกอดแขนของหนานกงเยี่ยอีกครั้ง “เยี่ย คุณอย่าไปเลยนะคะ งานวันนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ถ้าคุณไปฉันจะทำยังไงคะ”
หนานกงเยี่ยไม่มีท่าทีที่จะใจอ่อนแม้แต่น้อย “ในเมื่อคุณกับวอี้ไป่หันกล้าวางแผนจัดงานใหญ่ขนาดนี้เพื่อหลอกผม ก็ยอมรับสิ่งที่ตามมาแล้วกัน ไปบอกกับแขกในงานเอาเอง”
พูดจบ หนานกงเยี่ยดึงมือกลับ แล้วเดินออกไปจากไนท์คลับเฟิ่งหวงไถโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนมีความสามารถ อีกทั้งยังหัวดื้อ เขาต้องรีบตามเธอกลับมา เขากลัวว่าถ้าช้าไปก้าวหนึ่งจะตามเธอไม่ทัน
“เยี่ย เยี่ย!” อวี้หลานซีร้องตะโกนเสียงสะอื้น แต่หนานกงเยี่ยกลับไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา
ตอนที่หนานกงเยี่ยลับตาไป อวี้หลานซีหมดสติเพราะความเสียใจ โชคดีที่ก่วนอวี้อยู่ข้างๆ เขารีบคว้าตัวเธอเอาไว้ก่อนที่จะล้มลงกับพื้น
ถังเฮ่าและมู่เฉิงซีก็ตามออกมา พวกเขามองดูอวี้ไป่หัน แล้วมองไปยังแผ่นหลังที่ลับสายตาไปแล้วของหนานกงเยี่ย ถอนหายใจอย่างหนัก ความเป็นจริงการทดสอบความรู้สึกของเหลิ่งรั่วปิงที่หนานกงเยี่ยทำขึ้นมานี้ ไม่ว่าเหลิ่งรั่วปิงจะรักหรือไม่รักเขา เขาก็ไม่มีวันปล่อยเธอไป