เดิมพันเสน่หา – ตอนที่ 140 เริ่มที่นี่ก็จบที่นี่

เดิมพันเสน่หา

ก่วนอวี้รับสาย เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “คุณชายเยี่ย แย่แล้วครับ ที่บ้านโทรมาแจ้งว่าคุณอวี้หลานซีกรีดข้อมือฆ่าตัวตายครับ”

หัวใจของหนานกงเยี่ยรู้สึกหน่วงเล็กน้อย ความเป็นจริงเขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไรแล้ว เหลิ่งรั่วปิงทำให้เขารู้สึกเจ็บมากพอแล้ว เขาไม่สามารถจะเจ็บได้อีก หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง”

ก่วนอวี้ตอบ “โชคดีที่เจอทันเวลาครับ แผลที่กรีดไม่ลึกมาก ตอนนี้หมอได้ทำแผลให้คุณอวี้หลานซีเรียบร้อยแล้ว บรรดาสาวใช้ก็เฝ้าอยู่หน้าประตู กลัวว่าคุณอวี้จะคิดสั้นอีก”

หนานกงเยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสั่งก่วนอวี้ “นายตามหาเหลิ่งรั่วปิงต่อไป ส่วนฉันจะกลับไปที่บ้าน”

“ครับ” ในใจส่วนลึกของก่วนอวี้รู้สึกเจ็บปวด เขาอยากไปดูอวี้หลานซีด้วยตนเอง แต่น่าเสียดายที่ความรักของเขามันต้อยต่ำ เธอไม่มีวันเห็นมัน เขาเองก็ไม่สิทธิ์และไม่มีอำนาจที่จะทิ้งคำสั่งของหนานกงเยี่ยได้

หนานกงเยี่ยขับรถกลับไปที่บ้านด้วยตนเอง เขาเดินตรงไปที่ห้องของอวี้หลานซี พวกสาวใช้เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยกลับมา เหมือนได้รับการช่วยเหลือ พวกเธอพากันโล่งอก ถ้าหากไม่ดูแลอวี้หลานซีให้ดี ปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ คุณชายเยี่ยต้องให้พวกเขาชดใช้ด้วยการตายแน่ๆ

เมื่อรู้ว่าหนานกงเยี่ยกลับมา อวี้หลานซีดีใจมาก แต่เมื่อเห็นสภาพของเขา เธอสะดุ้งตกใจ มองดูเขาด้วยความปวดใจ เขาทำให้ตนเองตกอยู่ในสภาพนี้เพราะเหลิ่งรั่วปิง?

อวี้หลานซีไม่อยากจะเชื่อว่าเหลิ่งรั่วปิงจะสำคัญกับหนานกงเยี่ยมากขนาดนี้

เธอยืนนิ่งอยู่ตรงเตียง มองไปที่หนานกงเยี่ย แววตาของเธอซับซ้อนไปหมด ทั้งยังน่าสงสาร

หนานกงเยี่ยไม่มีสีหน้าอะไรมากมาย สีหน้าของเขาเย็นยะเยือกเหมือนน้ำในทะเลสาบตอนกลางคืนของฤดูใบไม้ร่วง เขามองไปที่ข้อมือของอวี้หลานซีที่มีผ้าก๊อซพันเอาไว้ จากนั้นหยิบปืนออกมา “หลานซี ผมให้คุณเลือกสองทาง หนึ่งคือฆ่าผม สองคือปล่อยผมไป ฆ่าผมทิ้ง คุณจะได้คลายความเกลียดชังที่มีต่อผม ผมเองก็จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์สักที แต่ถ้าคุณไม่ฆ่าผม ผมจะไปตามหาเหลิ่งรั่วปิง”

อวี้หลานซีมองดูหนานกงเยี่ยด้วยความหวาดกลัว เธอไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเขา

หนานกงเยี่ยเพิกเฉยต่อความหวาดกลัวของเธอ เขายัดปืนไปที่มือของอวี้หลานซี จากนั้นหยิบนาฬิกาปลุกบนโต๊ะมาตั้งเวลา แล้ววางนาฬิกาปลุกเอาไว้บนโต๊ะ “ผมให้เวลาคุณแค่ห้านาที หลังจากห้านาทีผ่านไป ถ้าคุณยังไม่ฆ่าผม ผมจะไปจากที่นี่ ไปตามหาเหลิ่งรั่วปิงต่อ”

พูดจบ เขาก็หมุนตัวหันหลังเดินไปที่หน้าต่าง มองดูท้องฟ้าที่มืดสนิทยามค่ำคืน พยายามคิดถึงเหลิ่งรั่วปิง คิดถึงหน้าของเธอ รอยยิ้มของเธอ คำพูดของเธอ

อวี้หลานซีมองไปยังแผ่นหลังของหนานกงเยี่ย มือที่จับปืนเอาไว้สั่นเทาไม่หยุด น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงลงมา ความหมายของหนานกงเยี่ยมันชัดเจนมาก เขาหมายความว่าต่อให้เขาต้องตายก็ไม่มีวันเลือกเธอ เขาจะเลือกแค่เหลิ่งรั่วปิงเท่านั้น แต่ว่า เธอจะทำได้ยังไง ฆ่าเขาทิ้ง โลกทั้งใบของเธอก็พังทลายแล้ว

เวลาแต่ละวินาทีค่อยๆ เดินผ่านไป สำหรับหนานกงเยี่ยเวลาห้านาทีเป็นอะไรที่ยาวนานมาก แต่สำหรับอวี้หลานซี กลับเป็นเวลาที่แสนสั้่น เธอยังคิดไม่ออกว่าจะรั้งเขายังไง เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นอย่างไร้เยื่อใย

หนานกงเยี่ยหันหลังกลับมา เสียงของเขาเย็นยะเยือก “หลานซี คุณเป็นคนเลือกทางนี้เอง อย่าหาว่าผมไม่ให้โอกาสคุณ” พูดจบ เขาปรายตามองไปที่ข้อมือของเธอ หมุนตัวหันหลังเดินออกไป ไม่แม้แต่จะหันกลับมา

อวี้หลานซีล้มลงนั่งกับพื้น เธอร้องไห้ไม่หยุด เธอยอมเอาศักดิ์ศรีและเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเข้าแลก ก็ไม่สามารถรักษาเขาเอาไว้ได้

ตอนที่หนานกงเยี่ยออกมาจากบ้าน ก็เป็นเวลาเช้าตรู่แล้ว บนท้องฟ้าเริ่มมีเมฆสีขาว

อากาศเย็นในเช้าตรู่ของฤดูใบไม้ร่วงทำให้หัวใจของคนเหน็บหนาว หนานกงเยี่ยสวมแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวบางๆ แสงยามเช้าเผยให้เห็นความเศร้าของเขา ไม่ได้นอนหลับมาตลอดทั้งคืน เวลานี้เขาดูอิดโรยเป็นอย่างมาก เส้นเลือดในดวงตาทั้งข้างชัดจนแทบจะกลั่นออกมาเป็นเลือดได้อยู่แล้ว

สูดเอาอากาศเย็นๆ เข้าไปเต็มปอด หนานกงเยี่ยพูดกับตนเองด้วยความเศร้า “เหลิ่งรั่วปิง กลับมาเถอะนะ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอีกแล้ว”

“คุณชายเยี่ย! คุณชายเยี่ย!” ก่วนอวี้กระโดดลงมาจากรถ รีบวิ่งไปตรงหน้าหนานกงเยี่ย “คุณชายเยี่ยครับ เจอตัวคุณเหลิ่งแล้วครับ”

ตัวของหนานกงเยี่ยสั่นเทา ใบหน้าอิดโรยเต็มไปด้วยความดีใจ เสียงของเขาสั่นเทาเพราะความดีใจ “เธออยู่ที่ไหน”

“จู่ๆ คุณเหลิ่งก็มาปรากฎตัวในห้อง1308ของโรงแรมวั่นเหาครับ อีกทั้งจากการตรวจสอบ เธอจองตั๋วเครื่องบินกลับซีหลิงวันนี้ครับ โดยบินจากสนามบินเมืองเฟิ่ง” อันที่จริงภายในใจของก่วนอวี้รู้สึกหดหู่ เหลิ่งรั่วปิงซ่อนตัวเก่งมาก ก่อนหน้านี้เขาส่งคนไปตรวจทุกโรงแรมอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบร่องรอยของเธอ ทว่าวันนี้จู่ๆ เธอกลับเช็คอินเปิดห้องที่โรงแรมวั่นเหา อีกทั้งยังเป็นห้อง1308ที่เธอเคยพักก่อนหน้านี้ ความสามารถของเหลิ่งรั่วปิงทำให้เขาอ้าปากค้าง

หนานกงเยี่ยดีใจจนสั่นไปทั้งตัว เขารีบสั่งให้ก่วนอวี้ขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงแรมวั่นเหา เขารู้ ก่อนหน้านี้พวกเขาตามหาเธอแทบตายแต่ก็ไม่เจอ ทว่าจู่ๆ เธอกลับมาโผล่ที่โรงแรมวั่นเหา หมายความว่าเธออยากจะเจอเขา เพราะเขาปิดสนามบินทั้งหมดของเมืองหลง ดังนั้นเธอจึงซื้อตั๋วเครื่องบินที่บินจากเมืองเฟิ่ง เธอจะกลับไปที่ซีหลิง แต่เขาไม่มีวันปล่อยเธอไปเด็ดขาด!

หลังจากก่วนอวี้ได้รับแจ้งว่าเหลิ่งรั่วปิงเข้าพักที่โรงแรมวั่นเหา เขาก็รีบสั่งให้บอดี้การ์ดปิดล้อมโรงแรมวั่นเหาเอาไว้ แม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถบินเล็ดลอดเข้าไปได้ เวลานี้ ชั้นล่างของโรงแรมวั่นเหา มีรถยนต์จอดเอาไว้สิบกว่าคัน บอดี้การ์ดของหนานกงเยี่ยปิดล้อมทั้งในทั้งนอกโรงแรมถึงสามชั้น ประตูห้อง1308มีบอดี้การ์ดยืนเรียงเป็นสองแถว พวกเขากลัวว่าเหลิ่งรั่วปิงจะหนีไปอีก

มาถึงโรงแรมวั่นเหา หนานกงเยี่ยลงจากรถ เขามองไปที่หน้าต่างห้อง1308 สาวเท้าเดินเข้าไปในโรงแรม ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน

เหลิ่งรั่วปิงนั่งอยู่ตรงหน้าต่าง เธอคนกาแฟในแก้วด้วยความใจเย็น เวลานี้เธอกำลังมองดูชั้นล่าง ตอนที่หนานกงเยี่ยปรากฎตัว มุมปากของเธอกระตุกขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม

วันนี้เหลิ่งรั่วปิงแต่งตัวสบายๆ เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าชุดกับกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าหนังส้นเตี้ย ทับด้วยเสื้อโอเวอร์โค้ทสีขาว ผมยาวสลวยปล่อยเป็นธรรมชาติ ดูนุ่มสลวยเหมือนสาหร่ายน้ำจืด มองดูแล้วเหมือนดอกลิลลี่กลางป่าที่เติบโตขึ้นมาอย่างมีอิสระ สวย บริสุทธิ์ ชวนหลงไหล ทว่าบ้าคลั่ง

เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ล็อคประตูห้อง หนานกงเยี่ยแค่ผลักประตูเบาๆ ประตูก็เปิดออก ตอนที่เขาเดินเข้ามานั้น เขาได้เห็นผู้หญิงที่ตามหาด้วยความยากลำบากมาตลอดทั้งคืน เธอกำลังดื่มกาแฟอย่างสง่า แสงแดดสีทองอร่ามสาดส่องมาที่เธอทำให้ดูสวยเป็นพิเศษ ร่างบางมีแสงบางอย่างเพิ่มขึ้นมา แสงนั้นคล้ายการเกิดใหม่ ทำให้เขารู้สึกว่าเธออยู่ห่างไกลจากเขามาก

ในที่สุดก็เจอตัวเธอแล้ว แต่หัวใจของหนานกงเยี่ยกลับรู้สึกหนักหน่วงมากกว่าเดิม เขายืนอยู่ตรงโซฟามองดูเธอนิ่งๆ พูดเสียงเบา “รั่วปิง” น้อยครั้งมากที่เขาจะเรียกเธอว่ารั่วปิง ทุกครั้งเวลาที่เขาเรียกเธอมักจะเรียกเป็นชื่อเต็ม แต่วันนี้เขากลับรู้สึกว่าเรียกรั่วปิงคล่องปากมากกว่า

เหลิ่งรั่วปิงวางแก้วลงเบาๆ หันหน้ามามองหนานกงเยี่ย เธอคลายยิ้มบางๆ รอยยิ้มของเธอสวยยิ่งกว่าแสงอรุณยามเช้า “คุณหนานกง ดูเหมือนเมื่อคืนคุณไม่มีความสุขเลย?”

ตอนที่ได้ยินว่าหนานกงเยี่ยตามหาเธออย่างบ้าคลั่ง เขาปิดล้อมทุกทางเข้าออก อันที่จริงเธอรู้สึกหวั่นไหว แต่เธอไม่มีวันหันกลับอีกแล้ว เหลิ่งรั่วปิงกลัวว่าถ้าเธอบอกรักเขาจะใช้มีดกรีดแทงหัวใจ ความอับอายเมื่อวานทำให้หัวใจของเธอนิ่งเหมือนน้ำ

หนานกงเยี่ยในเวลานี้ สภาพดูไม่ดีเท่าไหร่ เขาดูอิดโรยเป็นอย่างมาก

เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขากลับรู้สึกว่าอยู่ห่างไกล เวลาแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น เธอก็กลับมาเป็นเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน เธอสง่าและอยู่ไกลเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง

หัวใจของหนานกงเยี่ยบีบรัด “รั่วปิง ผมได้รับของขวัญของคุณแล้ว ผม…”

“ไม่ค่ะ คุณหนานกงเยี่ยพูดผิดแล้ว” เหลิ่งรั่วปิงยังคงมีสง่าเหมือนเทพธิดา เสียงของเธอไพเราะน่าฟัง “นั่นไม่ใช่ของขวัญที่ฉันให้คุณ แต่เป็นของขวัญที่ฉันทิ้งไปแล้ว มันไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น”

“รั่วปิง…” หนานกงเยี่ยอยากจะเดินมากอดเธอ

“คุณหนานกงห้ามก้าวเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับรองว่ามีดในมือของฉันมันจะอยู่ในมือฉันดังเดิม” เหลิ่งรั่วปิงยังคงยิ้ม แต่แววตาของเธอกลับเย็นยะเยือก รอยยิ้มของเธอเจือจาง

หนานกงเยี่ยมองดูมีดบินในมือเธอ หัวใจของเขาแตกสลาย เจ็บปวดจนยากที่จะทน “รั่วปิง แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนี้ผมจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”

“คุณหนานกงพูดเป็นเล่นไปค่ะ เรื่องแบบนี้แค่ครั้งเดียวก็ตัดขาดทุกความสัมพันธ์แล้ว ฉันไม่รู้สึกแค้นคุณเลยสักนิด ในทางกลับกันฉันรู้สึกขอบคุณคุณมาก ความอับอายในครั้งนี้ที่คุณทำ มันทำให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม ฉันขอบคุณคุณหนานกงมากสำหรับการดูแลอย่างดีมาโดยตลอด แต่ฉันก็ได้ใช้ร่างกายตอบแทนคุณไปแล้ว พวกเราไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน ในเมื่อพวกเรารู้จักกันในห้องนี้ ฉันขอให้เราจบความสัมพันธ์ในห้องนี้ ฉันขอบอกลาคุณที่นี่ ทั้งคุณและฉันถือว่าจบกันแล้ว ถ้าคุณหนานกงยอมปล่อยฉันไป ฉันจะขอบคุณคุณมาก”

สีหน้าเจ็บปวดของหนานกงเยี่ย ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโมโห “ผมไม่มีวันปล่อยคุณไป คุณหนีไม่พ้นหรอก”

เหลิ่งรั่วปิงแสยะยิ้ม “ถ้าคุณหนานกงต้องการผู้หญิง คุณแค่กระดิกนิ้วก็มีผู้หญิงมากมายมาหาคุณถึงที่ ถึงยังไงคุณอวี้ก็ยอมรับเรื่องนี้ได้ คงไม่เป็นไรถ้าจะขาดฉันไปสักคน”

“เรื่องมันไม่ใช่แบบนี้ เมื่อวาน…”

“คุณหนานกง” เหลิ่งรั่วปิงพูดแทรกขึ้นมา “คุณบอกว่าถ้าคุณไม่ยอมปล่อย ฉันก็ไม่มีวันหนีไปจากคุณได้ แต่ฉันอยากจะบอกคุณว่า ถ้าฉันจะไป ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ขวางฉันไม่ได้”

เหลิ่งรั่วปิงกระตุกยิ้ม เธอหยิบแว่นกันแดดสีชาขึ้นมาสวมอย่างสง่างาม เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เวลานี้พระอาทิตย์กำลังเจิดจ้า แสงแดดส่องผ่านใบหน้าคู่สวย “วันนี้อากาศดีมาก เหมาะแก่การบอกลา คุณหนานกง ดูแลตัวเองด้วยนะคะ หวังว่าชีวิตนี้เราจะไม่ได้เจอกันอีก”

พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงกระโดดลงไปจากหน้าต่าง

ชั้น13!

หัวใจของหนานกงเยี่ยดิ่งลงเหว เขารีบวิ่งไปที่หน้าต่าง “เหลิ่งรั่วปิง!”

มองดูเหลิ่งรั่วปิงที่กำลังตกลงไป หนานกงเยี่ยรู้สึกว่าพลังชีวิตของเขาถูกสูบจนหมด เขาพยายามจะปีนระเบียงและกำลังจะกระโดดตามเธอลงไป

หนึ่งวินาทีหลังจากนั้น เขาพบว่าไม่มีประโยชน์ เอวทั้งสองด้านของเหลิ่งรั่วปิงมีสลิงโผล่ออกมา ปลายด้านหนึ่งเป็นตัวล็อค สลิงทั้งสองเส้นล็อคกำแพงเอาไว้ เหลิ่งรั่วปิงค่อยๆ ไต่สลิงลงไป

นี่เป็นอุปกรณ์ของสายลับ เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่สายลับใช้กัน

หัวใจของหนานกงเยี่ยหล่นลงไปที่ตาตุ่มแล้ว เขาไม่มีเวลามาคิดว่าทำไมเธอถึงใช้เทคนิคนี้เป็น เวลานี้เขาเอาแต่ร้องตะโกนลงไปชั้นล่าง “หยุดเธอให้ได้!”

เดิมพันเสน่หา

เดิมพันเสน่หา

Status: Ongoing
หลังจากพ่อของเธอถูกสังหารจนชีวิตต้องระหกระเหินอยู่ในมรสุมแห่งความยากลำบาก สิบปีให้หลัง เหลิ่งรั่วปิง นักฆ่าสาวฝีมือดีของประเทศซีหลิงเจ้าของฉายานางฟ้ารัตติกาลผู้แสนเย็นชาและไร้หัวใจจึงกลับมาที่เมืองหลงอีกครั้งเพื่อเอาคืนเจ้าของหนี้แค้นที่พรากครอบครัวและทำให้เธอต้องสูญเสียทุกสิ่งไปอย่างสาสมและใบเบิกทางของแผนการแก้แค้นในครั้งนี้ก็คือ หนานกงเยี่ย ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหนานกงหนึ่งในคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงที่ผู้หญิงทุกคนต่างใฝ่ฝัน เขาคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยกรุยทางให้เธอไปถึงจุดหมายเพราะฉะนั้นต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เธอก็ยินดีที่จะทำ ถึงแม้ว่าสิ่งๆ นั้นจะเป็นร่างกายหรือหัวใจของเธอเองก็ตามที

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท