ตอนที่ 200 ต่อไปนี้คุณเป็นคนตั้งกฎของตระกูลหนานกง
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ขัดขืนอีกต่อไป เขาบอกว่าเขาคิดถึงเธอ ความเป็นจริงเธอก็คิดถึงเขามากเหมือนกัน ในเมื่อเรายังอยู่ด้วยกัน ทำไมต้องทำให้อีกฝ่ายต้องทุกข์ทรมานด้วย
ในเมื่ออยู่ด้วยกัน เช่นนั้นก็ทำตามที่เขาบอก ดื่มด่ำกับความรักที่เขามอบให้
หลังจากแยกจากกันมาหลายเดือน ปมต่างๆ ในหัวใจก็คลี่คลายไปหมดแล้ว ต่างฝ่ายต่างเข้าใจความรู้สึกของตนเองมากขึ้น เพราะทั้งสองรักกัน ดังนั้นจึงเข้ากันได้มากขึ้น ร่างกายและหัวใจหลอมรวมเข้าด้วยกัน ทำให้ค่ำคืนนี้กลายเป็นค่ำคืนที่มีความสุข แพรวพราว พลิ้วไหว
ในอ้อมกอดของผู้ชายจอมเผด็จการและอบอุ่น เหลิ่งรั่วปิงหลับฝัน ในฝัน เธอกับเขาขี่ม้าขาวบนผืนหญ้ายามค่ำคืน แสงจันทร์สีเหลืองนวล ดวงดาวระยิบระยับ ท้องฟ้าสดใส ผืนหญ้าภายใต้แสงจันทร์และแสงดาว เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ กลิ่นหอมลอยฟุ้ง จุดที่พวกเขาอยู่ มีหิ่งห้อยมากมาย แสงสีเขียวทอดยาวเป็นเส้นโค้งที่สวยงาม
ในความฝัน เธอได้รับความรักหมดหัวใจจากผู้ชายจอมเผด็จการคนนี้ เป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด
เช้าวันที่สอง อากาศดี ท้องฟ้าสีครามแจ่มใสราวกับกำมะหยี่ชั้นดี ดวงอาทิตย์สาดส่องราวกับโน้ตดนตรี ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้รู้สึกว่าชีวิตเป็นสิ่งสวยงาม
ภายในห้องหรูที่แสงแดดสาดส่องเข้ามา ทั้งสองที่กลับมาคืนดีกันอีกครั้งยังคงหลับใหล แสงแดดสาดแสงสลัวลงบนเตียง ส่องสว่างทั้งชายหญิง ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาราวกับเจ้าชายในเทพนิยาย หญิงสาวงดงามบริสุทธิ์ ราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ทั้งคู่โอบกอดกัน ลมหายใจรินรด เกิดเป็นภาพที่สวยงามที่สุดบนโลก
บนพื้นหญ้าเขียวขจีห่างจากปราสาทหนึ่งร้อยเมตร คนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะ กำลังกินอาหารเช้าและดื่มน้ำชา
อวี้ไป่หันตักชีสบอลกุ้งให้กับไซ่หย่าเซวียน พร้อมกับพูดหยอกล้อ “ไอ้หยา เมื่อคืนหนานกงคงจะเหนื่อยมาก คุณดูสิครับ นอนจนตะวันโด่งแล้วยังไม่มีทีท่าจะตื่นอีก นี่ไม่เหมือนเขาแม้แต่น้อย”
ถังเฮ่าถอนหายใจด้วยความเศร้า “มันแม่งไม่ใจเลย เพื่อผู้หญิงของตัวเอง แม้แต่เรื่องแค่นี้ของฉันก็ยังไม่คิดจะช่วย หนานกงหายทรมานกับความคิดถึงแล้ว แต่ฉันยังคงต้องนอนไม่หลับเพราะความเหงา เฮ้อ!”
“ฮ่าๆๆ…” อวี้ไป่หันหัวเราะได้สดใสยิ่งกว่าแสงแดด “แกมีตุ๊กตาแบตเตอรี่ไม่ใช่เหรอ”
สีหน้าของถังเฮ่าไม่พอใจขึ้นมาทันที ยกเท้าขวาขึ้น เตะเก้าอี้ของอวี้ไป่หัน อวี้ไป่หันกำลังปอกเปลือกไข่ให้กับไซ่หย่าเซวียน ไม่ทันได้ระวัง จึงล้มลงกับพื้น เปลือกไข่หล่นลงตรงหน้า สภาพของเขาดูน่าเวทนา
ไซ่หย่าเซวียนชำเลืองมองด้วยความรังเกียจ พูดด้วยความหงุดหงิด “ไม่เอาไหนจริงๆ!”
ถูกผู้หญิงที่ตนเองชอบด่าว่าไม่เอาไหน เป็นสิ่งที่ผู้ชายไม่อาจรับได้ อวี้ไป่หันเด้งตัวกระโดดขึ้นมา “ถังเฮ่า แกมาสู้กับฉันสักตั้ง มาๆๆ!”
ประจวบเหมาะ ถังเฮ่ากำลังโมโหแต่ไม่มีที่ระบาย สู้กับอวี้ไป่หันสักตั้งเป็นสิ่งที่เขาต้องการพอดี ด้วยเหตุนี้จึงเลิกแขนเสื้อขึ้น มู่เฉิงซีตำหนิด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พอได้แล้ว อย่าทะเลาะกัน ก่อนหน้าเพื่อตามหาตัวเหลิ่งรั่วปิง หนานกงทรมานแทบตาย พวกแกเองก็รู้ดี ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะคืนดีกันได้ แน่นอนว่าต้องสวีทหวานกัน ปล่อยให้พวกเขานอนเถอะ อย่าส่งเสียงดังจนทำให้พวกเขาต้องตื่น”
เวินอี๋ช่วยพูด “จริงด้วยค่ะ พวกคุณสองคนอย่าทะเลาะกันเลย”
ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันเองก็เข้าใจ ทั้งสองจึงกลับไปนั่งในที่ของตนเอง
อวี้ไป่หันมองเวินอี๋ด้วยความหยอกล้อ “ตอนนี้รู้จักพูดตามสามีแล้วเหรอครับ หืม?”
เวินอี๋เบ้ปาก แก้มแดงระเรื่อเล็กน้อย ก้มหน้าลงกินอาหาร ไม่กล้าพูดอะไรอีก อวี้ไป่หันพูดเก่งมากเธอเถียงไม่ชนะหรอก เธอไม่ได้พูดเก่งและมีไหวพริบเหมือนเหลิ่งรั่วปิง
มู่เฉิงซีก้มหน้าลงมองเวินอี๋ หันไปมองค้อนอวี้ไป่หัน “ไสหัวไป!” ผู้ชายแย่ๆ อย่างอวี้ไป่หันไม่มีสิทธิ์มาล้อเล่นกับผู้หญิงของเขา
อวี้ไป่หันไม่สนใจ เขายิ้มแล้วเอ่ยพูด “เฉิงซี แกยังไม่ทันได้แต่งงานกับเธอก็ปกป้องขนาดนี้ ถ้าแต่งงานกับเธอเมื่อไหร่คงจะล่ามโซ่เอาไว้เลยหรือเปล่า”
คนพูดไม่ได้คิด คนฟังกลับคิดมาก รอบตัวเวินอี๋มีสาเหตุมากมายที่ทำให้เธอเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับมู่เฉิงซี การแต่งงานกับเวินอี๋ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ เขาไม่ได้กลัวพ่อและปู่ที่เหี้ยมโหด แต่เขาเป็นห่วงแม่ แม่ของเขาสุขภาพไม่ดี อารมณ์ฉุนเฉียวไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้แม่ยังเอาชีวิตมาข่มขู่เขา ถ้าเขาแต่งงานกับเวินอี๋ แม่ของเขาก็จะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย นั่นเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด เป็นคนที่รักและตามใจเขาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจบีบแม่ถึงขั้นนั้น
ดังนั้น เขามีใจอยากจะแต่งงานกับเธอ แต่เขากลับแต่งงานไม่ได้ ถึงอย่างไรฐานะของเวินอี๋ก็เป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนของครอบครัว
คำพูดนี้ทำให้มู่เฉิงซีรู้สึกหดหู่ ดื่มเหล้าเพียวๆ ลงคอด้วยความเจ็บปวด
อวี้ไป่หันรู้ว่าตนเองพูดผิดไป จึงยิ้มแห้งๆ ไม่พูดอะไรอีก เขาก้มหน้าลงคอยดูแลไซ่หย่าเซวียนกินข้าว ถึงแม้ไซ่หย่าเซวียนจะเป็นผู้หญิงซุกซน แต่เธอฉลาดมาก พูดกระซิบข้างหูอวี้ไป่หัน หัวเราะเยาะเสียงเบา “ปากพล่อยๆ ของคุณ ทำไมไปที่ไหนก็มีแต่คนเกลียดคะ”
ส้อมในมืออวี้ไป่หันเกือบแทงเข้าที่เนื้อของเขา เขาเองก็เกลียดตัวเองมาก ทำไมถึงปากพล่อยแบบนี้ ถูกท่า ไซ่หย่าเซวียนคงไม่ประทับใจในตัวเขาแล้ว
ขณะที่คนนอกปราสารทพูดคุยกันอย่างครึกครื้น คนทั้งสองที่อยู่ในปราสาทเพิ่งตื่นนอน
ตามตัวเธอกลับมาใหม่อีกครั้ง ได้กอดเธอเอาไว้ หนานกงเยี่ยรู้สึกดีใจมาก ทั้งที่ตื่นนอนแล้วแต่ก็ไม่ยอมลุกออกจากเตียง เขามองดูเธอเงียบๆ ราวกับว่ามองอย่างไรก็ไม่พอ
ทว่าเหลิงรั่วปิงกลับไม่อยากนอนแล้ว เธอดึงดันจะลุกจากเตียง เหลิ่งรั่วปิงไม่ต้องคิดก็รู้ ตอนนี้พวกเพื่อนๆ ที่อยู่ด้านนอกจะนินทาพวกตนว่าอะไรบ้าง ตอนนั้นทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย แต่ตอนนี้กลับรักกันปานจะกลืนกิน เดี๋ยวตอนออกไปต้องถูกหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน
เห็นเธอลงจากเตียงและเปลี่ยนเสื้ออย่างรวดเร็ว เป็นธรรมดาที่หนานกงเยี่ยจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากนั้นเขาก็ใส่เสื้อผ้า เพราะตอนนี้สายมากแล้ว วันนี้เขาอยากพาเธอไปเที่ยวเล่นบนหุบเขา
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เหลิ่งรั่วปิงกำลังจะเดินออกไป หนานกงเยี่ยกลับกอดเธอจากด้านหลังอย่างกะทันหัน “เมียจ๋า กลับไปพวกเราไปจดทะเบียนกันเถอะครับ?”
เหลิ่งรั่วปิงยกมุมปาก ยิ้มได้สวยงามมาก “คุณอยากแต่งงานกับฉันจริงๆ?”
หนานกงเยี่ยกัดแก้มของเธอเบาๆ คล้ายโมโหเล็กน้อย “คุณคิดว่าไงล่ะครับ” เขาทำตั้งมากมาย แสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะแต่งงานกับเธอ แต่สุดท้ายเธอกลับย้อนถามแบบนี้
“ฉันนิสัยไม่ดี?” เธอเป็นคนหัวดื้อและก้าวร้าวมาก เรื่องนี้เธอรู้ดี
“ผมจะตามใจคุณทุกอย่าง” เพราะเธอพิเศษแบบนี้ เขาจึงรักเธอ
“ฉันมีปัญหามากมาย” ถ้าแต่งงานกับเขา ตัวตนที่ว่าเธอเป็นสายลับของวิหารซีหลิง เป็นปัญหาที่เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีก
“ผมจะแบกรับทุกอย่างเอาไว้เอง” ขอเพียงแค่เธอรักเขา ไม่ว่าฟ้าจะถล่มลงมาเขาก็พร้อมแบกรับเอาไว้เพื่อเธอ
“ฉันไม่ชอบกฎระเบียบของพวกคนมีฐานะ”
“ต่อไปนี้กฎทั้งหมดของตระกูลหนานกง คุณเป็นคนตั้ง”
“ฉันขี้น้อยใจมาก ไม่อนุญาตให้คุณมีผู้หญิงคนไหนอีก อวี้หลานซีก็ไม่ได้”
“ผมจะเชื่อฟังคุณทุกอย่างครับ”
“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ “แต่ว่าเมื่อคืนฉันทิ้งแหวนเพรชไปแล้ว”
“เดี๋ยวกลับไปผมจะซื้ออันใหม่ชดเชยให้คุณ”
“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
มองดูหญิงสาวในอ้อมกอดยิ้มสดใสราวกับดอกท้อ หนานกงเยี่ยรู้สึกมีความสุขเหมือนกำลังลอยล่องอยู่บนปุยเมฆ ซบอยู่ข้างหูของเธอพร้อมกับหัวเราะ
ล้วนว่ากันว่าเรื่องดีๆ ต้องผ่านประสบการณ์มากมาย ถ้าเขากับเธอไม่ทะเลาะจนต้องแยกทางกัน คงจะไม่มีวันเข้าใจหัวใจตนเองแบบนี้ บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้รักกันหวานซึ้งเหมือนตอนนี้ บางทีเรื่องบางอย่างอาจจะยังคงอยู่ในใจตลอดไป
การสูญเสียและลาจากทำให้พวกเขาเข้าใจทุกอย่างมากขึ้น
คนเรา มักจะเติบโตท่ามกลางการสูญเสียและเจ็บปวด
คนทั้งสองที่มีความสุขกำลังโอบกอดกันอย่างหวานซึ้ง จู่ๆ แผ่นดินสั่นสะเทือน ปราสาทโบราณสั่นไหวอย่างแรง
แผ่นดินไหว!
หนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่คนโง่เขลา หลังจากตกใจครู่หนึ่ง ทั้งสองก็รู้ตัวทันที แผ่นดินไหวครั้งนี้ เป็นอันตรายร้ายแรงและไหวรุนแรงมาก
อันตรายอยู่ตรงหน้า พวกเขาไม่อาจคิดอะไรมาก รีบหาวิธีช่วยตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
หนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงไหวตัวเร็วมาก ทั้งสองวิ่งไปหลบใต้โต๊ะที่อยู่ตรงมุมห้อง
แผ่นดินไหวครั้งนี้ มาอย่างรวดเร็ว และไปอย่างรวดเร็ว ไหวประมาณครึ่งนาทีเท่านั้น แผ่นดินไหวรุนแรงมาก เพียงครู่หนึ่งปราสาทถล่มลงมา ท่ามกลางความสั่นไหวรุนแรง ข้าวของต่างๆ พังทลายลงมา จนสุดท้ายหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงจมลงไปในความมืด
หนานกงเยี่ยกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมคลายมือ ตอนที่หล่นลงไปนั้น เขาคิดเพียงแค่อย่างเดียว ต่อให้ต้องตาย เขาก็ไม่มีวันปล่อยมือจากเธอ สำหรับคนรักกัน เกิดพร้อมกัน หรือตายพร้อมกัน ไม่แตกต่างกันเท่าไร ขอเพียงแค่ไม่โดดเดี่ยวลำพัง
ตอนที่แผ่นดินไหว กลุ่มคนที่กินอาหารเช้าตรงสนามหญ้านอกปราสาท หลังจากตกใจเพียงสองวินาที พวกเขาก็ตั้งสติได้ทันที พวกเขาต่างก็นึกถึงคนที่อยู่ในปราสาท แต่เผชิญกับภัยธรรมชาติพวกเขาเองก็ทำอะไรมากไม่ได้ ตอนที่แผ่นดินสั่นไหวอย่างแรงนั้น แม้แต่พวกเขาก็ยังทรงตัวไม่ได้ ต่างก็ล้มลง
มู่เฉิงซีกอดเวินอี๋เอาไว้แน่น อวี้ไป่หันกอดไซ่หย่าเซวียน ทางด้านถังเฮ่าพยายามปกป้องตนเอง
ราวกับพื้นดินบ้าคลั่ง แผ่นดินนูนขึ้นมาเป็นคลื่นลูกใหญ่ สรรพสิ่งที่อยู่บนพื้นปลิวขึ้นมา ถนนแตกหักเป็นรอยกว้างทันที
ถึงแม้ภัยพิบัตินี้จะเกิดขึ้นเพียงแค่ครู่หนึ่ง ทว่ากลับทำลายล้างทุกอย่าง
หลังจากผ่านไปสามสิบวินาที ทุกอย่างกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง ทว่าทุกอย่างตรงหน้ากลับพังทลาย
ปราสาทถล่มลงมา ระหว่างปราสาทและพื้นหญ้า เกิดรอยร้าวกว้างกว่าสิบเมตร
ทุกคนที่อยู่ตรงพื้นหญ้าล้วนปลอดภัย
คนที่ตื่นขึ้นมาจากความสั่นไหว ตื่นตกใจทันที พวกเขาที่อยู่บนพื้นหญ้าไม่เป็นอะไร ทว่าคนที่อยู่ในปราสาทจะเป็นหรือตายไม่แน่ชัด!
“พี่รั่วปิง!”เวินอี๋ร้องไห้แล้ววิ่งไปยังปราสาท ถนนแตกร้าวกว้างสิบเมตรตรงหน้าขวางทางเธอเอาไว้ เวินอี๋ทรุดตัวลงร้องไห้เสียงดัง
ทุกคนวิ่งไปยังถนนที่แตกร้าว ทว่ากลับทำได้เพียงกังวลใจเท่านั้น ถนนที่ถล่มลงมากว้างนับสิบเมตร ลึกกว่าร้อยเมตร อาศัยกำลังคนไม่อาจข้ามผ่านไปได้ ร่องลึกขนาดนี้ หากอยากไปช่วยคนในปราสาท นอกจากบินไปทางอื่นก็ไม่มีแล้ว
แผ่นดินไหวรุนแรง ทำให้ปราสาทถล่มลงมาทันที คนที่อยู่ด้านในมีโอกาสรอดน้อยมา
มู่เฉิงซีรีบคว้าโทรศัพท์ออกมา เพื่อโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทว่าโทรศัพท์กลับไม่มีสัญญาณ คงเป็นเพราะแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อครู่ ทำให้สัญญาณเสียหายจนหมด
ด้านหน้ามีร่องลึก ทั้งยังติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรดี