ตอนที่ 209 ใช้อะไรระลึกถึงความรักที่ตายไป
คล้ายกับไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์แม้แต่น้อย ยิ้มแล้วพูด “ฉันกินอิ่มแล้วค่ะ”
คำพูดของเหลิ่งรั่วปิงเมื่อกี้ทำให้หนานกงเยี่ยอารมณ์ดี ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ้ม “ครับ กลับบ้านเรากันเถอะ”
ขณะพูด หนานกงเยี่ยก็ช่วยเหลิ่งรั่วปิงใส่เสื้อกันหนาว จากนั้นช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้ม ส่งสายตาบอกลาทุกคน แล้วเดินออกไปจากไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ ปล่อยให้คนที่เหลือนั่งเบิกตากว้างด้วยความตกตกตะลึง
อวี้ไป่หัน “สองคนนี้สมแล้วที่เป็นสามีภรรยา โหดเหมือนกันจริงๆ ก่อนหน้านี้ยังจะฆ่าคน วินาทีถัดมากลับยิ้มร่า แกดูท่าทีที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาของสองคนนั้นดิ”
“ฮ่าๆๆ…” ถังเฮ่าหัวเราะเสียงดัง “สองคนนี้เหมาะที่จะเป็นสามีภรรยากัน ทำพวกเราตกใจแทบตาย แต่พวกเขากลับสวีทหวานกัน ร้ายทั้งครอบครัว”
มู่เฉิงซีเคยชินกับการเคร่งขรึมเย็นชา เขาจึงไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาของเขาที่มองไปยังประตูเย้ยหยันอย่างชัดเจน
ทางด้านเวินอี๋อมยิ้มไม่หยุด เธอดีใจแทนเหลิ่งรั่วปิง
ออกมาจากไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ หนานกงเยี่ยขับรถด้วยตนเอง อยากจะขับกลับไปคฤหาสน์ ทว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่ยอม “ฉันจะกลับวิลล่าหย่าเก๋อ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว “ตอนนี้คุณเป็นคุณผู้หญิงตระกูลหนานกงแล้ว ต้องกลับไปจุดธูปบอกกล่าวกับบรรพบุรุษ และแสดงตัวตน”
“ไว้ค่อยว่ากันเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันแค่อยากอยู่เงียบๆ เท่านั้น” เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้สนใจตำแหน่งคุณผู้หญิงตระกูลหนานกงอะไรทั้งนั้น เธอเป็นคนรักสงบ อวี้หลานซีพักอยู่ที่คฤหาสน์ มันน่าอึดอัดเกินไป กลับวิลล่าหย่าเก๋อสบายใจกว่ามาก
“ครับ เชื่อฟังคุณทุกอย่าง” หนานกงเยี่ยรู้ ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะไม่ได้พูดออกมา แต่ตอนนี้เธอมองไม่เห็น ภายในใจของเธอรู้สึกเศร้า เธออยากอยู่เงียบๆ เขาเองก็ไม่อยากฝืนใจเธอ ถึงอย่างไรกลับหรือไม่กลับไปจุดธูปบอกบรรพบุรุษ แสดงตัวตนหรือไม่ เหลิ่งรั่วปิงก็เป็นภรรยาของหนานกงเยี่ยอยู่ดี
*****
จนกระทั่งก่วนอวี้อุ้มขึ้นรถ อวี้หลานซียังคงสั่นเทาไม่หยุด ภาพในหัวของเธอเอาแต่คิดถึงสีหน้าของหนานกงเยี่ย เธอมั่นใจว่าเขาคิดจะฆ่าเธอแล้วจริงๆ
ก่วนอวี้รัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ ถอนหายใจด้วยความจนปัญญา มองดูเธอด้วยแววตาลุ่มลึก แล้วสตาร์ตรถขับออกไป เขาขับไปยังคฤหาสน์หนานกง ก่วนอวี้ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตนในตอนนี้อย่างไร เขายังคงรักเธอ รักเธอมานานกว่าสิบปีไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนใจง่ายๆ เพียงแต่เขารักจนเหนื่อยมาก รักจนไม่รู้จะทำเช่นไร เขาเปลี่ยนเธอไม่ได้ ต่อให้เขาควักหัวใจตนเองออกมาให้เธอ ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความดึงดันของเธอที่มีต่อหนานกงเยี่ย เธอในตอนนี้ เหมือนคนที่หลงผิดไปแล้ว
“ก่วนอวี้ เยี่ยถึงขั้นจะฆ่าฉัน!” เสียงของอวี้หลานซีดังขึ้นท่ามกลางความเงียบอย่างกะทันหัน เธอยังคงตัวสั่น ในแววตาของเธอ ยังคงฉายความหวาดกลัวและเหลือเชื่อ
ก่วนอวี้ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ใช่ เมื่อกี้คุณชายคิดจะฆ่าคุณ” น้ำเสียงของก่วนอวี้นิ่งสงบ ให้ความรู้สึกเศร้าเล็กน้อย “คุณเอาชนะเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้หรอก เธอฝังรากลึกอยู่ในหัวใจของคุณชายเยี่ย คุณชายยอมทำเรื่องที่บ้าคลั่งเพื่อคุณเหลิ่ง ถึงเวลาที่คุณต้องยอมแพ้แล้ว”
“ยัยนั่นมีอะไรดีกันแน่” น้ำเสียงของอวี้หลานซีไม่พอใจมาก
“บางทีคุณเหลิ่งอาจจะไม่มีอะไรดีทั้งนั้น เพียงแต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ คุณเหลิ่งไม่ต้องทำอะไรก็คว้าหัวใจคุณชายเอาไว้ได้ ในทางกลับกันต่อให้คุณทำทุกอย่างแม้แต่ทิ้งศักดิ์ศรีของตนเองก็ทำให้คุณชายรักไม่ได้ นี่เป็นสิ่งที่แตกต่างกัน คุณควรตื่นได้แล้ว”
อวี้หลานซีไม่ได้พูดอะไร น้ำตาค่อยๆ แห้งเหือด หลังจากน้ำตาแห้งเหือด แววตาของเธอนอกจากจะมีความไม่พอใจแล้ว ยังมีความเกลียดชังปนอยู่ด้วย เธอเกลียดเหลิ่งรั่วปิง ถูกต้อง เธอเกลียดเหลิ่งรั่วปิงเข้ากระดูก ความรักที่เธอเฝ้าหวังมานานกว่าสิบปี มลายหายไปแบบนี้ ในเมื่อเธอไม่ได้หัวใจหนานกงเยี่ย ก็ไม่มีวันทนเห็นพวกเขามีความสุขได้
รถขับเข้าไปในคฤหาสน์หนานกง อวี้หลานซีถอนสายตากลับมา แววตาของเธอราวกับน้ำในทะเลสาบพันปี ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง อวี้หลานซียิ้มราวกับดอกป๊อปปี้ในทะลเดดซี “ก่วนอวี้ คุณจะไปส่งฉันข้างบน?”
มองดูอวี้หลานซีในตอนนี้ จู่ๆ ก่วนอวี้ก็รู้สึกว่าผู้หญิงที่เขาเคยรักได้ตายไปแล้ว ใบหน้าที่เหมือนกันตรงหน้าคือคนอื่น แต่ก่วนอวี้ยังคงพูดออกไป “ครับ”
ตัวของอวี้หลานซีไม่สั่นเทาแล้ว ไม่มีความเสียใจ แต่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงใหล จนกระทั่งเดินเข้าไปในห้องนอนของเธอ
อวี้หลานซีล็อคประตูด้วยตนเอง เธอไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เริ่มถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นๆ เธอถอดเสื้อกันหนาว ถอดชุดเดรสขนสัตว์ แล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต ตอนที่เสื้อเชิ้ตร่วงหล่นลงพื้น ไหปลาร้างดงามเผยตรงหน้าก่วนอวี้
ก่วนอวี้หันไปมองทางอื่นด้วยความประหม่า น้ำเสียงของเขาตึงเครียดเล็กน้อย “หลานซี คุณจะทำอะไร”
อวี้หลานซียิ้มพร้อมกับโอบไหล่ก่วนอวี้เอาไว้ ยิ้มโปรยเสน่ห์ “คุณชอบฉันไม่ใช่เหรอคะ ตอนนี้ฉันจะยกตัวเองให้คุณ”
ขณะพูด อวี้หลานซีเขย่งปลายเท้า พรมจูบไปที่คางและแก้มของก่วนอวี้
ไม่ว่าผู้ชายคนไหนเมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ตนรัก ก็คงปฏิเสธความยั่วยวนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอวี้หลานซีรุกหนักมาก ก่วนอวี้กัดฟันพยายามทำตัวนิ่งๆ หักห้ามใจตนเองไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่าม “หลานซี คุณอยากให้ผมทำอะไร”
เขาเป็นคนฉลาด ไม่มีวันคิดว่าอวี้หลานซีจะมีใจให้เขา เธอไม่ใช่อวี้หลานซีคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
อวี้หลานซีหยุดการกระทำทุกอย่าง การเป็นฝ่ายออดอ้อนผู้ชายแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกอับอาย แต่เพราะในใจเธอมีความเกลียดชัง เธอยอมเลือกเดินทางนี้ “ช่วยฉันฆ่าเหลิ่งรั่วปิง ฉันจะให้คุณทุกอย่าง”
ความร้อนที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจก่วนอวี้ ราวกับถูกกะละมังที่มีแต่น้ำเย็นสาดลงไป หัวใจของเขาปวดร้าว เพราะความเกลียดชัง เธอถึงกับยอมเอาตัวเข้าแลก อวี้หลานซีคนเดิมที่รักนวลสงวนตัว อ่อนโยนและมีสง่าได้ตายไปแล้ว
เขาไม่เคยได้หัวใจของเธอ และดูเหมือนจะไม่มีวันได้ครอบครอง เธอมองเขาเป็นแค่หมากตัวหนึ่งมาโดยตลอด แม้แต่ตอนนี้ที่เธอยอมแลกความบริสุทธิ์ของตนเองให้กับเขา ล้วนเพื่อหลอกใช้เขาเท่านั้น
มุมมองความรักของอวี้หลานซีบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว
ก่วนอวี้หัวเราะเยือกเย็น หัวเราะเยาะตนเอง และดูถูกอวี้หลานซี “หลานซี คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไรคุณถึงไม่ได้ความรักที่คุณอยากจะได้” มองดูใบหน้าสวยงามฉงนสงสัย เขายิ้มได้น่าหดหู่มากกว่าเดิม “เพราะคุณไม่ให้เกียรติความรัก” สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถอนหายใจยาว “ผมรักคุณมานานหลายปี คอยปกป้องคุณมาตลอด แต่สุดท้ายกลับถูกคุณเหยียบย่ำความรัก”
มองดูใบหน้าที่ยังคงหล่อเหลาทว่าไร้ซึ่งความอ่อนโยนของก่วนอวี้ มองดูสายตาเย็นชาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน อวี้หลานซีรู้สึกเหมือนบางอย่างกำลังถอยห่างไปจากทาง เธอรู้สึกกลัว รีบดึงมือที่อยู่ตรงไหล่ก่วนอวี้กลับมา
ก่วนอวี้หัวเราะในลำคอ นัยน์ตาของเขาราวกับห้องมืดมนที่แสงสาดส่องไม่ถึงตลอดทั้งปี “ถ้าผมเป็นแค่คนที่อยากได้ร่างกายผู้หญิง ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ผมจะรักษาตนให้บริสุทธิ์เหมือนหยกไปทำไม วันนี้คุณใช้ร่างกายแลกกับความรักของผม ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ” ถอยหลังไปสองก้าว รักษาระยะห่างกับเธอ “ผมอยากให้ตนเองไม่เคยรักคุณมาก่อน”
พูดจบ ก่วนอวี้หมุนตัวหันหลังเดินออกไปจากห้องของอวี้หลานซี ความรักของเขาตายไปแล้ว เขาจะเอาอะไรไประลึกถึง
ผู้ชายอกสามศอก ความแข็งแกร่งที่สั่งสมมาจากความเป็นความตายนับครั้งไม่ถ้วน มองดูท้องฟ้าต้นฤดูใบไม้ผลิ หยดน้ำตารินไหลลงมา
ความรักเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ทำให้ลูกผู้ชายน้ำตานองหน้า
หลังจากก่วนอวี้ออกไป อวี้หลานซีล้มตัวลงนั่งบนพื้น จับเสื้อแน่น เธอรู้สึกว่าวันนี้ตนเองทำตัวต่ำตมมาก ลดตัวทำขนาดนี้เพื่อออดอ้อนผู้ชายคนหนึ่ง ทว่ากลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเศร้าที่สุดบนโลกใบนี้
วันนี้ ผู้ชายสองคนที่ในอดีตเคยรักเธอมากที่สุด คนหนึ่งคิดจะฆ่าเธอ อีกคนบอกว่าหวังว่าตนจะไม่เคยรักเธอมาก่อน เธอทำอะไรผิด ถึงเดินมาถึงขั้นนี้ได้ เธอก็แค่อยากได้ความรักตามที่วาดฝันเอาไว้ ผิดด้วยหรือ บางทีเธออาจจะผิดไปแล้วจริงๆ หนานกงเยี่ยบอกว่าสิ่งที่เธออยากได้มันมากเกินไป บางทีเธออาจจะโลภมากไปจริงๆ ก็ได้ แต่เธอไม่พอใจจริง
*****
ฤดูใบไม้ผลิ ไม่เหมาะกับการบอกลาเลยจริงๆ เพราะเศร้ามากเกินไปแล้ว
ชานเมืองตะวันตกของเมืองหลง วันนี้มีคนสองคนต้องบอกลา เพราะเสียใจ จึงเงียบอยู่นาน
ต้นฤดูใบไม้ผลิของเมืองหลง อากาศยังคงหนาวมาก เหลิ่งรั่วปิงสวมเสื้อกันหนาวขนสัตว์สีดำตัวหนา กระดุมทุกเม็ดล้วนกลัดอย่างดี ทั้งยังผ้าพันคอสีน้ำเงินพันรอบคอ ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ เธอดูสวยมาก มือทั้งสองข้างของเธอล้วงกระเป๋าเสื้อ แม้จะเป็นแบบนี้ แต่เธอยังคงสั่นเทาเล็กน้อย ไม่ได้เป็นเพียงเพราะอากาศหนาว แต่เป็นเพราะความเศร้าอีกด้วย
ไซ่ตี้จวิ้นจับจ้องดวงตาของเหลิ่งรั่วปิง ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความทะนุถนอม ดวงตาของเธอยังคงสวยเหมือนเดิม ทว่ากลับมองไม่เห็นแล้ว เขาสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดของเธอ เธอเป็นนกที่เข้มแข็งและต้องการอิสรภาพ ทว่าวันนี้กลับถูกกักขังเอาไว้ เขาอยากให้ตนเป็นคนที่สูญเสียการมองเห็น
ฉู่เทียนรุ่ยและไซ่หย่าเซวียนยืนอยู่ไกลๆ มองดูทั้งสองที่บอกลากันด้วยความเงียบ สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ บนดาดฟ้าชมวิวที่ห่างออกไป มีผู้ชายคนหนึ่งยืนมองด้วยความโดดเดี่ยว ความเศร้าเสียใจโอบล้อมเขาเอาไว้ เขาคืออวี้ไป่หัน
ด้านหลังไม่ไกลจากเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยยืนพิงประตูรถยนต์ ใบหน้าหล่อเหลาสีหน้าเคร่งขรึม คิ้วขมวดเป็นปม การรอคอยด้วยความกังวลทำให้เขาหมดความอดทน เหลิ่งรั่วปิงจะมาส่งไซ่ตี้จวิ้น เขาไม่อยากให้มาแม้แต่น้อย แต่เพราะรู้ว่าเอาชนะเธอไม่ได้ จึงทำได้เพียงมาส่งเธอด้วยตนเอง มองดูพวกเขาอาลัยอาวรณ์ไม่อยากแยกจากัน ความหึงหวงก่อตัวขึ้นในใจของเขา แม้จะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงอดทนเอาไว้ ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงมองไม่เห็น สภาพจิตใจของเธอหดหู่ เขาไม่อยากให้เธอต้องเศร้า
“คุณไซ่ตี้จวิ้น รักษาตัวด้วยนะคะ” หลังจากเงียบอยู่นาน เหลิ่งรั่วปิงพูดขึ้นเบาๆ นัยน์ตาของเธอคือน้ำทะเลสีครามว่างเปล่า เธอมองไม่เห็นเขา มองไม่เห็นทุกอย่าง ทำได้เพียงพยายามให้ตนเองรองรับความเจ็บปวดทุกอย่างเอาไว้
ไซ่ตี้จวิ้นจ้องมองแววตาของเธออย่างลุ่มลึก หัวใจของเขาบีบรัด คว้าตัวเธอมากอด ไม่มีคำพูดทำร้ายจิตใจ มีเพียงความทะนุถนอมที่ไม่สิ้นสุด เขาอยากร้องไห้ แต่เขารู้ว่าทำไม่ได้ เขาเป็นลูกผู้ชาย ต้องแสดงด้านที่แข็งแกร่งให้เธอเห็น”
“คุณไซ่ตี้จวิ้น ฉันจะคิดถึงคุณนะคะ” เหลิ่งรั่วปิงซบอยู่ในโอบกอดของไซ่ตี้จวิ้นเงียบๆ แม้จะบอกตนเองว่าห้ามร้องไห้นับร้อยครั้ง แต่ตอนนี้น้ำตาของเธอก็รินไหล เขาคือคนที่ชีวิตนี้เธอไม่มีวันลืม
ได้มาเจอกัน แต่ไร้วาสนาครองคู่ เป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุด ไซ่ตี้จวิ้นรับรู้อย่างลึกซึ้ง
มองดูทั้งสองกอดกัน หนานกงเยี่ยหน้าดำหน้าแดงขึ้นมาทันที ข้อกระดูกกำหมัดแน่นจนซีดขาว ความโมโหปะทุอยู่ในใจของเขา หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขารับไม่ได้ที่พวกเขาใกล้ชิดกันแบบนี้ จึงเดินสาวเท้าก้าวใหญ่เข้าไปมา