ตอนที่ 222 เรามีลูกด้วยกันสักคน
หนานกงเยี่ยยังคงนิ่งงัน ไม่แม้แต่จะมองอวี้หลานซี
ผ่านไปนานครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงพูดเสียงเรียบ “คุณหนานกงเยี่ย อนุญาตให้เธอไปเถอะค่ะ”
หนานกงเยี่ยมองหน้าเหลิ่งรั่วปิง แววตาของเขาฉายความแปลกใจ ในความทรงจำของเขา เธอเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ยิ่งไปกว่านั้นอวี้หลานซีกล่าวหาให้ร้ายเธอหลายครั้ง ทั้งยังใช้ปืนทำร้ายเธอถึงสองครั้ง เหลิ่งรั่วปิงไม่มีวันให้อภัยอวี้หลานซี
เหลิ่งรั่วปิงมองหนานกงเยี่ย ดวงตาคู่สวยฉายความจริงใจ “ฉันให้อภัยเธอแล้ว คุณปล่อยเธอไปเถอะค่ะ”
อวี้หลานซีมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความซาบซึ้ง แล้วจ้องมองไปที่หนานกงเยี่ยด้วยความหวัง เพราะคาดหวังมาก ดังนั้นจึงเหมือนสูบแรงของเธอไปทั้งหมด เนื้อตัวปวกเปียกไร้กำลัง ถ้าไม่ใช่เพราะสาวใช้ช่วยพยุงเอาไว้ อวี้หลานซีคงทรงตัวไม่ได้
หนานกงเยี่ยเงียบอยู่นาน พยักหน้าเบาๆ
อวี้หลานซีรู้สึกเหมือนได้รับนิรโทษกรรม เหยียดตัวตรง น้ำตารินไหล “เยี่ย ฉันผิดไปแล้วค่ะ ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน” หันไปมองเหลิ่งรั่วปิง “รั่วปิง ขอบคุณเธอมากนะ ฉันจะขอบคุณเธอไปชั่วชีวิต”
พูดจบ อวี้หลานซีรีบเดินออกไปจากห้องรับแขก เมื่อเทียบกับตอนแรก แผ่นหลังของเธอมีความแน่วแน่
“ทำไมถึงทำแบบนี้” หลังจากที่ทุกคนออกไป หนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงกลับไปที่ห้องนอน อดไม่ได้ที่จะถาม เขาไม่คิดจะให้อภัยอวี้หลานซี แต่เหลิ่งรั่วปิงขอร้องให้เขาทำแบบนี้ เขาเคารพการตัดสินใจของเธอ
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มนิ่งสงบ “ฉันรู้ค่ะ คุณอยากจะบอกว่าฉันไม่ใช่คนที่มีจิตใจเมตตา ทำไมต้องให้อภัยคนที่ทำร้ายตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ความเป็นจริงก่อนที่จะเจออวี้หลานซี ฉันก็ไม่คิดจะให้อภัยเธอ ที่ไม่แก้แค้นเธอเป็นเพราะก่วนอวี้ แต่ตอนนี้ฉันเต็มใจที่จะให้อภัยเธอแล้ว นอกจากเป็นเพราะคุณและก่วนอวี้แล้ว ก็ยังเป็นเพราะฉันอยากเห็นเธอเริ่มต้นชีวิตใหม่”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม “คุณไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครง่ายๆ มาก่อน” เขาใช้เวลานานมาก ทั้งยังทำอะไรมากมาย กว่าจะทำให้เธอเชื่อมั่นในความรักของเขา แต่แค่คำพูดไม่กี่คำของอวี้หลานซี ก็โน้มน้าวจิตใจเธอได้ ทำไมกัน
“เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกันค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงเอียงศีรษะเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง “ฉันอ่านแววตาของเธอออก ความเป็นจริงเธอรักก่วนอวี้มากนะคะ” เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมจะตายไปกับผู้ชายอีกคน แววตาของเธอฉายแสงแห่งความมุ่งมั่น เธอเห็นแววตานี้จากอวี้หลานซี
“สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ เธอพยายามตามตื้อคุณ อยากจะครอบครองแต่กลับไม่ได้ครอบครอง ทำให้เธอเสียใจและไม่สบอารมณ์ ดังนั้นเธอจึงเอาคุณมาเป็นเป้าหมายของชีวิต แต่ความเป็นจริงก่วนอวี้เฝ้าคอยเธอมานานหลายปี ส่วนลึกในใจของเธอมีก่วนอวี้ เพียงแต่เธอไม่รู้ตัวก็เท่านั้น ตอนที่เผชิญหน้ากับความเป็นความตาย เธอจึงตระหนึกรู้อย่างกระจ่าง”
“คุณหนานกงเยี่ย ในเมื่อไม่ว่าจะสูญเสียใครไปคุณก็ล้วนปวดใจ สู้คุณให้อภัยเธอไม่ดีกว่าเหรอค่ะ ให้พวกเขาได้รักกัน และคุณก็จะไม่สูญเสียคนที่รัก”
หนานกงเยี่ยเปิดใจขึ้นมาทันที เดินเข้าไปโอบกอดเหลิ่งรั่วปิงด้วยความทะนุถนอม “ที่รัก ลำบากคุณแล้ว”
เพื่อปลอบโยนหัวใจของเขา เธอเลือกที่จะให้อภัยคนที่ทำร้ายเธอนับครั้งไม่ถ้วน เธอยอมทำให้ตนเองต้องลำบากใจ
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มบางเบา มีสง่า ซบอยู่ในอ้อมกอดหนานกงเยี่ย “พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ในฐานะภรรยา ฉันลำบากเพื่อสามีแค่เล็กน้อย ฉันยินดีค่ะ”
หนานกงเยี่ยไม่ได้พูดอะไรอีก เขากระชับอ้อมกอดแน่น แก้มถูกับผมของเธออย่างทะนุถนอม ภายในใจรู้สึกมีความสุขมาก
เขาไม่เคยคิดมาก่อน เธอจะรักเขามากขนาดนี้ เธอเปลี่ยนไปแล้ว ค่อยๆ ลับคมตัวเองเพื่อเขา ลดความแข็งกระด้างของตนเองลง สิ่งนี้ทำให้เขาดีใจมาก ทำให้เขาแทบคลั่ง หนานกงเยี่ยจับจ้องดวงตาคู่สวย ขอเพียงคำพูดเดียวของเธอ เขายินดีที่จะตายเพื่อเธอโดยไม่ลังเล
“ที่รัก พวกเรามีลูกด้วยกันสักคนดีไหมครับ” มีลูก เป็นสิ่งที่หนานกงเยี่ยคิดตั้งแต่พาเหลิ่งรั่วปิงกลับเมืองหลง เธอบอกว่าอยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นลูกเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทุกวันนี้ Fullhouse(ครอบครัวอบอุ่น) ที่เธอออกแบบไว้เขาได้แอบสร้างแล้ว จดทะเบียนสมรสกับเธอแล้ว ลูกคือสิ่งสุดท้ายที่ต้องเตรียม
เหลิ่งรั่วปิง “…”
แต่งงาน มีลูก เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องทำ เธอรักหนานกงเยี่ย ตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจแต่งงานกับเขา เธอก็อยากจะมีลูกกับเขา แต่ว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
“ทำไมครับ คุณไม่เต็มใจเหรอ” เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงลังเล หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เธอมองไม่เห็น เพื่อที่จะดูแลความรู้สึกของเธอ เขาจึงไม่กล้าขอร้องเรื่องนี้ แม้แต่ตอนที่เข้าไปใกล้เหลิ่งรั่วปิงก็จะระมัดระวังอารมณ์ของเธอเป็นอย่างมาก แต่ว่าตอนนี้ เธอหายดีแล้ว มีเหตุผลอะไรที่ยังไม่พร้อมมีลูก
“ฉันยินดีที่จะแต่งงานกับคุณ แล้วทำไมฉันจะไม่ยอมมีลูกกับคุณคะ” เหลิ่งรั่วปิงมองหนานกงเยี่ยด้วยความรู้สึกผิด “แต่คุณก็รู้ดี ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา มีเรื่องเข้ามามากมาย เรารออีกนิด ดีไหมคะ”
รอให้เธอช่วยอาเธอร์ออกมาก่อน ถ้าเธอยังมีชีวิต เธอก็จะมีลูกกับเขา ให้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับเขา
หนานกงเยี่ยเองก็รู้สึกละอาย พ่อของเขาไม่ยอมรับเธอ อวี้หลานซียังทำร้ายเธอหลายครั้ง “ครับ คุณพร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นครับ”
เขาอยากมีลูกที่เป็นของพวกเขาสักคน แต่ในเมื่อเธอไม่อยากเขาก็ไม่บีบบังคับเธอ ต่อให้ชีวิตนี้ไม่มีลูกเขาเองก็ไม่รู้สึกเสียใจ เพราะไม่ว่าใครก็ไม่สำคัญไปกว่าเหลิ่งรั่วปิง แม้แต่ลูกก็เหมือนกัน
คืนนี้มีทั้งความขมและความหวาน รสชาติขมขื่นคือเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น รสชาติหวานหอมคือเหลิ่งรั่วปิงหายดีแล้ว หนานกงเยี่ยมองดูคนในอ้อมกอด รู้สึกตื้นตันใจมาก เขารอคอยวันนี้แทบตาย วันที่เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา เป็นภรรยาของเขา ช่วงเวลาต่อจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่หวานหอม เขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้องเจ็บตัวอีกแม้แต่น้อย
จุมพิตร้อนแรงลดลงมาพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ ประทับริมฝีปากคู่สวยของเธอ หัวใจแนบชิดกับหัวใจ สัมผัสได้ถึงหัวใจเต้นแรงของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิ ฝนโปรยปราย หยาดฝนอบอุ่นตกลงบนพื้น ต้นหญ้างอกเงยขึ้นมาจากดิน แผ่ใบอ่อนออกมา
คนในห้อง พันผูกกัน มอบความรักที่ดีที่สุดของตนให้อีกฝ่าย
วันที่สอง ท้องฟ้าสดใส มีความชื้นเล็กน้อยในอากาศ อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของต้นหญ้าและดินโคลน แสงแดดเจิดจ้า
แสงอาทิตย์สีทองอร่าม สาดส่องผ่านม่านหน้าต่าง ลงมาบนเตียง เหลิ่งรั่วปิงที่อยู่ใต้แสงแดดงดงามเหมือนเจ้าหญิงนิทรา คิ้วบางได้รูป รอยยิ้มจางๆ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ทำให้คนรู้สึกดี
หนานกงเยี่ยมองดูคนในอ้อมกอดเงียบๆ เหมือนไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่พอ จนกระทั่งขนตางอนยาวของเธอกระพือเล็กน้อย เขาจึงยิ้มแล้วพูดขึ้น “ที่รัก ได้เวลาตื่นแล้วครับ”
เหลิ่งรั่วปิงลืมตาขึ้นช้าๆ กวาดมองรอยจูบที่เขาทิ้งเอาไว้บนตัวเธอ หันไปมองค้อนหนานกงเยี่ย เบ้ปากแล้วพลิกตัวอีกทาง หลับตาลง หันหลังให้เขา
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะจนตาหยี โอบกอดเธออีกครั้ง หอมแก้มเธอเบาๆ “ไปทำงานพร้อมกับผม หืม?”
“ไม่ค่ะ ฉันจะนอนพักที่บ้าน” เธอเพลียมาก เมื่อวานเขาน่าตีจริงๆ ทั้งที่ดึกมากแล้วแต่ก็ไม่ยอมให้เธอนอน
“เชื่อฟังนะครับ ตื่นได้แล้ว ไปบริษัทกับผม ถ้าเหนื่อยก็ไปนอนพักที่ห้องทำงานของผม” ช่วงนี้มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมาย หนานกงเยี่ยต้องพาเธอไปทุกที่ถึงจะวางใจ
เหลิ่งรั่วปิงส่ายหน้าด้วยความขี้เกียจ “ไม่ตื่นค่ะ คุณวางใจเถอะ ฉันอยู่บ้านไม่ไปไหน ไม่มีวันเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก อีกทั้งตอนนี้ฉันก็กลับมามองเห็นแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว”
เมื่อเห็นเธอไม่ยอมตื่น หนานกงเยี่ยจึงทำได้เพียงใจอ่อน “ครับ ถ้าอย่างนั้นคุณนอนหลับนะ เดี๋ยวตอนเที่ยงผมกลับมากินข้าวกับคุณ”
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า แล้วหลับตาลง เพื่อนอนต่อ
หนานกงเยี่ยตื่นนอนลำพัง สวมเสื้อผ้า ล้างหน้าแปรงฟันแล้วไปทำงาน หลังจากที่เขาออกไป เหลิ่งรั่วปิงลืมตาขึ้นช้าๆ เธอปวดหัวเล็กน้อย เอาแต่คิดเรื่องของอาเธอร์
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายเธอตัดสินใจติดต่อซือคงอวี้ เขาเจอตัวเธอแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีก เขาต้องการชีวิต เธอยินดีที่จะทำตามความต้องการของเขา ใช้ชีวิตของตนเองเพื่อแลกกับชีวิตของอาเธอร์
เพียงแต่ตอนที่ตัดสินใจแบบนี้ ภายในใจของเธอปวดร้าว เธอไม่เคยกลัวความตาย กี่ครั้งแล้วที่ชีวิตอยู่บนเส้นดาย เธอยังไม่เคยที่จะใจเต้นแรงมาก่อน แต่ตอนนี้เธอกลับปวดใจ เพราะหนานกงเยี่ย
พวกเขาเพิ่งเปิดใจให้กัน แต่เธอกลับต้องจากลากับเขา
แต่ว่า คนเราทิ้งมิตรภาพและบุญคุณ เพราะความรักไม่ได้ เพื่ออาเธอร์ เธอทำได้เพียงทำผิดต่อหนานกงเยี่ย
เหลิ่งรั่วปิงล็อคหน้าต่างในห้องนอน ปิดม่านเรียบร้อย แล้วเปิดคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว กดวิดีโอคอลไปหาซือคงอวี้
เดิมทีคิดว่าผ่านมานานแล้ว คงติดต่อเขาไม่ได้อีก แต่สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ ซือคงอวี้รับสายอย่างรวดเร็ว หน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฎใบหน้าหล่อเหลาและงดงามของเขา แววตาของเขาดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“รั่วปิง!” น้ำเสียงของซือคงอวี้ก็ฟังดูดีใจมาก “ผมคิดไม่ถึงจริงๆ คุณจะเป็นฝ่ายติดต่อผมด้วยตนเอง!”
เมื่อคืน ตอนที่หมาป่าสีเทารายงานให้เขาฟังเหลิ่งรั่วปิงกลับมามองเห็นแล้ว เขาดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน
เมื่อเทียบกับความดีใจของซือคงอวี้ เหลิ่งรั่วปิงดูนิ่งสงบมาก เธอมองเขาเงียบๆ หลายวินาที เขาซูบผอมไปมาก หางตาของเขาดูชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น เขายังคงหล่อและงดงามเหมือนเดิม แต่รอบตัวของเขาดูเหมือนจะปกคลุมด้วยความโดดเดี่ยว
หลังจากผ่านไปนาน เหลิ่งรั่วปิงพูดขึ้น “เจ้าวิหาร ขอโทษด้วยค่ะ…”
ซือคงอวี้จับต้องใบหน้าของเหลิ่งรั่วปิง มือที่วางไว้บนโต๊ะกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เสียงของเขาดูร้อนใจมาก “ผมไม่อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากคุณ”
เหลิ่งรั่วปิงไม่รู้สึกถึงเจตนาฆ่าจากแววตาของเขาแม้แต่น้อย จึงลังเลนิดหน่อย “ฉันขัดคำสั่งเจ้าวิหาร สมควรตาย ถึงแม้เจ้าวิหารจะฆ่าฉัน ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดค่ะ”
ซือคงอวี้นั่งตัวตรง แววตาเป็นประกายแวววับ “ผมไม่ต้องการให้คุณตาย ผมอยากให้คุณกลับซีหลิง หมาป่าสีเทาอยู่เมืองหลง ผมสั่งให้เขาไปรับคุณกลับมา” ชะงักไปพักหนึ่ง “รั่วปิง ขอเพียงคุณกลับมา ผมจะให้อภัยทุกความผิดที่คุณทำเอาไว้”
มองดูแววตาลุ่มลึกของซือคงอวี้ เหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิด เข้าใจทุกอย่างทันที ซือคงอวี้ไม่ได้คิดจะฆ่าเธอ หลินมั่นหรูโกหก คนที่อยากจะเอาชีวิตเธอคือหลินมั่นหรู
เมื่อคิดข้อนี้ได้ ความรู้สึกอบอุ่นหล่อเลี้ยงหัวใจเหลิ่งรั่วปิง “เจ้าวิหาร ฉันแต่งงานแล้วค่ะ แต่งงานกับหนานกงเยี่ย”