ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แท้จริงแล้วเขากลับรู้สึกประหลาดใจอย่างมากตอนที่ได้ยินคำตอบของนาง ความประหลาดใจนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านดวงตาลึกล้ำที่เบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหันคู่นั้น
นอกจากนี้ สายตาของเขาก็ยังเคลื่อนจากใบหน้าของนางไปที่ท้องของนางแทน ภาพสีหน้าอันเฉยเมยกับสายตาที่พยายามจ้องให้ทะลุไปถึงท้องของนางทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกพอใจอย่างมาก
“ท่านไม่คิดว่ามันน่าอัศจรรย์หรือ” รอยยิ้มบนริมฝีปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยเหยียดกว้างยิ่งขึ้น
แต่แล้วนางก็ต้องประหลาดใจ เพราะจู่ๆ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็โน้มตัวลงแล้วอุ้มนางขึ้นอย่างกะทันหัน
ในพริบตาเดียว ทุกคนก็ละสายตาจากคราบเลือดที่อยู่ในท้องพระโรง แล้วมองไปที่ทั้งสองคน
แม้แต่อดีตฮ่องเต้ก็ยังคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เจ้าเด็กน้ำแข็งจะกล้าทำเช่นนี้ เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นว่า “อาเจวี๋ย เจ้าจะทำอะไร อยู่ในท้องพระโรงต้องรู้จักสำรวมกิริยา รีบวางเวยเวยลงได้แล้ว”
“นางตั้งครรภ์แล้ว” คำพูดสั้นๆ สี่คำนั้นไม่ต่างอะไรกับการทิ้งระเบิด มันทำให้ทั้งท้องพระโรงเต็มไปด้วยเสียงแห่งความประหลาดใจ
อดีตฮ่องเต้ตาโต แล้วผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ ความรอบรู้ในน้ำเสียงของเขาหายไปทันทีในระหว่างที่เขาตะโกนขึ้นว่า “เจ้าว่าอะไรนะ เดี๋ยวก่อนสิ! เจ้าเด็กน้ำแข็ง เจ้ากลับมาพูดให้ชัดเจนก่อน!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับไม่สนใจเสียงที่ดังอยู่ข้างหลังพวกนั้น และอุ้มเฮ่อเหลียนเวยเวยเดินออกไป เพียงชั่วอึดใจเดียว เขาก็หายไปแล้วมาปรากฏตัวขึ้นห่างจากตำแหน่งเดิมไปหลายฉื่อ
เสนาบดีทุกคนตกใจจนอ้าปากค้างและตัวแข็งอยู่กับที่
อดีตฮ่องเต้ดึงขันทีซุนเข้ามาแล้วรีบถามว่า “เจ้าได้ยินที่เจ้าเด็กน้ำแข็งนั่นพูดเมื่อครู่นี้หรือเปล่า เขาเพิ่งบอกว่าเวยเวยตั้งครรภ์หรือ”
ในตอนแรกนั้น ขันทีซุนเองก็ค่อนข้างตกใจไม่แพ้กัน แต่เขาก็ตั้งสติกลับมาได้ทันทีที่ถูกอีกฝ่ายกระชากไป เขาทำได้เพียงพยักหน้าพร้อมกับบอกว่า “ฝ่าบาท ท่านได้ยินถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระชายาสามท้องอยู่จริงๆ”
“ฮ่าๆๆ! มหัศจรรย์! ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก!” อดีตฮ่องเต้เอ่ยซ้ำไปซ้ำมา ความปีติยินดีฉายชัดอยู่บนใบหน้าอย่างปิดไม่มิด จากนั้นเขาจึงกล่าวว่า “เจ้าเด็กสองคนนี้กล้าปิดบังเรื่องสำคัญเช่นนี้เอาไว้จากข้า พวกเขานี่จริงๆ เลย… ไหนเจ้าบอกข้ามาหน่อยสิ ไหนๆ เขาก็กำลังจะเป็นพ่อคนอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่เข้าใจหัวอกของคนอื่นอีก”
ขันทีซุนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เขาคุกเข่าลงกับพื้นทันทีที่ได้ยินคำพูดของอดีตฮ่องเต้ เขายิ้มขึ้นพร้อมกับพูดว่า “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ อดีตฮ่องเต้ ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ! จักรวรรดิจ้านหลงของเรากำลังจะมีองค์ชายน้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากได้ยินที่ขันทีซุนพูด เสนาบดีทุกคนถึงเพิ่งตระหนักได้ จากนั้นพวกเขาจึงรีบโน้มตัวลงแล้วคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว เสียงแสดงความยินดีดังกึกก้องไปทั่วท้องพระโรง
พระชายาท้อง นี่เป็นโอกาสอันน่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับจักรวรรดิจ้านหลง
เสนาบดีทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใส พวกเขามองหน้ากันพร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับอดีตฮ่องเต้อย่างต่อเนื่อง
เลือดสดๆ ยังคงไหลออกมาจากบาดแผลของหลี่จื้อสยง เมื่อเขาได้ยินเสียงแห่งความตื่นเต้นที่อยู่รอบตัว เลือดทั้งหมดของเขาก็ถูกดูดหายไปจากใบหน้าที่ซีดจนแทบไร้สีเลือดนั้น
สรุปว่า พระชายาสามท้องแล้ว
สรุปว่า… ทั้งหมดที่พวกเขาทำลงไปนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่การตบหน้าตัวเอง
เป็นเพราะเจตนาร้ายของพวกเขา ไม่ใช่แค่เฮ่อเหลียนเวยเวยจะไม่ได้สูญเสียตำแหน่งของตัวเองไป แต่ยังมีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่ต่อจากนี้ไปอดีตฮ่องเต้จะยอมรับนางเป็นหลานสะใภ้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ต่อให้เขาพร่ำพูดเพียงใด อดีตฮ่องเต้ก็คงไม่มีทางยกโทษให้เขาอีก
เป็นอย่างที่คิด อดีตฮ่องเต้เหลือบมองเขาด้วยความรังเกียจ แล้วถามว่า “ไม่มีข่าวว่าจะท้องหรือ ข้าไม่อยากได้ยินคำพูดเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว!” จากนั้นเขาจึงหันไปสั่งกับขันทีซุนว่า “นำคำพูดของข้าออกไปบอกกับพวกเขาซะ ว่าหลังจากนี้สมาชิกของตระกูลหลี่และตระกูลอู๋จะได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกันกับสามัญชนทั่วไป และจะไม่ได้เสวยสุขจากการเป็นตระกูลอายุนับร้อยปีอีกต่อไป ส่วนคนที่ชื่อหลี่จื้อสยง จับเขาขังไว้แล้วค่อยตัดหัวหลังจากสิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วง จำไว้ให้ดีว่าอย่าให้กลิ่นคาวเลือดของเขารบกวนเหลนของข้าได้”
“พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีซุนขานตอบเป็นชุด เขามักปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละเอียดรอบคอบอยู่เสมอ
หลี่จื้อสยงคิดว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดย่อมเป็นการทำให้องค์ชายสามขุ่นเคือง ต่อให้ครั้งนี้พวกเขาจะถูกองค์ชายสามลงโทษเข้าจริง
แต่พวกเขาก็ต้องทำให้องค์ชายมีพระสนมให้ได้
แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่านอกจากองค์ชายสามจะรับมือกับพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมแล้ว พระชายาสามก็ยังตั้งครรภ์อยู่จริงๆ
สถานการณ์ทั้งหมดเปลี่ยนไปเร็วเกินไป เมื่อหลี่จื้อสยงได้ฟังคำพูดของอดีตฮ่องเต้ เขาก็รู้สึกเสียใจในการกระทำของตัวเองอย่างมากจนคันไม้คันมืออยากตบหน้าตัวเองสักสองครั้ง
เขาตายแน่ คราวนี้คงจบสิ้นแล้ว
ไม่ใช่แค่เขา แต่ตระกูลหลี่ทั้งตระกูลก็คงได้พบจุดจบเช่นกัน…
…
ที่นอกท้องพระโรง เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงอยู่ในอ้อมกอดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แน่นอนว่านางย่อมไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจ ดังนั้นนางจึงถามต่อว่า “จริงสิ ท่านชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงมากกว่ากันหรือ”
ความคิดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงหยุดนิ่งอยู่กับคำตอบก่อนหน้านี้ของนาง
มนุษย์อ่อนแออย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มนุษย์ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงจำเป็นต้องระมัดระวังและเอาใจใส่นางในหลายๆ เรื่อง
เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งป้อนเกาลัดให้นางกินไป เขาสงสัยว่ามันจะมีผลเสียอะไรหรือไม่
แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขาไม่เข้าใจเด็กเลยแม้แต่นิดเดียว
พวกเขาจะรู้จักแต่เรื่องกินเหมือนกับเจ้าเจ็ดหรือเปล่า
แต่อย่างไรเขาก็เป็นปีศาจ
ปีศาจปราศจากอารมณ์
แม้ภายนอกเขาจะดูเหมือนมนุษย์ มีทั้งความสง่างามและกิริยามารยาทเช่นเดียวกันกับมนุษย์ แต่เขาก็ชั่วร้ายและเย็นชาไปถึงกระดูกดำ
บนโลกใบนี้มีแค่ผู้หญิงคนที่อยู่ในอ้อมแขนเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งผลต่ออารมณ์ของเขาได้
ส่วนลูกที่อยู่ในท้องของนาง… ก็ควรทำตัวดีๆ
เฮ่อเหลียนเวยเวยสังเกตเห็นว่าเขาไม่ตอบคำถามนาง ดังนั้นนางจึงจับมือของเขามาวางลงบนหน้าท้องตัวเองพร้อมกับบอกว่า “ลูกดิ้นอยู่ในท้องข้า ลองจับดูสิ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจึงปล่อยให้นางนั่งลงบนขายาวของเขา ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงในศาลาโบราณ เขาเอี้ยวตัวไปด้านข้างแล้วพยายามแนบหูของตัวเองเข้ากับท้องของเฮ่อเหลียนเวยเวย แต่แม้จะฟังอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวอันใดเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน แล้วถามว่า “เจ้าไม่คิดที่จะขยับหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมตอนนี้ลูกถึงเงียบนัก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายังมีชีวิตชีวาอยู่เลย นางเอ่ยขึ้นว่า “ลูกอาจจะหลับแล้ว”
หลับแล้วหรือ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเงียบ แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขากลับแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย
ปีศาจไม่จำเป็นต้องพักผ่อน แม้กระทั่งแนวคิดเรื่องการนอนหลับก็ไม่เคยมีอยู่จริงสำหรับพวกเขา
ในความคิดของเขา เจ้าสิ่งนี้ก็แค่กินมากเกินไปเท่านั้น
ปีศาจตัวน้อยต้องการปราณแห่งความมืดเป็นปริมาณมากเพื่อหล่อเลี้ยงตัวเองทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ปีศาจน้อยตัวนี้เพิ่งเริ่มก่อตัว
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวังหลวงถึงได้สะอาดหมดจดถึงเพียงนี้
กิเลนอัคคีคงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องนี้อีกต่อไปแล้วกระมัง เพราะอย่างไรต้นตอของปัญหาที่ว่านั้นก็อยู่ตรงนี้แล้ว
“มีอะไรหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้ว่าทำไม แต่นางรู้สึกว่าสีหน้าขององค์ชายดูแปลกไป
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขยับมือเล็กน้อย แล้วเอ่ยอย่างมีความสุขว่า “ไม่มีอะไร ข้าแค่คิดว่าเราคงต้องสอนมารยาทการกินที่ถูกต้องให้กับเขาก็เท่านั้น”
หลังจากที่มันมาอยู่ในท้อง มันก็ทำให้วิญญาณคนตายทุกดวงในวังหลวงกลัวจนหนีกระเจิงไปหมด ช่างโง่เสียจริง
ระหว่างที่คิดเช่นนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็วางมือขนาดใหญ่ของตัวเองลงบนหน้าท้องของเฮ่อเหลียนเวยเวยอีกครั้ง…
แต่กลับมีอะไรบางอย่างถีบฝ่ามือของเขาอย่างรุนแรงราวกับต้องการหักล้างคำพูดของเขา
“ลูกยังไม่ทันเกิดเลย ท่านจะสอนมารยาทการกินให้เขาได้อย่าไร เดี๋ยวสิ เขาขยับตัวแล้วนี่นา เขาขยับตัวแล้ว!” เฮ่อเหลียนเวยเวยทั้งดีใจและประหลาดใจ รอยยิ้มของนางอ่อนโยนอย่างมากขณะที่นางเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านรู้สึกหรือเปล่า”