บทที่ 1 ระบบที่ทะเล่อทะล่าแทรกเข้ามา
“คุณหนูใหญ่ขอรับ คุมตัวนางมาแล้วขอรับ”
“ดีมาก ทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้เลย”
ภายใต้แสงเทียนมืดสลัว หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้าก้มลงมองคนบนพื้น แววตาอำมหิตเปล่งประกายท่ามกลางความมืดมิด นางแสยะยิ้มมุมปาก พึมพำแผ่วเบา “ฉินปู้เข่อ อีกเดี๋ยวองค์รัชทายาทจักต้องได้เห็นภาพที่เจ้าเสพสังวาลกับผู้อื่นด้วยตาของตัวเอง ถึงครานั้นเขาคงไม่ยอมหมั้นหมายกับหญิงสำส่อนเช่นเจ้าเป็นแน่!”
พูดจบเด็กสาวก็หันหลังเดินจากไป เหลือเพียงชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์ ท่าทางลามกสองคน
ผู้คนรอบห้องเก็บฟืนถูกไล่ให้ออกไปจากบริเวณนี้ ชายสองคนนั้นสายตาหื่นกระหายสำรวจร่างกายของฉินปู้เข่อที่สลบอยู่บนพื้น ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
สมกับเป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย ‘ฉินปู้เข่อ’ อาภรณ์สีครามปกคลุมเรือนร่างสวยงามของหญิงสาวเอาไว้ แสงเทียนวูบไหวส่องกระทบผิวขาวเนียนดั่งหยกใสของนางขับให้ผิวเนียนเปล่งประกาย เผยให้เห็นความงดงามเหลือล้นของใบหน้าอันงดงาม
ช่างเป็นภาพที่งดงาม เว้นเสียแต่รอยเลือดจำนวนหนึ่งบริเวณหลังศีรษะของฉินปู้เข่อช่างเป็นภาพไม่น่าอภิรมย์เสียเหลือเกิน
“พี่ใหญ่ เมื่อก่อนเป็นท่านที่ลงมือก่อนตลอด เช่นนั้นแล้วครั้งนี้ต้องเป็น…”
“ไม่ได้ คนเหล่านั้นเป็นคนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ วันนี้เป็นถึงแม่นางคนงามเชียวนะ ตามกฎแล้วต้องเป็นข้าเริ่มก่อน”
เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นข้างหู ทำให้ฉินปู้เข่อขมวดคิ้วแน่นและร้องโอดโอยขึ้นมา
นางพยายามลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ จากนั้นก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ และพบว่าสถานที่นี้เต็มไปด้วยฟืนไม้ นางกำลังนอนอยู่บนพื้นห้องเก็บฟืน มีชายท่าทางน่ารังเกียจสองคนยืนถกเถียงอยู่ตรงหน้าและเสื้อผ้าหลุดลุ่ย
ฉินปู้เข่อพยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้น หญิงสาวยื่นมือไปค้ำกำแพงด้านข้างและพยายามยืนขึ้นอย่างยากลำบาก
นางรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ นางยื่นมือไปแตะหลังหัว และสัมผัสได้ถึงความเหนียวเหนอะ นางหกล้มเหรอ
เมื่อกะพริบ ความทรงจำที่ไม่ใช่ของตนพลันแล่นเข้ามา
นางคือบุตรสาวของที่เกิดจากอนุภรรยาของ ‘ฉินเฉิงหย่ง’ มหาเสนาบดีแห่งต้าเซี่ย และมารดาของนาง ‘อนุหลัว’ เดิมทีเป็นนางคณิกาต่ำต้อยร้องเพลงอยู่ในหอนางโลม เมื่อมหาเสนาบดีฉินมาเห็นเข้าก็เกิดความชอบและรับนางเข้ามาในจวนฉิน เป็นอนุลำดับที่สามของมหาเสนาบดีฉิน
แต่เนื่องจากพื้นเพไม่ดี หลังจากให้กำเนิดฉินปู้เข่อร่างกายของนางจึงอ่อนแอทำให้ไม่สามรถมีลูกได้อีก นานวันเข้าจึงถูกฉินเฉิงหย่งลืมเลือนไว้ในมุมมืดของจวนมหาเสนาบดี โดนฮูหยินใหญ่แห่งจวนฉินหญิงสกุลจ้าวรังแกสารพัด
แม้ว่าสภาพแวดล้อมการเป็นอยู่จะเลวร้าย แต่อนุหลัวก็ไม่ปล่อยปละละเลยในการสั่งสอนเลี้ยงดูลูกสาว
ฉินปู้เข่อได้รับความงามของผู้เป็นมารดา และได้รับความปราดเปรื่องของผู้เป็นบิดา นางเก่งกาจทั้งศาสตร์และศิลป์มาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย ไม่ว่าจะบทเพลง บทกลอน หรือบทกวีใด ๆ นางก็สามารถเอื้อนเอ่ยและขับร้องได้
นานวันเข้าฉินปู้เข่อจึงได้ชื่อว่าเป็นสาวงามที่ฉลาดปราดเปรื่องเป็นอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย ทำให้เป็นที่หมายปองของบรรดาลูกขุนนางในต้าเซี่ย พวกเขาต่างอยากรู้จักนาง
หลังจากนั้นด้วยการพยายามจับคู่ของมหาเสนาบดีฉิน ฮ่องเต้ต้าเซี่ยมีรับสั่งแต่งตั้งให้ฉินปู้เข่อที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะขึ้นเป็นชายาองค์รัชทายาท
ทว่า…
ฉินปู้เข่อขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนนางจะลืมเรื่องสำคัญบางอย่างไป
วันนี้มีงานเลี้ยงฉลองการหมั้นหมายระหว่างนางและองค์รัชทายาทแห่งต้าเซี่ย ‘หมี่เซวียน’ หญิงสาวจำได้ว่านางกำลังออกมาเดินรับลมระหว่างงานเลี้ยง แต่หากเดินออกมาได้ไม่ทันไรก็โดนใครบางคนตีจากด้านหลังจนหมดสติ
นางทะลุมิติมารึนี่
ฉินปู้เข่อกลอกตามองบน นี่มันเรื่องทะลุมิติน้ำเน่าอะไรกัน คืนวันหมั้นก็โดนจับมาขังไว้ในห้องเก็บฟืน ทั้งยังมีชายน่ารังเกียจสองคน…
ดูเหมือนว่าจะมีคนวางแผนจะใส่ร้ายนาง
เรื่องราวหลังจากนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร?
นางจะเสียพรหมจรรย์ และข่าวเรื่องของนางก็จะถูกแพร่กระจายไปจนคนรู้กันไปทั่วงั้นรึ?
หรืออีกเดี๋ยวคนที่วางแผนลอบใส่ร้ายนางจะมาเปิดโปงเรื่องที่เกิดขึ้น
ฉินปู้เข่อคลี่ยิ้มเย็นยะเยือก นางเคยอ่านนิยายทะลุมิติมาไม่น้อย เนื้อเรื่องเดิม ๆ มีอยู่ไม่กี่รูปแบบ
น่าเบื่อชะมัด
หากแต่นางไม่ใช่คนขี้ขลาดที่จะปล่อยให้ใครมารังแกอย่างเจ้าของร่างเดิม
ฉินปู้เข่อในชาตินี้เป็นสาวปราดเปรื่อง บอบบางและมีรูปโฉมงาม แต่ชาติก่อนนางเป็นแชมป์สานต่าระดับประเทศในยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเชียวนะ
เรื่องเรียนนางไม่ถนัด แต่เรื่องชกต่อยนางไม่เคยหวั่น
“คนงาม เจ้าฟื้นแล้วหรือ ขอข้าหอมให้ชื่นใจหน่อยสิ” ชายร่างท้วมเป็นคนแรกที่เห็นนางฟื้นขึ้น เขาไม่ได้รู้สึกตื่นตกใจ แต่กลับวิ่งเข้าหานางด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นดีใจเสียยิ่งกว่าเดิม
“หอมน้องแกสิ”
ฉินปู้เข่อยกขาถีบเข้าจุดสำคัญของชายร่างท้วม
ชายอ้วนส่งเสียงร้องโหยหวนในพลันใด สองมือส่วนกลางลำตัวด้วยสีหน้าเจ็บปวด และกลิ้งไปกับพื้น
ฉินปู้เข่อออกแรงถีบแบบไม่ยั้ง รับประกันได้เลยว่าชีวิตเขาหลังจากต้องไร้ทายาทแน่นอน
ชายหนุ่มกุมเป้าตัวเองเจ็บปวดจนทนไม่ไหวและเป็นลมล้มลงทันที
ชายร่างกายผอมแห้งอีกคนคาดไม่ถึงว่าสตรีที่ดูบอบบางจะกล้าตอบโต้เช่นนี้ มือที่กำลังปลดเปลื้องอาภรณ์ตนเองอยู่หยุดชะงัก และเก็บท่อนไม้ขึ้นมาหนึ่งท่อนเตรียมตีฉินปู้เข่อให้หมดสติไปอีกครั้ง
ฉินปู้เข่อเงยหน้าขึ้นฟ้าอดอุทานออกมาไม่ได้ “เวรจริง ฉันแค่เกิดหิวขึ้นมากลางดึกแล้วออกมาหาอะไรกินที่ร้านหม้อไฟเท่านั้น ทำไมถึงทะลุมิติมาได้นะ”
‘ติ๊ง’
“ยินดีด้วยคุณได้เปิดใช้ระบบโบนัสทะลุมิติเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณได้รับกล่องของขวัญสำหรับผู้เล่นใหม่—ลูกกวาดสายรุ้งคันไร้เทียมทาน เชิญใช้ได้ตามใจชอบเลยค่ะ”
เสียงจักรกลเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวของฉินปู้เข่อ จากนั้นลูกกวาดเม็ดหนึ่งก็ปรากฏในมือของฉินปู้เข่อ
หืม?
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ในช่วงเวลาที่เกิดเรื่องคับขัน ควรจะให้อาวุธที่เหมาะสมกับนาง หรือไม่ก็พลังที่สามารถฆ่าคนได้ในพริบตาไม่ได้เหรอ
ลูกอมสายรุ้งคันสะท้านฟ้า? หมายความว่ากินแล้วจะคันทั้งตัวเหรอ
ฉินปู้เข่อมองชายที่ถือท่อนไม้ที่อยู่ตรงหน้าพลางใช้ความคิดอย่างหนัก ตอนนี้นางยังรู้สึกปวดหัวอยู่ไม่น้อย หากใช้ไม้แข็งเกรงว่าคนที่จะเสียเปรียบจะเป็นตัวเอง
ในเมื่อเป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย จะต้องใช้อาวุธกล้าที่ดีเช่นนี้ให้คุ้มค่า
ฉินปู้เข่อยกขากลับมาแนบลำตัว ไม่อยู่ในท่าทีโจมตีอีกต่อไป นางเผยรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าและพูดเสียงออดอ้อน “ท่านอย่าเพิ่งใช้อารมณ์ไปเลย วางท่อนไม้ลงก่อนเถิด ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอ หากท่านใช้ท่อนไม้ตีข้าข้าอาจจะตายได้นะ”
“ข้ายอมแล้ว ข้าไม่อยากเจ็บตัว” มือเรียวเล็กยกขึ้นเกลี่ยเส้นสลวยที่ปรกอยู่ข้างใบหน้า ก่อนจะดึงเสื้อลงเล็กน้อยเผยให้เห็นไหล่บาง และกระดูกไหปลาร้าที่แสนเย้ายวน
“แหม รู้จักเอาตัวรอดดีนี่” เมื่อตัณหาเข้าครอบงำ ชายผู้นั้นก็โยนท่อนไม้ทิ้ง และรีบปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเอง
ฉินปู้เข่อหลับตาลงซ่อนสายตาที่เต็มไปความรังเกียจ พลางเอ่ยเสียงหวาน “ท่านอยากจะมีความสุขมากกว่านี้หรือไม่ ข้ามีของดีจะมอบให้ท่าน”
“ของดี?!”
ฉินปู้เข่อยื่นลูกอมสายรุ้งออกไป “นี่คือยาปลุกอารมณ์สูตรลับ ข้าได้ยินว่าหากชายใดได้กินจะช่วยให้มีพลังยิ่งกว่าเดิม รู้สึกดีราวกับได้ขึ้นสวรรค์ สัมผัสความสุขแบบไม่เคยพบเจอ ในเมื่อจะเล่นกันเราก็เล่นให้สนุกไปเลย ท่านว่าถูกต้องหรือไม่”
สายตาเย้ายวนและน้ำเสียงเร้าอารมณ์บวกกับไหล่บางที่เผยออกมาให้เห็นของหญิงสาว ทำให้ชายคนนั้นสูญเสียสติสุดท้ายที่เหลืออยู่ เขารับลูกอมมาใส่ปากและกลืนลงไปทันที
“คนงาม วันนี้ข้า…” ไม่ทันสิ้นเสียง เขาก็รู้สึกคันที่แขนขึ้นมา เมื่อก้มหน้ามองก็พบว่าตามแขนมีผื่นบวมแดงขึ้นเต็มไปหมด
“คัน คันมาก…” คันแต่เกาแขนไม่ได้
หลังจากนั้น หน้าอก แผ่นหลัง ใบหน้า ท้อง ต่างปกคลุมไปด้วยผื่นแดง
ชายคนนั้นคันจนต้องถูหลังไปมากับกำแพงอย่างแรง สองมือแกะเกาไปทั่วร่าง สุดท้ายแล้วเขาคันจนกลิ้งไปกับพื้น
“ติ๊ง ได้รับโบนัสความนิยม 399 แต้มสั่งซื้อชานมคลายโทสะอัตโนมัติหนึ่งแก้ว” เสียงจักรกลดังขึ้นในหัวอีกครั้ง
ที่แท้หากจัดการอีกฝ่ายด้วยอาหารที่ได้มาจากระบบ ก็จะได้รางวัลอื่น ๆ ในระบบด้วย
ฉินปู้เข่อหยิบท่อนไม้ที่เขาถืออยู่ในมือเมื่อกี้ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก นางเดินไปหยุดอยู่ข้างกายชายคนนั้นด้วยสีหน้าดุร้าย ก่อนจะหวดไม้ลงที่หัวของเขา “คิดจะลวมลามข้างั้นรึ ไม่สำเหนียกตัวเองเลยว่าเป็นเพียงแค่อึ่งอ่าง”
ฉินปู้เข่อใช้ท่อนไม้ไม่ค่อยถนัดมือ จึงเตะชายหนุ่มที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นอีกหลายที
ชาติก่อนนางเคยเรียนสานต่า นางรับประกันได้ว่าทุกครั้งที่เตะออกไปนั้นเข้าตำแหน่งสำคัญทั้งหมด
“ฟู่ว—เรียบร้อย” ฉินปู้เข่อมองชายที่นอนสลบเหมือดอยู่บนพื้นแล้วปรบมือเบา ๆ
นางกำลังจะก้าวออกจากประตู พลันมีเสียงน่ารำคาญเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“องค์รัชทายาทเพคะ เมื่อครู่น้องปู้เข่อบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย หม่อมฉันอยากไปเยี่ยมนาง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะถูกลักพาตัวมาที่ห้องเก็บฟืนระหว่างทางเพคะ เหลียนเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่กล้ามาตัวคนเดียวจึงเรียกท่านพี่มาดูด้วยกันเพคะ”
คนที่กำลังพูดอยู่คือหญิงสาวก่อนหน้านี้ บัดนี้นางได้ถอดผ้าคลุมและชุดกระโปรงยาวพร้อมด้วยเสื้อคลุมสีชมพู ใบหน้างดงามถูกแต่งแต้มไว้อย่างประณีต
คงเป็นเพราะความกลัว หญิงสาวจึงเกาะแขนชายหนุ่มข้างกายไว้แน่น จนแทบจะแนบร่างของนางไปกับร่างของชายหนุ่มแล้ว
หมี่เซวียนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิ และความนุ่มนวลจากร่างกายของหญิงสาวอิงแอบแนบชิดกายตนเอง ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยนและปลอบประโลม “มีข้าอยู่ เหลียนเอ๋อร์ไม่ต้องกลัวไป”
หึ ฉินปู้เข่อเข้าใจเนื้อเรื่องทันที จะมาจับชู้กันใช่หรือไม่