“ไม่ต้อง ไม่ต้องเพคะ” ฉินปู้เข่อหยิบชามยาขึ้นมาด้วยสีหน้าขมขื่น
ไม่ นางคิดว่าตนไม่อาจทำได้ ตราบใดที่ชามยายังอยู่ใกล้ นางก็รู้สึกไม่สบายเนื่องจากกลิ่นของยา
ในทางตรงกันข้าม การเคลือบน้ำตาลลงบนยาเม็ดสมัยใหม่นั้นอร่อยจริง ๆ และยาเม็ดจีนสมัยใหม่จำนวนมากก็มีรสชาติหวานเช่นกัน
เหตุใดที่นี่ถึงไม่รู้จักทำเช่นนั้นบ้าง จะได้ไม่มียาจีนกลิ่นเหม็นเช่นนี้?!
“ท่านอ๋อง ยาเย็นแล้วเพคะ” ฉินปู้เข่อหัวเราะแห้งขัดขวางหมี่โม่หรู่ที่รบเร้าจะเทยาใส่ปากนาง “หรือว่าจะให้หม่อมฉันดื่มมันในภายหลังดีเพคะ?”
หมี่โม่หรู่มองดูใบหน้าเล็ก ๆ ที่มีรอยย่นของนางแล้วนึกสนุกขึ้นมา
เขานั่งลงบนรถเข็นพลางกลั้นยิ้มที่แผ่ขยายในใจของเขาแล้วทำหน้าเย็นชา “พระชายาไม่พอใจยาต้มที่ข้าประทานให้หรือ?”
“ไม่พอใจ—” ฉินปู้เข่อมองหน้าเขาแล้วก็คิดคำพูดอย่างรวดเร็วว่า “เป็นไปไม่ได้เลยเพคะ!”
บัดนี้นางปวดหัวและปวดท้อง หิวโหยและอ่อนแรง นางจึงไม่อาจทัดทานคำสั่งนั้นได้
“งั้นก็ดื่มเลย!”
“อากาศช่างหนาวเย็นจริง ๆ” ฉินปู้เข่อไม่เคยตั้งหน้าตั้งตารอซวงหวนเช่นนี้เลย บัดนี้นางมองข้ามหมี่โม่หรู่ไปยังประตูอย่างเงียบ ๆ โดยหวังว่าจะมีคนมาช่วยนางได้
เป็นเวลาครู่หนึ่งแล้วเขาก็ยังไม่ออกไป มันจึงยังไม่สายที่นางจะล้มลงก่อนที่เขาจะจากไป
“ท่านอ๋อง เชิญเพคะ” ซวงหวนเดินเข้ามาพร้อมกับถาดและวางโจ๊กแปดเซียนพร้อมเครื่องเคียงตามลำดับ
“ซวงหวน ไปอุ่นยาเถิด” หมี่โม่หรู่ยกมือขึ้นและเดินไปที่โต๊ะแล้วนั่งลง “เจ้าไม่หิวหรือ เหตุใดจึงไม่รีบมากินอาหารเล่า!”
ราวกับว่านางได้รับการอภัยโทษ ฉินปู้เข่อคิดจะโยนชามยาในมือให้ซวงหวน โดยคิดว่าหากนางไม่อาจทำลายมันได้ในตอนนั้น นางก็จะต้องฉวยโอกาสในครั้งนี้
“พระชายาจงระวัง หากทำยาหกข้าจะเอามาให้อีกเป็นหม้อเลย”
ชายผู้นี้มีตาอยู่ข้างหลังหรืออย่างไร?! ฉินปู้เข่อหยุดชะงักแล้ววางชามยาลงบนถาดอย่างเบามือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าต้องระวังให้มาก หวนหวน เจ้าต้องระวังอย่าให้มันหก”
ครึ่งชามนี้ยังจะดีกว่าเมื่อเทียบกับเต็มชาม
“มานี่” หมี่โม่หรู่สั่ง น้ำเสียงของเขาอ่อนลงเมื่อมองเห็นแววตาเศร้าสร้อยของหญิงสาวจากหางตา
เขาตักโจ๊กแปดเซียนใส่ในชามเล็ก ๆ แล้วยื่นให้นางและพูดด้วยเสียงอันอบอุ่น “อุณหภูมิกำลังพอดี”
เมื่อเห็นนางมึนงงอยู่ตรงนั้น หมี่โม่หรู่ก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ “จะซ่อนยาต้มเพื่อจะไม่ดื่มและยังจะให้ข้าป้อนโจ๊กนี้ให้อีกหรือ?”
ฉินปู้เข่อหยิบชามและตักโจ๊กแปดเซียนขึ้นมา เหตุใดวันนี้หมี่โม่หรู่ถึงได้ไม่ปกตินัก
เป็นไปได้หรือไม่ว่า…
ฉินปู้เข่อเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองเขาอย่างสงสัย จากนั้นหัวใจของนางก็สว่างขึ้น
ฮึ่ม มันไม่ง่ายเลยที่จะเค้นคำพูดออกจากปากของนาง และนางก็กำชับซวงหวนไว้แล้ว ไม่มีใครสามารถล่วงรู้เกี่ยวกับ ‘โซดาห้ามเลือดฉุกเฉิน’ และระบบจากปากของนางได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินปู้เข่อก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับชามและหยุดมองหมี่โม่หรู่ในบางครั้ง นางกวาดสายตาจากรอยร้าวของชามและจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง
หมี่โม่หรู่ที่อยู่ข้างนางมองดูหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา และสีหน้าของนางก็เปลี่ยนจากความประหลาดใจเป็นความสงสัย จากความสงสัยเป็นไปสู่ความเข้าใจชัดเจน และจากนั้นก็แสดงความขุ่นเคืองและระมัดระวัง
เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง สีหน้าหลากหลายเช่นนี้สามารถปรากฏบนใบหน้าเล็ก ๆ นี้อย่างรวดเร็วได้อย่างไร
นอกจากนี้ พระชายาตัวน้อยของเขาอาจจะกำลังคิดอะไรแปลก ๆ อีกครั้ง มิฉะนั้นนางจะมองเขาเช่นนี้ทำไม
“ทานเสร็จแล้วเพคะ!” ฉินปู้เข่อเขย่าชามเปล่าต่อหน้าเขา
“ยา”
เมื่อต้องเผชิญกับความถูกผิดในการปกป้องความลับของระบบ ฉินปู้เข่อก็ไม่เกรงกลัวความยากลำบากเลย นางบีบจมูก และดื่มยาลงคอไปสองสามอึก
“หมดแล้วเพคะ” นางวางชามไว้ตรงหน้าหมี่โม่หรู่แล้วมองไปที่ประตู
ความหมายชัดเจนนัก หากมาเพื่อติดตามการกินยาของนาง เขาก็ควรออกไปได้แล้ว
เมื่อเห็นดังนั้น หมี่โม่หรู่ก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและเรียกอู๋เหินให้มาเข็นเขาออกไป
เป็นเวลาสี่หรือห้าวันติดต่อกัน กิจกรรมของฉินปู้เข่อถูกจำกัดให้อยู่แต่ในห้องชั้นใน และเขาก็มั่นใจว่านางจะไม่มีทางลุกจากเตียงเว้นแต่จะไปกินและไปห้องสุขา
มันเป็นเพียงสี่หรือห้าวันติดต่อกันของการดื่มยาต้มที่ทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังแช่ตัวอยู่ในขวดยา และมีกลิ่นเหม็นของยาออกมาจากภายในสู่ภายนอก
พฤติกรรมของหมี่โม่หรู่ก็ผิดปกติเช่นกัน โดยเขาต้องดูนางดื่มยาต้มหลังอาหารสามมื้อต่อวันให้เสร็จก่อน แล้วจึงจะออกไปจากสวนเฉินอวี้
เมื่อยาต้มอีกชามปรากฏขึ้นในสวนเฉินอวี้ ฉินปู้เข่อก็ไม่อาจยับยั้งการแผลงฤทธิ์ของตนได้อีกต่อไป
“หมี่โม่หรู่ หยุดทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ได้แล้ว! หากอู๋อวิ๋นและอู๋เยว่ไม่ได้รับบาดเจ็บ พวกนางก็ไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ อย่าคิดว่าการติดสินบนลูกกระสุนปืนเคลือบน้ำตาลจะทำให้ความคิดของหม่อมฉันเปลี่ยนไป!”
“อืม ข้ารู้” หมี่โม่หรู่เบ้ปาก
‘คำสารภาพ’ ว่าที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึงทำให้เขาหัวเราะในใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะเอาแต่มองเขาแบบตั้งรับในทุกวันนี้
กินยาหมดทีไรก็รู้สึกว่านางเชื่อฟังทุกที ปรากฏว่านางต้องการดื่มให้หมดอย่างรวดเร็วเพื่อขับไล่เขาออกไป
ฉินปู้เข่อเลิกคิ้วขึ้นและมองเขาด้วยแก้มป่อง โดยเข้าใจว่าชายผู้นี้ต้องมีแผนการอื่นจึงยังคงแสดงความเป็นมิตรเช่นนี้
“แผลที่แขนของเจ้าหายแล้วหรือ ขอข้าดูหน่อยสิ”
“เพคะ” ฉินปู้เข่อม้วนแขนเสื้อขึ้นและก้าวไปด้านข้างสองสามก้าว เพื่อพยายามอยู่ห่างจากชายผู้นี้
หมี่โม่หรู่ยื่นมือออกมาแล้วดึงนางเข้าหาตัว “ให้ซวงหวนทำความสะอาดแผลให้เจ้าก่อนแล้วค่อยออกไป”
“ไปที่ใดหรือเพคะ”
“แน่นอนว่ามันเป็นของกำนัลสำหรับน้องสะใภ้ของข้า” หมี่ฉงวิ่งเข้ามาจากประตูแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราได้จองที่นั่งในหมิงเทาเยี่ยนไว้แล้ว รอเพียงน้องสะใภ้ของข้ามาเริ่มการแสดง”
“ให้ของกำนัลหม่อมฉันหรือเพคะ?” ฉินปู้เข่อสับสนยิ่งกว่าเดิม นางอยู่ในห้องมาสองสามวันแล้วและไม่ได้ออกไปไหนเลย จะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับนางได้อย่างไร?
“นั่นเป็นเรื่องปกติ เมื่อสองสามคืนก่อนน้องสะใภ้พยายามเรียกพี่น้องสกุลจานมาอย่างเต็มที่ และการแสดงละครก็ทำได้ดีนัก ข้าจึงไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้น้องสะใภ้ของข้าต้องทำงานหนัก เจ้าจะได้พักผ่อนหลังจากจัดการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา…”
หมี่ฉงหยุดชั่วครู่ขณะที่เขาพูด ราวกับว่าเขากำลังพยายามที่จะหลบเลี่ยง
“มีอะไรอีกหรือไม่เพคะ?” เป็นกับดักของฉินปู้เข่อนั่นเอง ตอนแรกที่นางขอให้จานหานจือมาด้วย เพราะนางคิดว่าจานหานจือเป็นคนซื่อตรงและตรงไปตรงมา และไม่ว่าใครจะมาถามเรื่องปัญหาในวันนั้น คำให้การของนางก็จะเป็นกลางและเป็นไปตามวัตถุประสงค์
ต่อมาเมื่อรู้ว่าเป็นหมี่เซวียน นางก็ยังคงหวังอยู่ในใจว่าหมี่เซวียนจะต้องถูกลงโทษไม่มากก็น้อย
นางเป็นเพียงสตรีผู้อ่อนแอ อาหารในระบบสามารถทำให้นางสนุกได้มากที่สุด หากต้องการให้หมี่เซวียนชดใช้สำหรับการตายของเจ้าของร่างเดิมจริง ๆ นางก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากอ๋องที่มีสถานะและอำนาจที่แท้จริง
เมื่อเห็นว่าความสนใจของนางหันมาทางตัวเอง หมี่ฉงก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “เหมียวไค แม่ทัพแห่งกองกำลังปกป้องเมืองถูกไล่ออก แม่ทัพคนใหม่คือคนสนิทของเจ้าเจ็ด ส่วนองค์รัชทายาทนั้นถูกเสด็จพ่อตำหนิอย่างรุนแรง”
“ว่าอย่างไรนะ มันเป็นเพียงแค่การตำหนิหลังจากผ่านไปนานแล้ว เนื้อหนังของเขาไม่ได้ถลอกด้วยซ้ำ” ฉินปู้เข่อส่ายหัวด้วยความผิดหวัง เส้นสายขององค์รัชทายาทค่อนข้างหยั่งรากลึก
ใช้กองกำลังปกป้องเมืองเป็นการส่วนตัว บุกรุกตำหนักของท่านอ๋อง ใส่ร้ายท่านอ๋องและพระชา ทว่าสุดท้ายก็ถูกตำหนิเพียงไม่กี่คำเท่านั้น
ฮ่องเต้ต้าเซี่ยผู้นี้ผิดปกติเกินไป
“ฟังข้านะ เดิมทีเสด็จพ่อจะลงทัณฑ์องค์รัชทายาทอย่างหนัก แต่ฮองเฮาทรงอ้อนวอนขอพระเมตตาโดยตรัสว่าองค์รัชทายาทมีอารมณ์ไม่มั่นคงเพราะการอภิเษกสมรสไม่ราบรื่น จึงได้กระทำการหุนหันพลันแล่น ต่อมาฮองเฮาก็ทรงเลือกคู่ให้หมี่เซวียนและจะจัดงานอภิเษกสมรสก่อนวันส่งท้ายปีเก่าปีนี้”
ฉินปู้เข่อมองหมี่ฉงที่ดูมีความสุขนักและมองเห็นความเห็นอกเห็นใจในสายตาของเขา “ไม่ใช่เพียงเพราะท่านจะได้พบกับว่าที่พระชายาองค์ใหม่ มีอะไรที่ทำให้ท่านมีความสุขกันแน่”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระชายาผู้นี้เป็นใคร” หมี่ฉงพึงพอใจ
……………………………………………………………………….