“อัครมหาเสนาบดีพูดว่าอย่างไรนะ?” หมี่เซวียนเริ่มสนใจและเดินไปข้างต๋งตงเซียวไม่กี่ก้าว “เล่ามาให้ละเอียดซิ”
ต๋งตงเซียวเริ่มรู้สึกเหมือนมีปัญหา แล้วกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาไม่ชัดนัก เพียงแค่ว่าท่านพ่อกำลังถอนหายใจอย่างสบายอารมณ์ ขณะสนทนากับเพื่อนร่วมงานเรื่องความนิยมในตัวอ๋องชินของเขา แต่ข้ารู้สึกว่าท่านพ่อพูดเช่นนั้นก็คงมีเหตุผลบางอย่างส่วนตงเซียวผู้นี้คิดว่าท่านนั้นเหนือกว่าอ๋องหลี่ชินอย่างแน่นอน”
หมี่เซวียนพ่นลมเบา ๆ “วันนี้ข้าจะไปส่งเจ้ากลับจวนอัครมหาเสนาบดีเอง บังเอิญว่าข้าเองก็ไม่ได้เจออัครมหาเสนาบดีมาหลายวันแล้ว”
ต๋งตงเซียวเคารพนับถือเขาอย่างหน้ามืดตามัว หากต๋งชวนพูดเช่นนั้นได้ก็แสดงว่ามันต้องมีอะไรที่เขาไม่รู้เป็นแน่
…
เมื่อหมี่โม่หรู่ยุ่งกับงานของเขา ฉินปู้เข่อก็ไม่ได้เกียจคร้านเช่นกัน เมื่อนางได้ยินว่า หมี่เฉินอี้กลับมายังเมืองหลวงเมื่อสองสามวันก่อน นางก็หาเวลาไปเยี่ยมเยียนตำหนักของอ๋องจั่วเสียน
เมื่อหมี่เฉินอี้เห็นว่านางกำลังมา เขาก็วนรอบตัวนางหลายครั้ง จากนั้นจึงก้มลงมองตานางอยู่นาน แล้วยกมือขึ้นโบกขึ้นลงต่อหน้านาง
ฉินปู้เข่อกลอกตาสองสามครั้ง ขึ้นและลง ซ้ายและขวา และพูดเสียงดังว่า “เสด็จอาสำรวจเพียงพอแล้วหรือยังเพคะ”
“ไม่” หมี่เฉินอี้ยังคงมองนางด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าต๋งชวนต้องการจะควักดวงตาของเจ้าไปเก็บสะสมไว้ ปรากฏว่าดวงตาคู่นี้ไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีพลังวิเศษที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้อีกด้วย ตอนนี้นอกจากเขาแล้ว ข้าเองก็ต้องการจะเก็บสะสมไว้ด้วย”
ฉินปู้เข่อเบ้ปากด้วยความหงุดหงิด นางรู้ว่าชายผู้นี้มีความเสมอต้นเสมอปลายมาก เมื่อใดก็ตามที่นางแสดงความเป็นมิตรและต้องการแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสอย่างเขา เขาก็จะสามารถทำลายความรู้สึกดี ๆ ที่ผุดขึ้นในหัวใจของนางได้เสมอ
“วันนี้หม่อมฉันมามอบของกำนัลขอบคุณให้เสด็จอาเพคะ” ฉินปู้เข่อให้ซวงหวนหยิบกล่องผ้าและเปิดมันอย่างช้า ๆ “นี่คือ ‘น้ำห้ามเลือด’ ห้าสิบขวด หม่อมฉันรู้ว่า ‘น้ำห้ามเลือด’ ในมือของเสด็จอาหมดไปแล้ว หม่อมฉันจึงนำมาให้อีกเพื่อให้ท่านกักตุนเอาไว้ ขอบพระทัยเสด็จอาที่ปกป้องหมี่โม่หรู่ในสถานการณ์ที่อันตรายในครั้งนี้”
หมี่เฉินอี้มองนางด้วยความระแวงและปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ต้องหรอก หากจะกล่าวขอบคุณก็ควรจะเป็นเสด็จอาเช่นข้าที่ต้องขอบคุณเจ้าและโม่หรู่สำหรับการช่วยเหลือ และต้องส่งของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับตำหนักของอ๋องหลี่ชินด้วย”
“อืม…” ฉินปู้เข่อคิดดูแล้วก็ตอบตกลง นางปิดกล่องผ้าแล้วโบกมือให้หมี่เฉินอี้ “ก็แค่นั้นล่ะ หากเสด็จอามีของกำนัลอะไรจะขอบคุณหม่อมฉันก็ส่งไปได้เลย หม่อมฉันจะรีบกลับไปรอรับเพคะ”
นี่เอาคืนไปหมดเลยเรอะ?!
หมี่เฉินอี้มองซวงหวนที่หันหลังเดินจากไปอย่างกลุ้มใจ และจำใจต้องยื่นมือออกไป “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน”
สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่มี ‘น้ำห้ามเลือด’ อยู่ในมือเลย มีมากถึงห้าสิบขวดอยู่ตรงหน้า หากเอากลับไปเช่นนี้ก็ปวดตับแย่!
“เสด็จอาต้องการหรือไม่?” ฉินปู้เข่อโยนเหยื่อเบา ๆ “ด้วยการมีส่วนร่วมของเสด็จอา หม่อมฉันจึงสามารถซื้อได้มากมาย หากจะให้เสด็จอาไว้สักสองสามขวดก็ถือว่าไม่มากจนเกินไป”
หมี่เฉินอี้เข้าใจว่าตั๋วเงินหลายหมื่นตำลึงที่เขาเคยให้ไปก่อนหน้านี้มีบทบาท ทำให้สาวน้อยสามารถซื้อวัตถุดิบได้
“ก็ได้ หากเสด็จอาให้ของขวัญเจ้าอีกสองสามชิ้น เจ้าจะทิ้งไว้ให้ข้ากี่ขวด?!” หมี่เฉินอี้เจรจาโดยไม่ใช้ความอาวุโสเพื่อให้นางยอมรับ ดังนั้นเขาจึงต้องสุภาพนุ่มนวล
“กี่ขวดถึงจะพอ ห้าสิบขวด! ทั้งหมดนี้ให้เสด็จอา!”
ฉินปู้เข่อหยิบกล่องผ้าแล้วยื่นให้หมี่เฉินอี้อย่างสง่างาม จากนั้นจึงหยิบขวดตรงกลางขึ้นมาเปิดและจิบ ลิ้มรสมันและพูดด้วยรสชาติที่ยังค้างอยู่ในปากว่า “สิ่งนี้สามารถใช้ทาเพื่อรักษาบาดแผลได้ และยังสามารถใช้ดื่มทุกวันได้อีกด้วย…”
หมี่เฉินอี้จ้องมองการกระทำของฉินปู้เข่อราวกับแมวตะกละ และรู้สึกว่าการที่นางดื่มเข้าไปนั้นช่างสิ้นเปลืองเหลือเกิน และเขาก็รู้สึกเศร้าและอิจฉาในเวลาเดียวกัน
…………………………………………………………………………..