The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1052 – น้ำผึ้งร้อยบุพผา

ตอนที่ 1052 - น้ำผึ้งร้อยบุพผา

  พรึ่บ…

  แผ่นศิลาลอยขึ้นหน้าซือหยูมันคือแผ่นศิลาที่จารึกวิชาโอรสสวรรค์จ้องนภาเอาไว้!

  ก่อนหน้านี้ซือหยูล้มเหลวในการพัฒนาวิชานี้แม้จะบ่มเพาะอย่างยาวนาน เขามิอาจพลาดโอกาสทองนี้ไปได้ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเรียกวิชาฝ่ามือเทพสุริยาออกมาด้วย

  วิชาเก้ามังกรอสูรโอรสวรรค์จ้องนภา ฝ่ามือเทพสุริยา…ซือหยูคิดจะบ่มเพาะทั้งสามวิชานี้ในคราเดียว! เขามิได้โลภในการเติบโต แต่โอกาสนี้หาได้ยากและล้ำค่า เขาจะไม่ปล่อยให้มันผ่านไป!

  หลังจากขจัดความคิดรบกวนออกไปหมดซือหยูใช้พลังเร่งเวลารอบกายไปห้าร้อยเท่า จากนั้นจึงทำสมาธิ

  เขาเริ่มด้วยมังกรเก้าอสูรความยากของวิชานี้มิใช่การทำความเข้าใจแต่เป็นการกักเก็บพลังอสูรในร่างกาย เมื่อเขามีพลังอสูรมากพอ การบ่มเพาะย่อมไหลลื่นขึ้น

  เขาบ่มเพาะฝ่ามือเทพสุริยาต่อจากมังกรเก้าอสูรฝ่ามือนี้เป็นวิชาที่เคยยาก มีหลายส่วนที่เขาแทบจะไม่เข้าใจ แต่ด้วยสภาวะขณะนี้ มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา!

  สุดท้ายซือหยูบ่มเพาะโอรสสวรรค์จ้องนภา ขอบเขตวิญญาณมายาระดับสามนั้นเทียบเท่าวิชาบ่มเพาะชั้นฟ้า มันยากยิ่งกว่าวิชาฝ่ามือเทพสุริยา หยุนยาสีได้ชี้แนะซือหยูมาก่อนแล้ว และด้วยปัญญาที่มากกว่าเดิมสิบเท่า ความยากของวิชาได้ลดลงไปมาก

  ก่อนจะนานเกิดความแปลกประหลาดมากมายที่ผิวกายของซือหยู อย่างแรกคือสิ่งรอบข้าง มีมังกรอสูรที่แทบมองไม่เห็นเคลื่อนคล้อยรอบตัวเขาไม่หยุด ไม่นานหลังจากนั้นก็มีบางอย่างโผล่ออกมาจากกะโหลกของเขา สุดท้ายได้เกิดแสงขาวเปล่งประกายไม่หยุดยั้งที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของซือหยู ลำแสงสามสีแปลบปลาบและเลือนหายรอบกายเขา มันเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

  ผ่านไปครึ่งชั่วยามหนึ่งชั่วยาม หนึ่งชั่วยามครึ่ง ลำแสงทั้งสามได้ระเบิดออกเป็นวงทมิฬกว้างพันศอกใต้เท้าซือหยู

  ภายในวงกลมนี้พลังอสูรปะทุขึ้นจนสั่นสะเทือนไปทั่ว เสียงสายฟ้าคลั่นทะลวงชั้นเมฆ พลังอสูรขนาดมหึมากว้างพันศอกลอยออกมาจากมิติอสูรและรุกล้ำมมาหาเขา

  มันผิดแปลกกับมังกรอสูรที่ซือหยูเคยมีมังกรตัวนี้ใหญ่กว่ามังกรตัวอื่นถึงแปดเท่า! ที่น่าตกตะลึงกว่านั้นก็คือมันมีถึงแปดหัว!

  มังกรอสูรแปดหัว!นี่คือพลังเมื่อเขาบ่มเพาะเก้ามังกรอสูรจนถึงขั้นที่แปด!

  ผู้เขียนวิชานี้คืออรหันต์อสูรที่เริ่มเดินในวิถีของอสูรเขามีพรสวรรค์เหนือกว่าใครและทิ้งวิชาระดับนี้เอาไว้ให้ซือหยู

  เงื่อนไขในการบ่มเพาะวิชานี้นั้นหาได้ยากผู้บ่มเพาะต้องมีโลหิตมังกรไหลเวียนในสายโลหิตเพื่อสร้างมังกรอสูร ซือหยูมีสายใยมังกรในร่าง เขาจึงสามารถบ่มเพาะวิชานี้ได้

  ตามที่บันทึกเอาไว้ผู้บ่มเพาะวิชานี้สามารถเอาชนะจ้าวเทวะชั้นสูงได้ทุกคนเมื่อได้มังกรอสูรขั้นที่แปด

  แต่ในตอนนี้ซือหยูมิอาจใจเย็นได้เลยเมื่อสัมผัสพลังจากมังกรอสูรพันศอกตัวนี้ มันทำให้เขารู้สึกถึงอสูรเนรมิตรขั้นหนึ่ง! มันอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นอีก!

  ยิ่งไปกว่านั้นมังกรแปดหัวยังไม่เคยมีบันทึกอยู่ในตำรา

   ข้าบ่มเพาะผิดหรือยังไงกันหรือว่าเป็นเพราะตัวข้าเอง? 

  ซือหยูฉงน

  ในตอนนั้นผมเส้นหนึ่งลอยออกมาจากศีรษะของเขา มันแปลงกายเป็นคน เขาคือหยุนย่าสี

   เจ้าแปรเปลี่ยนวิถีของวิชามิใช่การบ่มเพาะหรือร่างกายของเจ้า 

  หยุนย่าสียิ้ม   ท่านอาจารย์ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่? 

  ซือหยูแปลกใจหยุนย่าสีกลับไปปิดประตูฝึกตนเพื่อปรับแต่งวิหคไม้ให้ซือหยู เขาควรจะปรากฏตัวในอีกสามวันข้างหน้า

   หลายวันแล้ววิหคไม้อยู่ในแหวนมิติของเจ้า 

  ซือหยูไม่รู้เลยว่าหยุนย่าสีใส่วิหคไม้ลงในแหวนมิติของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ตอนนี้เขาต้องสนใจเรื่องอื่น

   ท่านอาจารย์เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ผ่านมาหรือไม่? 

  หยุนย่าสีพยักหน้า

   ข้าเห็นแล้วข้าล่องรอบแดนมณีมาครั้งหนึ่ง 

  หยุนย่าสีแววตาหมองลงเล็กน้อยความรู้สึกอันซับซ้อนแล่นผ่านดวงตา

   เป็นอย่างที่ข้าคิดมันเกิดขึ้นแล้ว 

  ซือหยูไม่เข้าใจแต่เข้ารู้ดีว่าหยุนย่าสีจะบอกอะไรกับเขา ซือหยูไม่คิดจะถาม เขาอยากจะค้นหาความจริงด้วยตัวเอง

   อย่าพูดถึงมันเลยท่านอาจารย์ท่านบอกว่าการบ่มเพาะของข้าเบี่ยงเบนวิถีไป มันจะมีผลตามมาหรือไม่? 

  หยุนย่าสีหยุดความคิดและส่ายหน้า

   จะมีผลอะไรจากพลังที่มากขึ้นเล่า?ถ้าเจ้าต่อต้าน ความซับซ้อนจะมากขึ้นเมื่อเจ้าสร้างมังกรอสูรตัวสุดท้าย 

  ซือหยูใจเต้นแรงเขาจำได้ว่าผู้สร้างวิชานี้กล้ายเป็นเถ้าถ่านเมื่อสร้างมังกรตัวที่เก้า มันได้เรียกวิบัติแห่งโชคชะตามาหาเขา

   การกลายพันธุ์ของวิชาเจ้าอาจเกี่ยวกับพลังที่เจ้าใช้บ่มเพาะ 

  หยุนย่าสีชี้ประตูชีวาล่องในมือซือหยู

   มันคือพลังอสูรของเผ่าอสูรมันคือพลังอสูรของจริงที่บริสุทธิ์กว่าพลังที่ทุกคนรู้ในทวีป ไม่แปลกใจที่มันจะมีพลังเท่านี้  ไอลีนโนเวล

  หลังจากมองซือหยูหยุนย่าสีกล่าว

   แล้วพลังของวิชานี้ก็ยิ่งใหญ่กว่านั้นมันถูกจำกัดพลังไปมากเพราะร่างกายของเจ้า ถ้าเจ้าเทพปีศาจนั้นทำให้กายามังกรแรกของเจ้าเป็นกายามังกรเก้าได้ พลังที่แท้จริงของวิชานี้จะแสดงออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ 

  ซือหยูตกตะลึงหยุนย่าสีดูจะสนใจวิชาอสูรนี้พอสมควร มันเป็นวิชาอสูรธรรมดา ๆ จริง ๆ รึ?

   ถ้าใช้วิชานี้ให้ดีเจ้าจะได้ประโยชน์จากมันอย่างมหาศาลในวันหนึ่ง 

  หยุนย่าสีบอกใบ้

   ตอนนี้ขอข้าดูพัฒนาการโอรสสวรรค์จ้องนภาของเจ้าหน่อย 

  หยุนย่าสีชี้ดัชนีที่ระหว่างคิ้วซือหยู

  ดวงวิญญาณซือหยูออกมาจากร่างทันที!แต่เขาก็ไม่รู้สึกหนาวเย็นอย่างเคย มันรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับกายหยาบ

  ที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือมีผ้าคลุมบนดวงวิญญาณของเขา

   มีผ้าคลุมราชันย์แล้วรึไม่เลว! มันคือสัญลักษณ์ของการบรรลุขอบเขตวิญญาณมายา! 

  หยุนย่าสีตาลุกวาวและตื่นเต้น

   น้ำผึ้งร้อยบุพผาได้ฤทธิ์น่าตกใจนัก! 

  ผ้าคลุมราชันย์?ซือหยูมองดูผ้าคลุมบนดวงวิญญาณของตัวเองด้วยความสงสัย

   ผ้าคลุมราชันย์คือรางวัลพิเศษในตอนที่เจ้ามาถึงขอบเขตวิญญาณมายามันมีพลังป้องกัน! วิชาได้ยอมรับเจ้าแล้ว! 

  วิชาเลือกเจ้าของได้หรือ?นี่เป็นครั้งแรกที่ซือหยูได้ยินเรื่องนี้ แต่เขาสนใจสิ่งอื่นมากกว่า

   ผ้าคลุมมีไว้เพื่อป้องกันดวงวิญญาณอย่างเดียวรึ?มันมีพลังป้องกันแค่ไหนกัน? 

   มากพอจนเจ้าพอใจ!เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บ่มเพาะมีอันตราย ผ้าคลุมราชันย์จะปกป้องเจ้าจากการโจมตีวิญญาณที่ต่ำกว่าระดับเซียน! 

  ซือหยูตะลึงทุกการโจมตีที่ต่ำกว่าเซียนรึ? แสดงกว่าแม้แต่อสูรเนรมิตรก็ทำอะไรไม่ได้!

  แม้กายหยาบจะแตกสลายวิญญาณของเขาจะยังคงอยู่! ในโลกใบนี้จะไม่มีใครสังหารเขาได้จริงนอกจากราชาเก้าเขต จ้าวผาบั่นภูติ และเซียนคนอื่น

  ในที่สุดซือหยูก็รู้แล้วว่าการบ่มเพาะโอรสสวรรค์จ้องนภาให้อะไรกับเขา

   เจ้าลองพลังของขอบเขตวิญญาณมายาขั้นต้นดูสิ 

  หยุนย่าสีพูด

  ซือหยูพยักหน้าผ้าคลุมราชันย์คือรางวัลพิเศษที่จะช่วยปกป้องเขา แต่ซือหยูยังไม่เคยใช้พลังของขอบเขตนี้เลย

  ตามบันทึกในแผ่นศิลาขอบเขตวิญญาณมายาแบ่งเป็นสามขั้น ทุกขั้นมีพลังที่แตกต่างกัน เมื่อเขาบ่มเพาะขั้นต้นเสร็จ ซือหยูย่อมอยากลองพลังที่ได้!

  หลังจากวิญญาณกลับสู่ร่างซือหยูเรียกจางตี๋เก้อออกมา ซือหยูแววตาเปล่งแสง เมื่อได้มองตา จางตี๋เก้อชักสีหน้าและรีบถอยไปทันที นางดูสงสัย

   กู้ไทซู! 

  ในสายตาจางตี๋เก้อซือหยูได้เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มรูปหล่อตัวสูงใหญ่ นางรู้จักคนนี้ เขาคือศัตรูตัวฉกาจของเจ้านาย!

  จางตี๋เก้อพยายามจะมองดูคนตรงหน้าแต่ในการมองครั้งแรก นางมิอาจแยกตัวจริงกับตัวปลอมได้เลย

   เหมือนจริงนัก! 

  ซือหยูพยักหน้าหลังจากคิด ดวงตาเขาเปล่งแสงอ่อน ๆ อีกครั้ง โลกที่ดวงตาจางตี๋เก้อเห็นได้เปลี่ยนไปอย่างมาก นางได้กลับไปที่ก้นบึ้งมังกรที่ทวีปเฉินหลง! ความเหมือนจริงทำให้นางแยกความจริงกับมายาไม่ออก

  แสงอ่อนๆ ส่องสว่างจากตาซือหยูอีกครั้ง มายารอบกายจางตี๋เก้อสลายไป

   ท่านอาจารย์วิชามายานี้หลอกคนระดับไหนได้บ้างหรือ? 

  ซือหยูถามหลังจากทดสอบหลายรอบ วิชามายานี้สามารถใช้งานได้ทันทีที่มองตา ทั้งตัวเขาเองและสิ่งรอบข้างศัตรูเขาจะเปลี่ยนไปได้

  หยุนย่าสีกล่าว

   ระดับวิญญาณของเจ้าในตอนนี้คือจ้าวเทวะระดับหกตามทฤษฎี แม้แต่วิญญาณอสูรเนรมิตรระดับสามก็รอดพ้นวิชามายาเจ้าไม่ได้ แต่มันเป็นแค่ทฤษฎี ตามปกติ คนที่เป็นอสูรเนรมิตรนั้นมีสมบัตินับไม่ถ้วนอยู่กับตัว สมบัติพวกนั้นป้องกันมายาได้ ในความเป็นจริงคงมีอสูรเนรมิตรระดับสามแค่ไม่กี่คนที่จะถูกลวง 

  พลังมีเท่านี้สินะแต่ซือหยูพอใจมากแล้ว

  เมื่อได้เห็นพลังของวิชามายาในหอคอยซือหยูก็ตื่นเต้นที่จะลองพลังของมัน

  พลังโอรสสวรรค์จ้องนภาของซือหยูเพิ่มขึ้นมากเมื่อเขามาถึงขอบเขตวิญญาณมายา

  สุดท้ายกระบวนท่าที่สองของ ‘ฝ่ามือเทพดับสวรรค์’ หรือฝ่ามือสุริยาก็เพิ่มพลังขึ้นมากเช่นกัน มันมาถึงระดับสูงจากระดับต้น! ในด้านพลัง มันอ่อนแอกว่าวิชาเก้ามังกรอสูรขั้นแปดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

   ท่านอาจารย์มีอะไรจะชี้แนะข้าเรื่องวิชาฝ่ามือหรือไม่? 

  ซือหยูรอคอยเวลานี้มานานวิชานี้มักจะเป็นที่รู้จักว่าเป็นวิชาระดับเซียน แต่พลังของมันนั้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

  หยุนย่าสีเรียกคัมภีร์ลับออกมาเปิดอ่านและโยนกลับไปให้ซือหยู

   วิชาระดับเซียนฉบับง่ายแก่นของวิชาหายไป ไร้รสนิยมแต่น่าเสียดายหากทิ้งไป 

   วิชาระดับตำนานชั้นสูงเต็มเล่มยังดีกว่านี้!มันมีพลังของวิชาฉบับย่อแล้ว หยุดตรงนี้เถอะ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับมัน 

  วิชาฉบับย่อรึ?ซือหยูตะลึง! วิชาที่เขาฝึกฝนขมาอย่างยาวนานกลับเป็นแค่วิชาฉบับย่อ! แต่เมื่อหยุดคิดเขาก็พบว่ามันมีเหตุผลวิชานี้ถูกฝึกโดยราชาเขตกลาง และมีอีกหลายคนที่ฝึกฝน การถูกแพร่งพรายออกไปนั้นเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นวิชาฉบับจริงจึงควรจะถูกปกป้องเอาไว้

  แต่ซือหยูคิดว่าน่าเสียหายหากจะทิ้งมันไปเพราะมันก็ยังเป็นวิชาฉบับย่อของระดับเซียน และด้วยชื่อเสียงของวิชานี้ เขาจะยังใช้มันหลอกคนอื่นได้ ใช่ไหม?

  หลังจากตัดสินใจเก็บวิชาเอาไว้ซือหยูถอนหายใจพร้อมกับยืนขึ้น เขามองดูยอดฝีมือทั้งสองหมื่นคนพร้อมกับยิ้ม

  เขาเคยไม่มั่นใจมาก่อนว่าจะจัดการร่างเงาของตงฟางเถียนเฟิงกับปี้หลิงเทียนได้หรือไม่แต่ในตอนนี้เขามั่นใจแล้ว! จิตวิญญาณวิบัติบอกว่าพลังของร่างเงาไม่แตกต่างจากร่างจริง แต่พลังของร่างเงาเหล่านี้จะจำกัดอยู่ที่ฐานพลังและสมบัติที่มี

  การตอบสนองต่อการต่อสู้นั้นอาจไม่ได้ลอกเลียนมาอย่างสมบูรณ์หากเป็นเช่นนี้โอกาสที่จะชนะก็สูงมาก! ซือหยูรู้สึกยินดีเมื่อมองเหล่าร่างเงามากมาย เมื่อบ่มเพาะสำเร็จก็ถึงเวลาพอดีที่เขาจะได้หาคู่มือทดสอบวิชา เรื่องที่ยุ่งยากสำหรับคนอื่นได้กลายเป็นการพัฒนาอันล้ำค่าและการออกกำลังกายของซือหยู!

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท