“ลูกยังไม่ทันเกิดเลย ท่านจะสอนมารยาทการกินให้เขาได้อย่าไร เดี๋ยวสิ เขาขยับตัวแล้วนี่นา เขาขยับตัวแล้ว!” เฮ่อเหลียนเวยเวยทั้งดีใจและประหลาดใจ รอยยิ้มของนางอ่อนโยนอย่างมากขณะที่นางเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านรู้สึกหรือเปล่า”
“อืม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ตาลงช้าๆ ไม่ใช่แค่รู้สึกได้ แต่เขายังสัมผัสได้ว่าลูกถีบนั้นรุนแรงผิดปกติ…
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มกว้าง แล้วผลักเขาออกก่อนจะลูบท้องตัวเอง ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือเปล่า แต่ลูกถีบเมื่อครู่นี้แรงกว่าปกติทีเดียว จากนั้นนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “เขาคงตื่นเต้นที่จะได้พบท่านน่าดู เขาถึงกับทักทายท่านเชียวนะ”
ทักทายข้าหรือ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ถูกผลักออกกระตุกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย ลูกถีบนั้นไม่ใช่การทักทาย แต่เขามั่นใจว่าเจ้าสิ่งนั้นกำลังท้าทายเขาอยู่
หึ ดี ดียิ่งนัก…
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังจมอยู่ในภวังค์แห่งความสุข ดังนั้นนางจึงไม่ทันสังเกตเห็นสายตามีเลศนัยขององค์ชาย
จำนวนนางกำนัลที่ถูกส่งมารับใช้นางกลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทันทีที่พวกเขากลับมาถึงตำหนักจิ่วฉง
อดีตฮ่องเต้ถึงกับสั่งให้ขันทีซุนคัดเลือกหมอหญิงมากประสบการณ์มาดูแลเฮ่อเหลียนเวยเวยอีกด้วย
ตัวตนของหมอหญิงทั้งสองคนได้รับการตรวจสอบหลายต่อหลายครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงแผนการชั่วร้ายต่างๆ นานา
ห้องเครื่องได้รับคำสั่งให้ทำทุกอย่างตามใจพระชายาสาม ไม่ว่าจะดึกดื่นเพียงใดก็จะต้องมีคนเตรียมพร้อมอยู่ในห้องเครื่องเสมอ
นี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเฮ่อเหลียนเวยเวย แม้ว่านางจะมีสตรอว์เบอร์รีจากในมิติสวรรค์เป็นยาบำรุงกำลังและบรรเทาความหิวอยู่ก็ตาม…
ในฐานะมนุษย์ เฮ่อเหลียนเวยเวยย่อมชอบกินอาหารธรรมดาเช่นเมล็ดธัญพืชมากกว่า แต่อาหารพวกนั้นกลับดูเหมือนจะไม่สามารถเติมเต็มความหิวโหยของเด็กในท้องนางได้เท่าใดนัก
สถาบันหมอหลวงจัดหาหมอหลวงสามคนมาตรวจดูอาการเฮ่อเหลียนเวยเวยในทุกมื้ออาหาร หมอหลวงหลิวก็เป็นหนึ่งในนั้น
หมอหลวงหลิวเคยจับชีพจรให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยมาแล้วในครั้งแรก แต่ในระหว่างการตรวจครั้งที่สอง เขากลับรู้สึกว่าชีพจรนี้ดูแปลกอย่างยากจะอธิบายได้ เขามั่นใจว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ไม่ผิดแน่ แต่เมื่อเขาวางหูฟังที่ทำจากไม้ไผ่ลงบนท้องของเฮ่อเหลียนเวยเวยผ่านเสื้อคลุม เขาก็ได้ยินเสียงคำรามกึกก้องราวกับเสียงพลุดังผ่านมาทางเครื่องมือนั้น
หมอหลวงหลิวกลัวจนควบคุมไม่ได้ เขาโยนหูฟังที่ทำจากไม้ไผ่อันนั้นทิ้งทันที
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่นั่งอยู่ข้างนางหรี่ตา แล้ววางถ้วยชาในมือลง
“ทำไม เกิดอะไรขึ้นหรือ” หมอหลวงคนอื่นๆ มีปฏิกิริยารุนแรงกว่าเขาเสียอีก อย่างไรในเวลานี้พวกเขาก็เป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของพระชายาสาม
แต่พวกเขายังไม่สามารถบอกได้ว่าเด็กในครรภ์นั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง…
ถ้าทารกในครรภ์ของพระชายาสามเป็นเด็กผู้ชาย เช่นนั้นเขาก็จะได้เป็นเหลนคนแรกของจักรวรรดิจ้านหลง!
ตอนนี้เด็กที่มีความสำคัญที่สุดในโลกใบนี้ก็คือคนที่อยู่ในท้องของพระชายาสามนี่เอง
จะมีอะไรผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
เฮ่อเหลียนเวยเวยที่นั่งอยู่หลังม่านเลิกคิ้วขึ้นเช่นกัน จากนั้นนางจึงถามว่า “มีอะไรผิดปกติหรือ”
หมอหลวงหลิวส่ายศีรษะแล้วพึมพำกับตัวเองในใจว่า มีเสียงพลุเกิดขึ้นได้อย่างไร มันผิดปกติมิใช่หรือ แต่ชีพจรของนางก็ไม่มีอะไรผิดปกติ อีกทั้งทารกน้อยก็ยังสุขภาพแข็งแรงดี มีปัญหาอันใดเกิดขึ้นกันแน่ เขาคิดไปเองหรือ
“หมอหลวงหลิว?” หมอหลวงจางที่อยู่ใกล้กับหมอหลวงหลิวที่สุดผลักร่างเขาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขายังคงเงียบ
ทันใดนั้นหมอหลวงหลิวก็ได้สติ แต่ดวงตาของเขากลับสบเข้ากับสายตาเย็นชาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเข้าเสียก่อน
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร พักนี้หูข้ามันอื้อๆ อย่างไรชอบกล” หมอหลวงหลิวเริ่มสงสัยในสุขภาพตัวเองขณะพูดต่อ “ข้ายกหน้าที่ฟังให้หมอหลวงจางทำก็แล้วกัน”
แสงสีทองวาบขึ้นในดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก่อนจะหายวับไปทันทีที่เขาเห็นเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากของหมอหลวงหลิว
เฮ่อเหลียนเวยเวยสังเกตเห็นเช่นเดียวกันว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ดังนั้นนางจึงลูบท้องน้อยของตัวเองและพยายามสัมผัสมัน
หมอหลวงจางหยิบหูฟังไม้ไผ่อันนั้นขึ้นจากพื้น และกำลังจะก้มตัวลงไปฟัง…
ทันใดนั้นทุกคนก็พลันได้ยินเสียงลั่นกร๊อบ จากนั้นรอยร้าวขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่ปลายหูฟังไม้ไผ่อันนั้น
หูฟังไม้ไผ่พังจนไม่สามารถใช้การได้อีก
หมอหลวงหลิวตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันที เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ที่แท้หูฟังไม้ไผ่ก็พังแล้วนี่เอง ข้านึกว่า…” เขาคงแก่เกินไปแล้วกระมัง ถึงได้ตีโพยตีพายไปกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
“ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ พระชายาสาม หูฟังไม้ไผ่เพียงแค่พังเท่านั้น ชีพจรบ่งบอกว่าทุกอย่างปกติดี แต่ท่านจะต้องเสวยอาหารอุ่นๆ ให้มากขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ จะเสวยปูและกุ้งไม่ได้อีกแล้ว อีกอย่างหนึ่ง ท่านควรลดผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นลงด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงจางรายงานด้วยท่าทางเคารพโดยไม่ตกหล่นแม้แต่น้อยเฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มเล็กน้อยแทนคำตอบ แต่ดวงตาของนางกลับดำทะมึนขึ้นในทันใด
ปฏิกิริยาเมื่อครู่นี้ของหมอหลวงหลิวดูจะไม่ได้เกิดจากสาเหตุธรรมดาอย่างหูฟังไม้ไผ่พัง
ตรงกันข้ามเลยต่างหาก เขาดูเหมือนคนที่ได้ยินเสียงสิ่งผิดปกติ และกลัวจนเผลอปล่อยมือจากสิ่งที่จับอยู่มากกว่า
ยิ่งกว่านั้นคนจากสำนักหมอหลวงก็ปฏิบัติหน้าที่นี้มาหลายปี จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำผิดพลาดและนำหูฟังไม้ไผ่ที่พังแล้วมาที่นี่ เว้นเสียแต่ว่าหูฟังไม้ไผ่อันนี้จะเพิ่งแตกเมื่อครู่นี้
แต่จะบังเอิญเกินไปหรือเปล่าที่มันจะแตกทันทีที่เข้าใกล้ท้องของนาง…
เป็นไปได้หรือไม่ว่า…
“ฝีมือเจ้าใช่หรือเปล่า” เฮ่อเหลียนเวยเวยถอนหายใจแล้วลูบท้องตัวเอง นางยิ้มอย่างจนใจให้กับเด็กคนนี้ด้วยความรัก พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าซนเกินไปแล้วนะ เจ้าทำให้หมอหลวงหลิวกลัวแทบตายแน่ะ!”
นางรู้อยู่แล้วว่าลูกของนางแตกต่างจากคนอื่น
ดังนั้นนางถึงไม่รู้สึกแปลกใจเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
แทนที่จะเป็นเช่นนั้น นางกลับเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเพราะนางไม่รู้ว่าใครจะควบคุมเจ้าหนูนี่ได้หลังจากคลอดออกมา
เจ้านี่มันซนจริงเชียว!
“ถ้าเจ้ายังดื้ออีก คืนนี้เจ้าจะไม่ได้กินสตรอว์เบอร์รีที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณพวกนั้นอีกแม้แต่ผลเดียว”
ทารกน้อยส่งเสียงครางเล็กน้อยราวกับรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เฮ่อเหลียนเวยเวยก็รู้สึกได้เช่นกัน นางจึงส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นนางจึงเริ่มสอนอีกฝ่ายว่า “แม่รู้ว่าเจ้าไม่ชอบเวลาที่มีคนจับตัวเจ้า แม่จะไม่ให้พวกเขาใช้หูฟังไม้ไผ่นี่อีกแล้ว แต่เจ้าเองก็ต้องทำตัวดีๆ เข้าใจหรือเปล่า เลิกแกล้งให้คนกลัวได้แล้ว”
ว่ากันว่าจิตใจของแม่กับลูกเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง แม้เด็กคนนี้จะยังไม่เกิด แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังพูดอะไรอยู่
เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเด็กดี…
ในไม่ช้า การเคลื่อนไหวในท้องของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็หยุดลง
ดูเหมือนเขาจะผล็อยหลับไปหลังจากก่อเรื่อง
ถึงเฮ่อเหลียนเวยเวยจะยกโทษให้เขาแล้ว แต่องค์ชายสามกลับไม่ได้คิดเหมือนนาง
หลังจากส่งหมอหลวงกลับ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจึงเดินตรงไปทางม่าน เขายื่นมือออกไปโบกเป็นสัญญาณบอกให้นางกำนัลทั้งหมดออกไปเช่นกัน จากนั้นเขาจึงเปิดม่านออก แล้วเลิกคิ้วพร้อมกับจ้องมองไปที่ท้องของเฮ่อเหลียนเวยเวย
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังหาวอยู่ นางกำลังจะผล็อยหลับเพราะรู้สึกง่วงอย่างมาก
ดูเหมือนการตั้งครรภ์จะทำให้นางเกียจคร้านขึ้นกว่าเมื่อก่อน นางเอนหลังพิงหัวเตียงด้วยท่าทางสบายๆ ขณะที่ผมยาวนุ่มของนางสยายอยู่บนเสื้อตัวในสีขาว และทำให้นางดูสว่างไสวและงดงามยิ่งกว่าเดิม ดวงตาของนางพร่ามัวเพราะความง่วง ความงามของนางชวนให้หยุดหายใจเป็นอย่างยิ่ง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเพียงโน้มตัวลงแล้วอุ้มนางขึ้น ม่านที่ทิ้งตัวปิดลงเองทีละชั้นทางด้านหลังของเขายิ่งทำให้ภาพนี้ดูหรูหราและงดงามอย่างมาก…